ต้องรู้! เพิ่มโอกาส สร้างความเข้าใจสู่ความยั่งยืน ด้วยการจัดอบรมพนักงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ต้องรู้! เพิ่มโอกาส สร้างความเข้าใจสู่ความยั่งยืน ด้วยการจัดอบรมพนักงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ในวันที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกปี องค์กรที่ไม่ปรับตัว อาจจะคว้าโอกาสทางการค้าไม่ทัน ถ้าหากมาเริ่มทำในวันที่คู่แข่งแซงหน้าไปไกลแล้ว อาจจะตกขบวนรถ ที่พลาดการคว้าโอกาสในตลาดสีเขียว หรืออาจจะเสียเปรียบทางการค้าที่จะโดนเก็บภาษีต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงต้นทุนที่สูงขึ้นจากกฎระเบียบสิ่งแวดล้อม และข้อกำหนดระหว่างประเทศ เช่น ธุรกิจที่มีการส่งสินค้าไปต่าง EU จะโดนเรียกเก็บภาษีสูงขึ้นหากเป็นสินค้าใน 6 กลุ่มสินค้านำร่อง ด้วยมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป ที่จะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในวันที่ 1 มกราคม 2569 นี้รวมถึงในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลกเริ่มมีการปรับเปลี่ยน ร่างข้อตกลงความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเช่นกัน 

การจัดอบรมพนักงาน ด้าน ESG & Carbon Footprint และด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

อย่างที่เราทราบกันดีถึงนโยบายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเอง ได้ออกมาตรการ นโยบายจากภาครัฐ ในการขอความร่วมมือให้ภาคธุรกิจมีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและการคำนึงถึงด้านความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่คู่ค้าก็ได้มีการขอรายงานในแต่ละบริษัทในการดำเนินการส่วนนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนดำเนินการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดน้อยลง การชดเชย การวางแผนเพื่อนำพลังงานสะอาดมาใช้มากขึ้น หรือการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับองค์กรและผลิตภัณฑ์เพื่อให้ทราบถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาซึ่งการปรับปรุง การพัฒนาในการดำเนินการต่อไป 

 

3 เหตุผลหลัก ที่ต้องจัดอบรมพนักงานก่อนการดำเนินงานในด้านสิ่งแวดล้อม 

1.สร้างความเข้าใจในการดำเนินงาน การวางแผนจัดเก็บข้อมูลร่วมกันในทีมที่ต้องเก็บข้อมูลและประสานงานกัน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

2.เพื่อสร้างความรู้พื้นฐาน การเข้าใจจากการทำ WorkShop โดยการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

3.สร้างความเข้าใจในภาพรวมเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs และ ESG ในเชิงปฏิบัติ รวมถึงการทำ CBAM, Carbon Credit ด้วยในลำดับต่อไป 

การจะทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์หรือการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืนได้นั่น แน่นอนว่าผู้บริหาร ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จนถึงพนักงานระดับปฎิบัติการต้องมีการทำความเข้าใจ และทราบถึงแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้อง มีทิศทางในการจัดเก็บข้อมูล มีเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกันในการจัดทำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการวางแผนดำเนินการลดการปล่อยก๊าซในระยะยาวที่ช่วยลดต้นทุนองค์กร พัฒนาแนวทางปฏิบัติใหม่ และขับเคลื่อนนโยบายสิ่งแวดล้อมในเชิงกลยุทธ์ได้

ตัวอย่างเนื้อหาที่มีการจัดอบรมให้กับองค์กรต่าง ๆ

  • เข้าใจแนวคิด “Carbon Footprint for Organization (CFO)” 
  • การคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมในองค์กร ตามขอบเขต Scope 1, 2 และ 3 การแยกScope 1, 2, 3 แบบเข้าใจง่าย และกรณีศึกษาจากภาคอุตสาหกรรมจริง
  • วิธีจัดเก็บข้อมูลกิจกรรมภายในองค์กรและเครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการคำนวณ 
  • การจัดทำรายงานตามมาตรฐาน ISO14064-1
  • การเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs และ ESG ในเชิงปฏิบัติ
  • การทำโครงการ CBAM, Carbon Credit 

ใครบ้างที่ต้องเข้าอบรม ยกตัวอย่างเช่น 

หัวหน้าและฝ่ายปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบัญชี ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ฝ่ายผลิต และอื่น ๆ ตามโครงสร้างขององค์กรในแต่ละแห่ง

เนื้อหาข้างต้นเป็นเพียงหัวข้อตัวอย่างที่มีการจัดอบรมให้กับแต่ละองค์กร โดยทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาด้านการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์กับ อบก. แล้ว โดยยึดตามแนวทางและมาตรฐานที่ทาง อบก. กำหนดไว้ ซึ่งหัวข้อสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามแต่ละอุตสาหกรรม แนวทางนโยบายขององค์กร เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง ความเข้าใจ สามารถนำไปใช้ได้จริงในทันที 

 

การวางกลยุทธ์ลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมของโรงงานไทย 

การทำ Workshop สร้างความเข้าใจในการเก็บข้อมูล จะช่วยสร้างความเข้าใจได้อย่างไรบ้าง

1. เพื่อให้พนักงานเข้าใจภาพรวมของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้มากยิ่งขึ้น 

การคำนวณ Carbon Footprint มีองค์ประกอบหลายส่วน เช่น:

