จดทะเบียนบริษัท

外国籍者がタイで会社を設立するには

ประเทศไทยมีศักยภาพในการประกอบธุรกิจสูง ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก ด้วยเศรษฐกิจที่มั่นคง โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนา และแรงงานที่มีทักษะ ประกอบกับรัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน จึงทำให้มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่สนใจจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม กฎหมายไทยกำหนดให้ชาวต่างชาติมีข้อจำกัดในการถือหุ้นบริษัทบางประเภท บทความนี้จึงจะมาแนะนำขั้นตอนและ วิธี จดจัดตั้งบริษัท ชาวต่างชาติ ก็สามารถทำได้ รวมไปถึงข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม 1. บริษัทที่คนไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% บริษัทจำกัด รูปแบบบริษัทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ ผู้ก่อการและผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 3 คน ชาวต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ภาระรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นจำกัดตามจำนวนหุ้นที่ถือ เหมาะสำหรับธุรกิจทั่วไป ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้ก่อการและผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน แบ่งเป็นหุ้นส่วนจำกัดและหุ้นส่วนไม่จำกัด หุ้นส่วนจำกัดไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนเกินกว่าจำนวนหุ้นที่ถือ หุ้นส่วนไม่จำกัดรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนไม่จำกัด เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก จดทะเบียนง่ายกว่าบริษัทจำกัด 2. บริษัทที่ชาวต่างชาติถือหุ้น 100% หรือเกิน 50% บริษัทจำกัด ต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBL) ประกอบธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หรือ ประกอบธุรกิจในกิจการที่กำหนดในกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องการลงทุนในประเทศไทยระยะยาว ประเภทธุรกิจที่ห้ามชาวต่างชาติถือหุ้น 100% ธุรกิจที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ หรือสังคม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เช่น กิจการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ สื่อสารโทรคมนาคม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ธนาคาร ประกันภัย ตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ แร่ธาตุ น้ำมัน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา ก๊าซ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ ธุรกิจที่กระทบต่อสุขอนามัย สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัย เช่น โรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น การกำจัดขยะ การบำบัดน้ำเสีย ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาไทย ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรม เช่น การแสดง การดนตรี การฝีมือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประเพณี เช่น งานบุญ งานเทศกาล ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาไทย […]

