ระบบทรัพยากรบุคคคล

業種別人事プログラムの選定

ในยุคปัจจุบัน โปรแกรม HR หรือระบบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด โปรแกรมเหล่านี้ช่วยให้บริษัทต่างๆ จัดการงานด้านทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระงาน เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการพนักงาน ส่งผลดีต่อผลประกอบการโดยรวม อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลือก โปรแกรม HR ที่หลากหลายในท้องตลาด การเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย บทความนี้จึงขอเสนอแนวทางในการเลือกโปรแกรม HR ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ 1. กำหนดความต้องการและเป้าหมาย การเลือกโปรแกรม HR ที่เหมาะสมกับองค์กรนั้น จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ความต้องการและเป้าหมายขององค์กรอย่างละเอียด เพื่อให้ได้โปรแกรมที่ตรงจุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บรรลุเป้าหมาย และคุ้มค่ากับการลงทุน วิเคราะห์สถานะปัจจุบัน โดยประเมินระบบการจัดการงานบุคคลปัจจุบันว่ามีจุดแข็ง จุดอ่อน และปัญหาอะไรบ้าง ระบุกระบวนการทำงานที่ใช้ข้อมูล manual หรือ automated กำหนดเป้าหมายว่าต้องการแก้ปัญหาอะไร ต้องการพัฒนางานด้านใด ต้องการบรรลุเป้าหมายอะไร ระบุความต้องการ เช่น ฟังก์ชันการทำงานที่จำเป็น การผสานรวมกับระบบอื่นๆ งบประมาณจำนวนผู้ใช้งาน กำหนดเกณฑ์การตัดสินใจ เช่น ฟีเจอร์ ราคา ความง่ายในการใช้งาน การสนับสนุนลูกค้า ความปลอดภัย 2. วิเคราะห์ขนาดและโครงสร้างขององค์กร ขนาดและโครงสร้างขององค์กรของคุณมีผลต่อการเลือกโปรแกรม HR โปรแกรมบางตัวเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะที่โปรแกรมอื่นๆ เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ โปรแกรม HR บางตัวออกแบบมาสำหรับองค์กรที่มีโครงสร้างแบบดั้งเดิม ในขณะที่โปรแกรมอื่นๆ เหมาะกับองค์กรที่มีโครงสร้างแบบ ที่มีพนักงานไม่กี่คน 3. พิจารณาฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงาน โปรแกรม HR แต่ละโปรแกรมมีฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานที่แตกต่างกัน คุณควรเลือกโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ที่ตรงกับความต้องการของคุณ ตัวอย่างฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานทั่วไปของโปรแกรม HR ระบบบริหารข้อมูลพนักงาน: จัดเก็บข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการจ้างงาน ข้อมูลเงินเดือน และข้อมูลอื่นๆ ของพนักงาน ระบบการสรรหาและคัดเลือก: จัดการกระบวนการสรรหาและคัดเลือกพนักงาน ระบบการจัดการผลงาน: กำหนดเป้าหมาย ติดตามผลงาน และประเมินผลงานพนักงาน ระบบการฝึกอบรมและพัฒนา: จัดการโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงาน ระบบการบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ: จัดการเงินเดือน โบนัส สวัสดิการ และการชดเชยอื่นๆ ระบบรายงานและการวิเคราะห์: สร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูล HR 4. เปรียบเทียบราคาและแพ็คเกจ โปรแกรม HR มีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงาน คุณควรเปรียบเทียบราคาและแพ็คเกจจากผู้ให้บริการต่างๆ กันก่อนตัดสินใจ 5. เตรียมความพร้อมสำหรับการใช้งาน เมื่อเลือกโปรแกรม HR ได้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้งาน ศึกษาวิธีใช้งานโปรแกรม ฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งานโปรแกรม […]