  • Scope 1: การปล่อยโดยตรงจากแหล่งที่ควบคุมได้ (เช่น น้ำมันเครื่องจักร, ยานพาหนะ)
  • Scope 2: การปล่อยทางอ้อมจากการใช้ไฟฟ้า
  • Scope 3: การปล่อยทางอ้อมอื่น ๆ (วัตถุดิบ, ขนส่ง, ขยะ, การเดินทางพนักงาน)

Workshop จะช่วยให้ผู้เข้าอบรม “เห็นภาพรวมของกิจกรรมในองค์กรที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” และสามารถจำแนก Scope ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการจัดเก็บข้อมูล การดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนได้ดีมากขึ้น 

2. การสร้างทักษะการเก็บข้อมูลจากแหล่งจริงในองค์กร

ความท้าทายในการจัดทำ Carbon Footprint ไม่ใช่แค่คำนวณได้ แต่คือ การเก็บข้อมูลกิจกรรม (Activity Data) ให้ครบถ้วน เช่น:

  • ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลประจำเดือน
  • ค่าไฟฟ้าแต่ละเดือน (หน่วย kWh)
  • น้ำหนักขยะที่ส่งกำจัด
  • รายการเดินทางของพนักงาน

การอบรมเชิงปฏิบัติการจะช่วยให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจ ต้องเก็บข้อมูลอะไร เก็บจากแผนกใด และควรเก็บในรูปแบบใด เพื่อลดความผิดพลาดในการทำบัญชีคาร์บอนขององค์กร

3. ลดข้อผิดพลาดจากความเข้าใจผิดหรือคลาดเคลื่อน ให้การดำเนินงานนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

หากไม่มีการอบรมทำความเข้าใจก่อน อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจไม่ครบถ้วน เช่น 

  • คิดว่าใช้แค่ค่าไฟอย่างเดียวก็นับเป็น Carbon Footprint แล้ว
  • เข้าใจผิดว่า Scope 3 ไม่จำเป็น
  • คำนวณจากค่า Emission Factor ที่ไม่อัปเดต

4. เพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน ส่งเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรสีเขียว

การจัด Workshop ทำให้พนักงานรู้สึก “มีส่วนร่วม” ไม่ใช่แค่ฟัง แต่ลงมือคำนวณ วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงาน และสร้าง Green Team ภายในองค์กร

เช่น บริษัทขนาดกลางแห่งหนึ่งในสมุทรสาคร หลังอบรมสามารถตั้งทีม “Green Data Tracker” ได้สำเร็จ ช่วยกันเก็บข้อมูลเชื้อเพลิง น้ำ ขยะ ได้ตรงและสม่ำเสมอ ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว มีข้อผิดพลาดน้อยมาก 

บริการจัดอบรมด้านสิ่งแวดล้อมครบวงจรสำหรับองค์กร (Training)

บริการที่ปรึกษาในการอบรมภายใน การทำ Workshop ให้คำแนะนำในการเตรียมข้อมูลเพื่อจัดทำ ในการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร หรือ Carbon Footprint for Organization (CFO) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ หรือ Carbon Footprint of Products (CFP) ​การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ ไปจนถึงช่วยให้คุณคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดของการทําบัญชีก๊าซเรือนกระจก โดยใช้มาตราฐานตามหน่วยงานของประเทศไทยและในระดับสากล เช่น TGO , GHG Protocol , PCAF , IPCC   พร้อมกับการให้คำแนะนำการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนที่ให้การรับรองโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)

 

FDI Group: ที่ปรึกษาคาร์บอนฟุตพริ้นท์และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร

FDIグループ ได้มุ่งมั่นพัฒนาบริการด้านต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าเสมอมา เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการให้ครอบคลุมในทุกมิติมากยิ่งขึ้นในอีกระดับ ปลดล็อกทุกศักยภาพของทุกธุรกิจให้เติบโตไปแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าทุกองค์กรที่ได้เริ่มจัดการลดก๊าซเรือนกระจก ล้วนเล็งเห็นในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ต้องร่วมมือกันในทุกภาคส่วน เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสังคมไทย สังคมโลก  FDI ได้เริ่มให้คำปรึกษาบริษัทต่าง ๆ โดยได้เริ่มบริการด้านสิ่งแวดล้อม ในปี 2023 เป็นต้นมา ซึ่งได้ให้คำปรึกษาไปแล้วมากกว่า 60 บริษัท จำนวนโครงการมากกว่า 70 โครงการ ในปีที่ผ่านมา 

ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มบริษัทที่กำลังอบรมภายใน เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์

2.กลุ่มบริษัทที่กำลังอยู่ในขั้นตอนจัดเตรียมข้อมูล และประเมินในการขึ้นทะเบียน

3.กลุ่มบริษัทที่ได้รับการประเมินและขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นที่เรียบร้อย

เราให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนแล้วกับ อบก. ที่มีไม่ถึง 300 คนในไทย 

  • อบรมพนักงานเฉพาะด้าน (ตามสาขาอุตสาหกรรม)
  • ประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร Carbon Footprint for Organization (CFO) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ Carbon Footprint for Product
  • การจัดทำระบบ ESG / SDGs / Net Zero Roadmap
  • ที่ปรึกษาสำหรับ CBAM Certificate และ Carbon Credit 
  • รวมถึงโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนภายในองค์กร

 

ปรึกษาเราได้ฟรี โดสามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางนี้ 

  • Facebook : FDI Group – Business Consulting
  • Line : @fdigroup
  • Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
  • E-mail : infojob@fdi.co.th