簡単に理解できる パートナーシップについて

ห้างหุ้นส่วนสามัญ เป็นรูปแบบหนึ่งของนิติบุคคลที่เกิดจากการรวมตัวกันของบุคคล 2 คนขึ้นไป เพื่อประกอบธุรกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อแบ่งปันกำไรและขาดทุนร่วมกันตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกันไว้ ห้างหุ้นส่วนสามัญถือเป็นรูปแบบธุรกิจที่จัดตั้งได้ง่าย ใช้ต้นทุนต่ำ และเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เหมาะสำหรับธุรกิจประเภทใด ห้างหุ้นส่วนสามัญ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการความคล่องตัวในการดำเนินงาน และต้องการแบ่งปันความเสี่ยงร่วมกันกับผู้ร่วมทุน เช่น ธุรกิจขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นด้วยทุนน้อยและมีความยืดหยุ่นสูง ธุรกิจที่ต้องการรวมพลัง: เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่มีความรู้และทักษะที่แตกต่างกันและต้องการร่วมกันสร้างธุรกิจ ธุรกิจที่ต้องการความไว้วางใจ: เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหุ้นส่วน ทำไมต้องเลือก ห้างหุ้นส่วนสามัญ? ตั้งต้นง่าย: กระบวนการจัดตั้งค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับนิติบุคคลประเภทอื่นๆ ความยืดหยุ่นสูง: สามารถกำหนดข้อตกลงในการร่วมทุนได้อย่างอิสระ แบ่งปันความเสี่ยง: ความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจจะถูกแบ่งปันกันระหว่างหุ้นส่วน รวมพลังความรู้: สามารถนำความรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนมารวมกัน ลักษณะเด่นของห้างหุ้นส่วนสามัญ การรวมตัวของบุคคล: เกิดจากการรวมตัวกันของบุคคล 2 คนขึ้นไป ซึ่งแต่ละคนเรียกว่า “หุ้นส่วน” ความรับผิดชอบไม่จำกัด: หุ้นส่วนทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกันในการชำระหนี้ของห้างหุ้นส่วน ไม่จำกัดเฉพาะในส่วนที่ได้ลงทุนไป การแบ่งปันกำไรและขาดทุน: กำไรและขาดทุนจะถูกแบ่งปันกันตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้ในสัญญาหุ้นส่วน การจัดการ: หุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิ์เข้าร่วมในการบริหารจัดการห้างหุ้นส่วน การจดทะเบียน: ต้องมีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนตามกฎหมาย ข้อดีของ ห้างหุ้นส่วนสามัญ จัดตั้งง่าย: กระบวนการจัดตั้งค่อนข้างง่ายและใช้ต้นทุนต่ำ ความยืดหยุ่น: สามารถกำหนดข้อตกลงในการดำเนินงานได้อย่างอิสระ การตัดสินใจรวดเร็ว: การตัดสินใจต่างๆ สามารถทำได้รวดเร็ว เนื่องจากมีผู้ร่วมตัดสินใจจำนวนน้อย ความรับผิดชอบ: ความรับผิดชอบร่วมกันของหุ้นส่วนจะส่งผลให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการดูแลธุรกิจอย่างใกล้ชิด ข้อเสียของ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ความรับผิดชอบไม่จำกัด: หุ้นส่วนต้องรับผิดชอบหนี้สินของห้างหุ้นส่วนด้วยทรัพย์สินส่วนตัว ความขัดแย้ง: อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างหุ้นส่วนได้ หากมีการตัดสินใจที่แตกต่างกัน ความต่อเนื่อง: หากมีหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งออกจากห้างหุ้นส่วน อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจ การระดมทุน: การระดมทุนอาจทำได้ยาก เนื่องจากไม่มีการออกหุ้นสาธารณะ คำแนะนำเพิ่มเติม ทำสัญญาหุ้นส่วนให้ชัดเจน: สัญญาหุ้นส่วนเป็นเอกสารที่สำคัญ ควรระบุรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วนชัดเจน เพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหรือที่ปรึกษาทางธุรกิจ จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้อง หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาทางธุรกิจ รับจดทะเบียนบริษัททุกรูปแบบ มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์กว่า 30 ปี เราขอแนะนำ FDI Accounting and Advisory วางแผนทางการเงิน: ก่อนเริ่มธุรกิจ ควรวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นธุรกิจของคุณได้ง่ายๆ กับ FDI Accounting & Advisory FDI Accounting & Advisory เป็นบริษัทที่ให้บริการ จดทะเบียนบริษัท และขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจต่างๆ ครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 28 […]