社会人の基礎スキル「ソフトスキル」向上方法

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ เทรนด์การทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทักษะที่จำเป็นสำหรับพนักงานจึงไม่ใช่แค่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่องค์กรต่างๆ มองหาคือ “Soft Skill” หรือทักษะทางสังคมและอารมณ์ที่ช่วยให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจว่า Soft Skill คืออะไร จะสามารถใช้ในช่วย การบริหารคน ให้มีประสิทธิภาพได้อย่าง มีความสำคัญอย่างไร และทักษะอะไรบ้างที่พนักงานยุคใหม่ควรมีเพื่อปลดล็อกศักยภาพและก้าวสู่ความสำเร็จ Soft Skill คืออะไร? Soft Skill หรือทักษะทางสังคมและอารมณ์ หมายถึง ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การตัดสินใจ และการจัดการอารมณ์ ทักษะเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าใจและโต้ตอบกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกันเป็นทีม และบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ทำไม Soft Skill จึงสำคัญ? ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ งานหลายอย่างถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ แต่ การบริหารคน ด้วยทักษะทางสังคมและอารมณ์มนุษย์สามารถทำได้ดีกว่าเครื่องจักร การสื่อสาร (Communication): พนักงานที่ดีควรมีทักษะการสื่อสารที่ชัดเจน ตรงประเด็น ทั้งการพูด การเขียน และการฟัง สามารถสื่อสารความคิดและความต้องการของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจผู้อื่น และสามารถประสานงานกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น การทำงานเป็นทีม (Teamwork): ในยุคปัจจุบัน องค์กรต่างๆ มักทำงานเป็นทีมมากกว่าทำงานคนเดียว พนักงานจึงควรมีทักษะการทำงานเป็นทีมที่ดี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งปันหน้าที่ รับผิดชอบ ร่วมมือกันแก้ปัญหา และบรรลุเป้าหมายร่วมกัน การแก้ปัญหา (Problem-solving): พนักงานที่ดีควรมีทักษะการคิดวิเคราะห์ วิเคราะห์ปัญหา หาสาเหตุ และหาทางแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creativity): พนักงานที่ดีควรมีทักษะการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดหาวิธีใหม่ๆ ในการทำงาน พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ความยืดหยุ่น (Adaptability): โลกของการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พนักงานที่ดีควรมีความยืดหยุ่น ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence): พนักงานที่ดีควรมีความฉลาดทางอารมณ์ เข้าใจและควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี เข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น จริยธรรม (Ethics): พนักงานที่ดีควรมีจริยธรรมในการทำงาน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ยึดมั่นในหลักการและกฎระเบียบ ความรับผิดชอบ (Responsibility): พนักงานที่ดีควรมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของตัวเอง ทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของงาน พัฒนาทักษะ Soft Skill ให้ช่วยใน การบริหารคน ได้อย่างไร? เรียนรู้จากประสบการณ์: ประสบการณ์ในการทำงานเป็นแหล่งเรียนรู้ทักษะ Soft Skill ที่ดีที่สุด […]