タイでの会社登記方法

ประเทศไทยมีศักยภาพในการประกอบธุรกิจสูง ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก ด้วยเศรษฐกิจที่มั่นคง โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนา และแรงงานที่มีทักษะ ประกอบกับรัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน จึงทำให้มีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่สนใจจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม กฎหมายไทยกำหนดให้ชาวต่างชาติมีข้อจำกัดในการถือหุ้นบริษัทบางประเภท บทความนี้จึงจะมาแนะนำขั้นตอนและ วิธีจดบริษัท สำหรับชาวต่างชาติ รวมไปถึงข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม 1. เลือกประเภทบริษัทที่ต้องการจดทะเบียนบริษัท บริษัทที่คนไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% บริษัทจำกัด เป็นรูปแบบวิธีจดบริษัทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ ผู้ก่อการและผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 3 คน โดยชาวต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% มีภาระรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นจำกัดตามจำนวนหุ้นที่ถือ เหมาะสำหรับธุรกิจทั่วไป ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้ก่อการและผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คน แบ่งเป็นหุ้นส่วนจำกัดและหุ้นส่วนไม่จำกัด หุ้นส่วนจำกัดไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนเกินกว่าจำนวนหุ้นที่ถือหุ้นส่วนไม่จำกัดรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนไม่จำกัด เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก จดทะเบียนง่ายกว่าบริษัทจำกัด บริษัทที่ชาวต่างชาติถือหุ้น 100% หรือเกิน 50% บริษัทจำกัด โดยต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBL) ประกอบธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หรือ ประกอบธุรกิจในกิจการที่กำหนดในกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องการลงทุนในประเทศไทยระยะยาว 2. ตรวจสอบคุณสมบัติของชาวต่างชาติที่ต้องการจดทะเบียนบริษัท ชาวต่างชาติที่ต้องการจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ มีหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย (กรณีพำนักอาศัยในประเทศไทย) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่เคยถูกดำเนินคดีอาญาในประเทศไทยหรือประเทศอื่น 3. ขั้นตอนการ วิธีจดบริษัท จองชื่อบริษัท: ก่อนจดทะเบียน ผู้ก่อการจะต้องจองชื่อบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สามารถจองชื่อบริษัทได้ทางออนไลน์หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด เตรียมเอกสาร: เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนมีดังนี้ แบบคำขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด ข้อบังคับบริษัท รายชื่อผู้ถือหุ้น สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางของผู้ก่อการและผู้ถือหุ้นทุกคน เอกสารแสดงการชำระค่าหุ้น หนังสือสัญญาตั้งกรรมการ หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ประกอบธุรกิจ ยื่นขอจดทะเบียน: ผู้ก่อการสามารถยื่นขอจดทะเบียนได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ชำระค่าธรรมเนียม: ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนบริษัทจำกัดมีดังนี้ ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน 5,000 บาท ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนตราสำคัญ (กรณีต้องการจดทะเบียนตรา) 1,000 บาท รับใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน: เมื่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบเอกสารครบถ้วนแล้ว จะออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้ ข้อควรระวัง ชาวต่างชาติต้องขอใบอนุญาตทำงานก่อนจึงจะสามารถประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้ บริษัทจำกัดที่ผู้ถือหุ้นเป็นชาวต่างชาติต้องมีกรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัทเป็นคนไทย ชาวต่างชาติสามารถถือหุ้น 100% หรือเกิน 50% ยกเว้นบางประเภทของธุรกิจ บริษัทต้องทำบัญชีและเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล คำแนะนำ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนจดทะเบียนบริษัท ปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม เลือกใช้บริการจากบริษัทรับจดทะเบียนเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว เริ่มต้นธุรกิจของคุณได้ง่ายๆ กับ FDI Accounting & Advisory FDI Accounting & […]

有限会社のための5つの財務管理戦略

การบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จของ บริษัทจำกัด  การวางแผนและจัดการเงินทุนอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ รักษาเสถียรภาพทางการเงิน และเติบโตอย่างยั่งยืน บทความนี้จะนำเสนอ 5 กลยุทธ์การบริหารการเงินที่สำคัญสำหรับบริษัทจำกัด 1. จัดทำแผนการเงินและติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ขั้นตอนแรกในการบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพคือการจัดทำงบประมาณ งบประมาณควรระบุรายได้และค่าใช้จ่ายที่คาดหวังทั้งหมด ช่วยให้บริษัทสามารถติดตามผลการดำเนินงาน  ระบุจุดอ่อน และตัดสินใจทางการเงินได้อย่างชาญฉลาด บริษัทจำกัด ควรติดตามผลการดำเนินงานทางการเงินเป็นประจำ  เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่แท้จริงกับงบประมาณ  และปรับเปลี่ยนแผนการเงินตามความจำเป็น  การติดตามผลอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้บริษัทสามารถระบุปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป สามารถศึกษาเรื่องงบการเงินได้ที่บทความ งบการเงิน คือ อะไร? มาทำความเข้าใจกัน 2. บริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจำกัด มีแหล่งเงินทุนหลายประเภท  เช่น เงินทุนจากผู้ถือหุ้น  เงินกู้  และกำไรจากการดำเนินงาน  การจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัทใช้เงินทุนอย่างคุ้มค่า  ลดต้นทุน  และเพิ่มผลตอบแทน  ตัวอย่างกลยุทธ์การจัดการเงินทุน เช่น การใช้เงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ: เงินทุนหมุนเวียน หมายถึง เงินสด ลูกหนี้ และสินค้าคงคลัง การบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัทมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการดำเนินงานประจำวัน ตัวอย่างกลยุทธ์ ได้แก่ การเร่งเก็บหนี้ ลดสินค้าคงคลัง และบริหารสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การระดมทุนอย่างชาญฉลาด: เมื่อบริษัทต้องการเงินทุนเพิ่มเติม ควรพิจารณาแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข และต้นทุน ก่อนตัดสินใจ แหล่งเงินทุนที่เป็นไปได้ ได้แก่ เงินกู้จากธนาคาร ตราสารหนี้ และการระดมทุนจากนักลงทุน การลงทุนอย่างชาญฉลาด: บริษัทจำกัดอาจลงทุนเงินทุนส่วนเกินเพื่อสร้างผลตอบแทน การลงทุนควรสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และขอบเขตความรู้ของบริษัท 3. จัดการความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงทางการเงินคือเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรหรือสถานะทางการเงินของบริษัทจำกัด บริษัทจำกัดควรระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงทางการเงินทั้งหมด ความเสี่ยงทางการเงินทั่วไป ได้แก่ ความเสี่ยงด้านเครดิต  ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย  ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงด้านสินค้าโภคภัณฑ์  บริษัทจำกัดสามารถจัดการความเสี่ยงทางการเงินได้หลายวิธี เช่น การทำประกันภัย การกระจายความเสี่ยง และการป้องกันความเสี่ยง 4. บริหารจัดการต้นทุน ต้นทุนมีผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัทเพิ่มผลกำไร ตัวอย่างกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุน เช่น การวิเคราะห์ต้นทุน: บริษัทควรวิเคราะห์ต้นทุนอย่างละเอียด เพื่อระบุจุดอ่อนและโอกาสในการลดต้นทุน การควบคุมค่าใช้จ่าย: บริษัทควรควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดข้อจำกัดการใช้จ่าย ติดตามค่าใช้จ่าย และเจรจาต่อรองราคาสินค้าและบริการ การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน: บริษัทควรปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อลดการสูญเสีย เพิ่มผลผลิต และลดต้นทุน 5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การบริหารการเงินอาจเป็นเรื่องซับซ้อน บริษัทจำกัดควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือ […]

会社登記後の税金支払い

การ จดทะเบียนบริษัท เป็นการยกระดับธุรกิจจากบุคคลธรรมดา สู่การเป็นนิติบุคคล สร้างความน่าเชื่อถือ ช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจ และยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่างไรก็ตาม บริษัทที่จดทะเบียนแล้ว จะต้องมีหน้าที่เสียภาษีที่แตกต่างจากบุคคลธรรมดา บทความนี้ จะมาอธิบายประเภทของภาษีที่บริษัทต้องเสีย ขั้นตอนการยื่นภาษี และ สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาษีสำหรับบริษัท ประเภทของภาษีที่บริษัทต้องเสีย บริษัทที่จดทะเบียนบริษัทแล้ว จะต้องเสียภาษีหลักๆ ดังต่อไปนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าและบริการทั่วไป โดยทั่วไป อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7% แต่มีสินค้าและบริการบางประเภทที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 0% บริษัทที่มียอดขายสินค้าและบริการต่อปีเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และ ชำระภาษีเป็นประจำ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรสุทธิของบริษัท โดยคำนวณจากรายได้หักด้วยค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและชอบธรรมตามกฎหมาย อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลในปัจจุบัน อยู่ที่ 20% ของกำไรสุทธิ ซึ่งภาษีเงินได้นิติบุคคลจะเก็บจากกำไรสุทธิของบริษัท อัตราภาษีขึ้นอยู่กับรายได้ ไม่เกิน 300,000 บาท: ยกเว้น เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 3,000,000 บาท: 15% เกิน 3,000,000 บาทขึ้นไป: 20% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากรายได้บางประเภทที่บริษัทจ่ายให้กับบุคคลอื่น เช่น เงินเดือน ค่าเช่า ดอกเบี้ย ค่าบริการ ฯลฯ อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้ ภาษีทรัพย์สิน เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่บริษัทเป็นเจ้าของ อัตราภาษีทรัพย์สินขึ้นอยู่กับประเภทของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่าประเมิน และ พื้นที่ตั้ง ภาษีป้ายโฆษณา เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากป้ายโฆษณาที่บริษัทติดตั้งหรือแสดง อัตราภาษีป้ายโฆษณาขึ้นอยู่กับขนาด ประเภท และ พื้นที่ตั้งของป้ายโฆษณา ขั้นตอนการยื่นภาษี บริษัทที่จดทะเบียนบริษัทแล้ว จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี และ ชำระภาษีตามประเภทของภาษี ดังนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม: บริษัทที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และ ชำระภาษีเป็นรายเดือน หรือ รายไตรมาส ขึ้นอยู่กับยอดขาย ภาษีเงินได้นิติบุคคล: บริษัทต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล และ ชำระภาษี 2 ครั้งต่อปี คือ […]