ビジネスタイプに適した給料プログラム選定

ในยุคดิจิทัล โปรแกรมเงินเดือน กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท ช่วยให้การคำนวณ จ่าย และจัดการเงินเดือนพนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็ว โปรแกรมเหล่านี้มีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีฟีเจอร์และราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจ บทความนี้จึงรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโปรแกรมเงินเดือน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกโปรแกรมที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจมากที่สุด 1. ขนาดของธุรกิจ ธุรกิจขนาดเล็ก : โปรแกรมเงินเดือนแบบพื้นฐาน มักมีฟีเจอร์ครบครัน เหมาะกับธุรกิจที่มีพนักงานไม่เกิน 50 คน โปรแกรมเหล่านี้มักใช้งานง่าย ราคาไม่แพง ธุรกิจขนาดกลาง : โปรแกรมเงินเดือนแบบมาตรฐาน มักมีฟีเจอร์ที่ครบครันกว่า โปรแกรมแบบพื้นฐาน เหมาะกับธุรกิจที่มีพนักงาน 50-200 คน โปรแกรมเหล่านี้มักมีฟีเจอร์การจัดการพนักงาน การคำนวณภาษี และการรายงานที่ซับซ้อนกว่า ธุรกิจขนาดใหญ่ : โปรแกรมเงินเดือนแบบ Enterprise มักมีฟีเจอร์ครบครันที่สุด เหมาะกับธุรกิจที่มีพนักงานมากกว่า 200 คน โปรแกรมเหล่านี้มักมีฟีเจอร์การผสานรวมกับระบบอื่นๆ การวิเคราะห์ข้อมูล รองรับการใช้งานที่ซับซ้อน ปรับแต่งระบบได้ตามความต้องการ และมีความปลอดภัยที่สูง 2. ฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงาน การคำนวณเงินเดือน : โปรแกรมควรคำนวณเงินเดือนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายแรงงานและข้อบังคับภาษี การหักภาษีและประกันสังคม : โปรแกรมควรหักภาษีและประกันสังคมได้โดยอัตโนมัติ การจัดการสวัสดิการ : โปรแกรมบางประเภทรองรับการจัดการสวัสดิการพนักงาน เช่น ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การออกสลิปเงินเดือน : โปรแกรมควรออกสลิปเงินเดือนให้กับพนักงานได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว รายงาน : โปรแกรมควรสร้างรายงานต่างๆ เช่น รายงานเงินเดือน รายงานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รายงานประกันสังคม 3. งบประมาณ โปรแกรมเงินเดือน มีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันการทำงานและจำนวนผู้ใช้ ธุรกิจควรพิจารณางบประมาณและเลือกโปรแกรมที่คุ้มค่ากับการลงทุน เช่น ฟรี : โปรแกรมเงินเดือนแบบออนไลน์ฟรี มักมีฟีเจอร์จำกัด และความปลอดภัยต่ำ เหมาะสำหรับธุรกิจเริ่มต้นหรือธุรกิจที่มีงบจำกัด มีค่าใช้จ่าย : ขึ้นอยู่กับฟีเจอร์ที่ต้องการใช้งาน ซึ่งจะมีราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กันการใช้งานและขนาดของธุรกิจ 4. ความง่ายในการใช้งาน โปรแกรมเงินเดือนควรใช้งานง่าย เข้าใจง่าย และไม่ยุ่งยาก โปรแกรมเงินเดือนควรมีคู่มือการใช้งาน เอกสารประกอบ และวิดีโอสอนการใช้งานที่ครบถ้วน โปรแกรมเงินเดือนควรมีทีม Support ที่สามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 5. ความปลอดภัยของข้อมูล โปรแกรมเงินเดือนควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน ธุรกิจควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าโปรแกรมเงินเดือนที่เลือกนั้นสอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่าง โปรแกรมเงินเดือน ByteHR : โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ที่ใช้งานง่าย […]

ビジネスにおいて重要なHRM

Human Resource Management หรือ HRM คือ การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการบุคลากรภายในองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่การสรรหา คัดเลือก พัฒนา ดูแล จนไปถึงการปลดพนักงาน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ความสำคัญของ HRM ต่อธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : HRM มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ตรงกับงาน ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อองค์กร สร้างแรงจูงใจและความผูกพัน : HRM มุ่งเน้นสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ดูแลสวัสดิการ ให้ความยุติธรรม เคารพในสิทธิของพนักงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างแรงจูงใจ ความพึงพอใจ และความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร ทำให้พนักงานทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ลดต้นทุน : HRM ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ เช่น การลดการหมุนเวียนของพนักงาน การลดข้อพิพาท การลดค่าใช้จ่ายในการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน : องค์กรที่มีพนักงานที่มีความสามารถ มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ย่อมมีประสิทธิภาพในการทำงานเหนือกว่า สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในธุรกิจ ขับเคลื่อนกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ : HRM ทำหน้าที่สนับสนุนกลยุทธ์ขององค์กร โดยการจัดการทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย กลยุทธ์ และแผนงานขององค์กร เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ตัวอย่างหน้าที่หลักของ HRM สรรหาและคัดเลือกพนักงาน : ค้นหา คัดเลือก และดึงดูดบุคคลที่มีความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่งงาน เข้ามาทำงานในองค์กร พัฒนาบุคลากร : จัดฝึกอบรม พัฒนาความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของพนักงาน ให้สอดคล้องกับความต้องการของงาน บริหารระบบค่าจ้างและสวัสดิการ : กำหนด จ่าย และบริหารระบบค่าจ้าง สวัสดิการ และผลประโยชน์ให้กับพนักงานอย่างยุติธรรม เหมาะสม ประเมินผลการทำงาน : ประเมินผลการทำงานของพนักงาน ให้คำติชม เสนอแนะแนวทางพัฒนา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ดูแลสภาพแวดล้อมการทำงาน : สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ปลอดภัย ส่งเสริมสุขภาพจิต สุขภาพกายของพนักงาน บริหารความสัมพันธ์กับพนักงาน : สื่อสาร รับฟังปัญหา ดูแล และแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน และระหว่างพนักงานกับองค์กร จัดการระบบข้อมูลทรัพยากรมนุษย์ : เก็บรวบรวม […]

人事担当者が知っておくべき最新労働法!

กฎหมายแรงงาน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สิ่งสำคัญสำหรับฝ่ายบริหารงานบุคคลคือต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทปฏิบัติตามกฎหมายและคุ้มครองสิทธิของลูกจ้าง เพื่อให้ดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง ป้องกันปัญหาข้อพิพาท และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง บทความนี้จะสรุปประเด็นสำคัญของกฎหมายแรงงานฉบับล่าสุดที่ การบริหารงานบุคคล ควรรู้ ! ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ พ.ศ. 2567 ประกาศจากกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 12) ซึ่งได้ประกาศให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศไว้ดังนี้ 370 บาท 1 จังหวัด : ภูเก็ต 363 บาท 6 จังหวัด : กรุงเทพมหานคร , นครปฐม, นนทบุรี , ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร 361 บาท 2 จังหวัด : ชลบุรี , ระยอง 352 บาท 1 จังหวัด : นครราชสีมา 351 บาท 1 จังหวัด : สมุทรสงคราม 350 บาท 6 จังหวัด : พระนครศรีอยุธยา , สระบุรี , ฉะเชิงเทรา , ปราจีนบุรี , ขอนแก่น , เชียงใหม่ 349 บาท 1 จังหวัด : ลพบุรี 348 บาท 3 จังหวัด : สุพรรณบุรี , นครนายก , หนองคาย 347 บาท 2 จังหวัด : กระบี่ , ตราด 345 บาท 15 จังหวัด : […]