会社設立前に知っておきたいこと『登録資本金とは??』

การจดทะเบียนบริษัท เป็นก้าวสำคัญสำหรับธุรกิจ หลายคนอาจสงสัยว่าควรจดทะเบียนด้วยทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ วันนี้ FDI Accounting and Advisory จะมาคลายข้อสงสัย ทำความเข้าใจบทบาท หน้าที่ และความสำคัญ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการจดทะเบียนและจัดการ ทุนจดทะเบียน อย่างมีประสิทธิภาพ ทุนจดทะเบียน คือ จำนวนเงินทุนที่ผู้ก่อการบริษัทตกลงกันว่าจะนำมาใช้ในการเริ่มต้นธุรกิจ โดยแสดงเป็นจำนวนเงินที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณฑ์สนธิ และหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งจะปรากฏต่อสาธารณชน โดยจะต้องแจ้งจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เงินทุนจำนวนนี้เปรียบเสมือนเงินทุนสำรองที่บริษัทสามารถนำไปใช้ในการดำเนินงาน ลงทุน ขยายกิจการ หรือชำระหนี้สิน กฎหมายกำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำไว้เท่าไหร่? บริษัทจำกัด : ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 10 บาท โดยหุ้นสามัญต้องมีมูลค่า ไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท และ ต้องมีผู้ถือหุ้น ไม่ต่ำกว่า 2 คน ห้างหุ้นส่วนจำกัด : ทุนจดทะเบียนไม่มีขั้นต่ำ แต่ต้องมีหุ้นส่วน ไม่ต่ำกว่า 2 คน ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล : ทุนจดทะเบียนไม่มีขั้นต่ำ แต่ต้องมีหุ้นส่วน ไม่ต่ำกว่า 2 คน บริษัทมหาชนจำกัด : ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 5 ล้านบาท หุ้นสามัญต้องมีมูลค่า ไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 10 บาท  และต้องมีผู้ถือหุ้น ไม่ต่ำกว่า 15 คน ความสำคัญของ ทุนจดทะเบียน แสดงถึงขนาดและความมั่นคงทางการเงินของธุรกิจ : ทุนจดทะเบียนสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ และความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ยิ่งมีทุนจดทะเบียนสูง ย่อมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน กำหนดขอบเขตความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้น : ในกรณีที่บริษัทมีหนี้สิน ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบชดใช้หนี้สิน แต่ไม่เกินจำนวนเงินที่ตนได้ลงทุนในบริษัท ใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคาร : ธนาคารมักพิจารณาทุนจดทะเบียน ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ ในการพิจารณาสินเชื่อ ใช้ในการจองซื้อทรัพย์สิน : บริษัทสามารถใช้ทุนจดทะเบียน ในการจองซื้อทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการกำหนดจำนวนเงินทุนจดทะเบียน ประเภทธุรกิจ ธุรกิจขนาดเล็กอาจต้องการเงินทุนจดทะเบียนเพียง 15 บาท (ขั้นต่ำตามกฎหมาย) ธุรกิจขนาดกลาง อาจต้องการเงินทุนจดทะเบียน 100,000 – 1,000,000 บาท ธุรกิจขนาดใหญ่ อาจต้องการเงินทุนจดทะเบียนมากกว่า […]

「パートナーシップの会社」でよくある5つのトラブル

การ จดห้างหุ้นส่วน เป็นรูปแบบธุรกิจที่ได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการมือใหม่ เนื่องด้วยขั้นตอนการจดทะเบียนที่ไม่ยุ่งยาก ภาษีที่จ่ายไม่สูง และความคล่องตัวในการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม การจดห้างหุ้นส่วนก็มีปัญหาที่พบบ่อยหลายประการ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอนาคต บทความนี้จึงขอนำเสนอ 5 ปัญหาพบบ่อย “การ จดห้างหุ้นส่วน” พร้อมวิธีแก้ไข เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ 1. เลือกประเภทห้างหุ้นส่วนไม่เหมาะสม ห้างหุ้นส่วนในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้ ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership) ลักษณะ: หุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวนเงิน การจดทะเบียน: ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน แต่การจดทะเบียนจะทำให้ห้างหุ้นส่วนมีสภาพเป็นนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียนเรียกว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” (หสน.) ตัวอย่าง: ร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) ลักษณะ: แบ่งเป็น 2 ประเภท หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด: รับผิดต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนไม่เกินจำนวนเงินที่ตนลงทุน หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด: รับผิดต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวนเงิน ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดอย่างน้อย 1 คน การจดทะเบียน: จำเป็นต้องจดทะเบียน ตัวอย่าง: บริษัทรับเหมาก่อสร้าง บริษัททัวร์ บริษัทนำเข้าสินค้า แนวทางแก้ไข ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทห้างหุ้นส่วนอย่างละเอียด ปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อรับคำแนะนำ พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะธุรกิจ จำนวนเงินลงทุน ความรับผิด และความยืดหยุ่น 2. ปัญหาเรื่องเงินทุน การ จดห้างหุ้นส่วน มักเผชิญปัญหาเงินทุนในหลายรูปแบบ ปัญหาทั่วไป เงินทุนไม่เพียงพอ : ธุรกิจอาจขาดเงินทุนสำหรับการดำเนินงาน การขยายธุรกิจ หรือการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ การพึ่งพาเงินทุนจากหุ้นส่วน : หุ้นส่วนอาจต้องลงทุนเงินส่วนตัวเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนธุรกิจ ความเสี่ยงด้านเครดิต : ห้างหุ้นส่วนอาจถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ต้นทุนเงินทุนสูง : ห้างหุ้นส่วนอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในอัตราที่สูง สาเหตุ การวางแผนทางการเงินที่ไม่ดี : ห้างหุ้นส่วนอาจไม่มีแผนจัดการเงินทุนที่ชัดเจน การขาดการควบคุมค่าใช้จ่าย : ธุรกิจอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป กระแสเงินสดไม่เพียงพอ : ธุรกิจอาจมีรายรับไม่เพียงพอ การเติบโตอย่างรวดเร็ว : ธุรกิจอาจเติบโตเร็วเกินกว่าเงินทุนที่มีอยู่ 3. ปัญหาเรื่องความรับผิด หุ้นส่วนทุกคนรับผิดชอบร่วมกันต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วน หมายความว่า หากห้างหุ้นส่วนมีหนี้สิน หุ้นส่วนแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบชดใช้หนี้ทั้งหมด วิธีแก้ไข กำหนดบทบาทและหน้าที่ของหุ้นส่วนให้ชัดเจน ทำสัญญาหุ้นส่วนที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุน การแบ่งปันกำไร และความรับผิดชอบ […]

”リミッテッド・パートナーシップ Limited Partnership” 登録とは?

การเริ่มต้นธุรกิจเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น แต่การตัดสินใจเลือกประเภทธุรกิจที่เหมาะสมนั้นสำคัญไม่แพ้กัน หนึ่งในรูปแบบธุรกิจที่ได้รับความนิยมคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บทความนี้จะวิเคราะห์ 6 ข้อดี 6 ข้อเสียของการ จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน จำกัด เปรียบเทียบกับรูปแบบธุรกิจอื่นๆ เช่น บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกประเภทธุรกิจที่เหมาะสม จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน จำกัด หมายถึง นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยบุคคล 2 คนขึ้นไป ร่วมลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจ โดยมีทุนจดทะเบียนแยกออกจากเงินทุนส่วนตัว หุ้นส่วนแต่ละคนจะรับผิดชอบต่อหนี้สินของห้างหุ้นส่วนจำกัด ในสัดส่วนตามจำนวนเงินทุนที่ลง 6 ข้อดีของการ จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน จำกัด การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) มีข้อดีมากมาย ดังนี้ 1. ความน่าเชื่อถือ การจดทะเบียนทำให้ห้างหุ้นส่วนเป็นนิติบุคคล แยกออกจากตัวบุคคลของหุ้นส่วน ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือต่อลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดจะเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจรวมถึงแสดงถึงความจริงจังและมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการได้รับงานใหญ่ ๆ จากหน่วยงานภาครัฐหรือบริษัทใหญ่ ๆ ได้อีกด้วย 2. การจำกัดความรับผิดชอบ หุ้นส่วนประเภทนี้รับผิดชอบเฉพาะจำนวนเงินที่ลงทุน ไม่ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวมาชดใช้หนี้สินของห้างหุ้นส่วน แยกแยะทรัพย์สินส่วนตัวออกจากทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วน ปกป้องทรัพย์สินส่วนตัวของหุ้นส่วนในกรณีที่ธุรกิจเกิดปัญหา และลดความเสี่ยงของบุคคลและครอบครัว 3. การระดมทุน รูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมโดยไม่ต้องรับผิดชอบเต็มจำนวน ห้างหุ้นส่วนสามารถออกหุ้นเพิ่มเพื่อระดมทุน หรือหาหุ้นส่วนใหม่เพื่อขยายธุรกิจได้ง่าย สามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยสถานะนิติบุคคล เป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ 4. การบริหารจัดการ หุ้นส่วนสามารถแบ่งงานกันตามความถนัดและความเชี่ยวชาญ ช่วยให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพ การกำหนดแนวทางและกลยุทธ์ของห้างหุ้นส่วนจะพิจารณาจากเสียงส่วนใหญ่ของหุ้นส่วน มีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ชัดเจน 5. สิทธิประโยชน์ทางภาษี ห้างหุ้นส่วนเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แยกออกจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของหุ้นส่วน และเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าการเสียภาษีในรูปแบบบุคคลธรรมดา สามารถวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านภาษี 6. สิทธิประโยชน์อื่นๆ การเข้าร่วมโครงการภาครัฐ ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการสนับสนุนจากภาครัฐได้ง่ายกว่าบุคคลธรรมดา การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนมีความยั่งยืน เนื่องจากสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วน สามารถขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจบางประเภทได้ สามารถฟ้องร้องคดีในนามของ หจก. สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารได้ง่ายขึ้น 6 ข้อเสียของการ จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วน จำกัด การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ก็มีข้อเสียเช่นกัน ดังนี้ 1. ขั้นตอนการจดทะเบียน อาจมีขั้นตอนยุ่งยากหากจัดทำด้วยตัวเอง ต้องมีการเตรียมเอกสารและดำเนินการตามกฎหมายหลายขั้นตอน อีกหนึ่งทางเลือกคือ การใช้บริการรับจดทะเบียนบริษัท FDI Accounting & Advisory พร้อมให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอนด้วยประสบการณ์กว่า […]

会社登記に関するQ&A

การจดทะเบียนบริษัทเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการก่อตั้งธุรกิจอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ธุรกิจมีสถานะทางกฎหมายและได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต่างๆ วันนี้ทาง FDI A&A ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัท เพื่อให้ผูประกอบการมือใหม่ทุกท่านได้ไขข้อสงสัยกันค่ะ 1. จดทะเบียนบริษัทดีไหม? การจดทะเบียนบริษัทมีข้อดีหลายประการ เช่น สร้างความน่าเชื่อถือ : บริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จะดูมีความน่าเชื่อถือมากกว่าบุคคลธรรมดา เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ : บริษัทสามารถทำธุรกรรมกับหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น จำกัดความรับผิดชอบ : หนี้สินของบริษัทจะจำกัดอยู่แค่ทุนจดทะเบียน สร้างภาพลักษณ์ที่ดี : บริษัทดูเป็นมืออาชีพ เข้าถึงแหล่งเงินทุน : บริษัทสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนบริษัทยังมีข้อเสีย เช่น เสียค่าใช้จ่าย : มีค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ เสียเวลา : ขั้นตอนการจดทะเบียนอาจใช้เวลา มีภาระผูกพัน : บริษัทต้องมีการยื่นภาษี และทำบัญชีอย่างถูกต้อง 2. เลือกประเภทของ การจดทะเบียนบริษัท แบบไหนดี? มีรูปแบบบริษัทหลายแบบในประเทศไทย แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ประเภทที่พบบ่อย ได้แก่ บริษัทจำกัด : เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง มีการจำกัดความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้น มีสมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แบ่งทุนออกเป็นหุ้น บริษัทมหาชนจำกัด : เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป มีสมาชิกตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป แบ่งทุนออกเป็นหุ้น บริษัทจำกัดโดยหุ้นส่วน : เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เน้นความสัมพันธ์ส่วนตัว สมาชิกไม่เกิน 50 คน บริษัทต่างประเทศจำกัด : เหมาะสำหรับบริษัทต่างประเทศที่ต้องการประกอบธุรกิจในประเทศไทย 3.จำนวนผู้ร่วมลงทุนเหมาะกับประเภทของ การจดทะเบียนบริษัท แบบไหน? บริษัทจำกัด : เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนคนเดียว หรือมีหุ้นส่วนไม่เกิน 50 คน บริษัทมหาชนจำกัด : เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องการระดมทุนจากประชาชนทั่วไป ห้างหุ้นส่วนจำกัด : เหมาะสำหรับผู้ประกอบการ 2 คนขึ้นไป ต้องการร่วมลงทุนและรับผิดชอบต่อธุรกิจร่วมกัน ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติ : เหมาะสำหรับหุ้นส่วนที่ต้องการความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ไม่ต้องจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 4. การจดทะเบียนบริษัท มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? ตรวจสอบชื่อบริษัท เข้าไปที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า https://www.dbd.go.th/ เพื่อสมัครสมาชิก ค้นหาว่าชื่อบริษัทที่ต้องการซ้ำกับบริษัทอื่นหรือไม่ จองชื่อบริษัท โดยสามารถจองได้ […]

タイでの会社設立に関わる費用は?

การเปิดบริษัทเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการดำเนินธุรกิจในนามนิติบุคคล ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวมีรายละเอียดและเอกสารที่ต้องเตรียมจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการหลายคนเกิดความกังวลและวิตกกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น วันนี้ทาง FDI A&A จึงเขียนบทความนี้เพื่ออธิบายถึงค่าใช้จ่ายในการเปิดบริษัทโดยละเอียด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนและเตรียมความพร้อมด้านการเงินได้อย่างเหมาะสม หากพร้อมกันแล้วไปเริ่มกันเลยค่ะ! ค่าใช้จ่ายในการเปิดบริษัท สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ 1. ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนบริษัท ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนบริษัท ได้แก่ ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนบริษัท ค่าธรรมเนียมในการขอรับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (ภ.พ. 09) และค่าธรรมเนียมในการขอหนังสือรับรองบริษัท ในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านเอกสารและทะเบียน เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งประกอบด้วย ค่าจดทะเบียนบริษัท อัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัทจำกัด อยู่ที่ 5,000 บาท และบริษัทมหาชนจำกัด อยู่ที่ 10,000 บาท ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ อัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ อยู่ที่ 500 บาท ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนตราประทับบริษัท อัตราค่าธรรมเนียมจดทะเบียนตราประทับบริษัท อยู่ที่ 200 บาท ค่าออกหนังสือรับรองบริษัท อัตราค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองบริษัท อยู่ที่ 100 บาทต่อฉบับ ค่าใช้จ่ายในการขอรับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (ภ.พ. 09) อยู่ที่ 500 บาท 2. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นๆ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นๆ ได้แก่ ค่าเช่าสำนักงาน ค่าจ้างพนักงาน ค่าสาธารณูปโภค ค่าอุปกรณ์สำนักงาน และค่าบริการต่างๆ เช่น ค่าทำบัญชี ค่าสอบบัญชี ค่าโฆษณา เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นๆ นั้น ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของธุรกิจ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ตัวอย่างค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นๆ ค่าเช่าสำนักงาน ขึ้นอยู่กับขนาดและทำเลที่ตั้งของสำนักงาน โดยค่าเช่าสำนักงานในกรุงเทพฯ อาจอยู่ที่ประมาณ 10,000-50,000 บาทต่อเดือน ค่าจ้างพนักงาน ขึ้นอยู่กับจำนวนพนักงานและทักษะของพนักงาน ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนอุปกรณ์สำนักงาน เช่น โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางธุรกิจ เช่น ค่าสินค้าและบริการ ค่าทำบัญชี ค่าสอบบัญชี ค่าโฆษณา ค่าขนส่ง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจและประเภทของธุรกิจ การเตรียมความพร้อมด้านการเงิน ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมด้านการเงินสำหรับการเปิดบริษัท โดยควรประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ […]

1 2 3