2024 年に注目すべき 5 つの HRD トレンド

โลกธุรกิจในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ รูปแบบการทำงานก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก องค์กรต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HRD) มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรปรับตัวให้เข้ากับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป HRD คือ หนึ่งในผู้ที่จำเป็นต้องติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ และหาวิธีนำเทรนด์เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับองค์กร หากท่านใดที่ยังไม่รู้ว่า HRD คือ อะไร สามารถอ่านได้ที่บทความ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRD) – FDI 1. การจ้างงานแบบยืดหยุ่น (Flexible Work) การจ้างงานแบบยืดหยุ่น หมายถึง แนวทางการทำงานที่ไม่มีข้อกำหนดตายตัวในเรื่อง เวลา รูปแบบ สถานที่ หรือ การแต่งตัว เป็นต้น พนักงานสามารถเลือกเวลา รูปแบบ และสถานที่ทำงานที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน หรือทำงานตามเวลาที่กำหนดตายตัว ตัวอย่างรูปแบบการจ้างงานแบบยืดหยุ่น Flextime: พนักงานสามารถเลือกเวลาเข้างานและเลิกงานได้เอง โดยต้องทำงานให้ครบตามจำนวนชั่วโมงที่กำหนด Work from home (WFH): พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้ทั้งหมด Hybrid work: พนักงานสามารถทำงานผสมผสานระหว่างการเข้าออฟฟิศและทำงานจากที่บ้าน Compressed workweek: พนักงานทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ แต่ละวันทำงาน 10 ชั่วโมง Part-time: พนักงานทำงานจำนวนชั่วโมงน้อยกว่าพนักงานประจำ Freelance: พนักงานทำงานเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นพนักงานประจำของบริษัท HRD จำเป็นต้องหาวิธี ออกแบบนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นที่เหมาะสมกับองค์กร จัดเตรียมเทคโนโลยีที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานจากระยะไกลได้ พัฒนาทักษะของพนักงานให้สามารถทำงานแบบยืดหยุ่นได้ 2. การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของพนักงาน (Employee Experience) Employee Experience หรือ EX หมายถึง ประสบการณ์โดยรวมที่พนักงานได้รับ ตลอดระยะเวลาการทำงานในองค์กร เปรียบเสมือนการเดินทางของพนักงาน เริ่มตั้งแต่การสมัครงาน การเข้าทำงาน การทำงาน การพัฒนาตนเอง ไปจนถึงการลาออก องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ EX จะมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานในทุกๆ ด้าน ส่งผลดีต่อทั้งพนักงานและองค์กร ดังนี้ ผลดีต่อพนักงาน ความสุขในการทำงาน: พนักงานรู้สึกดี มีความสุขกับงาน รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ความผูกพันกับองค์กร: พนักงานอยากทำงานกับองค์กรระยะยาว การมีส่วนร่วม: พนักงานทุ่มเท มุ่งมั่น ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาตนเอง: พนักงานได้รับโอกาสในการเรียนรู้ […]

人事部 (HR プランニング) の役割とは?

แผนกทรัพยากรบุคคล (HR Planning) เป็นแผนกที่สำคัญในองค์กร มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กรให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร แผนกทรัพยากรบุคคลมีหน้าที่หลักในด้านต่าง ๆ ดังนี้ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Planning) การวางแผนกำลังคนเป็นกระบวนการวางแผนและกำหนดความต้องการกำลังคนขององค์กรในอนาคต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น เป้าหมายขององค์กร สภาพการแข่งขันในตลาด แนวโน้มเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม การวางแผนกำลังคนที่ดีจะช่วยให้องค์กรสามารถจัดหาบุคลากรที่มีทักษะและความสามารถที่เหมาะสมกับความต้องการได้อย่างเพียงพอและทันเวลา สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Planning หรือ HR Planning) การสรรหาและคัดเลือกบุคลากร (Recruitment and Selection) การสรรหาและคัดเลือกบุคลากรเป็นกระบวนการในการหาบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ต้องการ การสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่ดีจะช่วยให้องค์กรสามารถหาบุคคลที่มีทักษะและความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ การวางแผนการสรรหาและคัดเลือก (Recruitment and Selection Planning) เป็นการวางแผนและกำหนดแนวทางในการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ตำแหน่งงานที่ต้องการ ทักษะและความสามารถที่ต้องการ และงบประมาณในการสรรหาและคัดเลือก การสรรหา (Recruitment) เป็นการเผยแพร่ข้อมูลและเชิญชวนบุคคลมาสมัครงาน โดยอาจใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น ประกาศรับสมัครงานทางเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือการติดต่อบริษัทจัดหางาน การคัดเลือก (Selection) เป็นกระบวนการพิจารณาคัดเลือกบุคคลจากผู้ที่สมัครงาน โดยพิจารณาจากคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น ทักษะและความสามารถ ประสบการณ์ การศึกษา และบุคลิกภาพ การพัฒนาบุคลากร (Training and Development) การพัฒนาบุคลากรเป็นกระบวนการในการส่งเสริมการเรียนรู้และเพิ่มทักษะและความสามารถของพนักงาน การพัฒนาบุคลากรที่ดีจะช่วยให้พนักงานมีความรู้และความสามารถที่เพิ่มขึ้น สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปขององค์กรกระบวนการการพัฒนาบุคลากรประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ การวิเคราะห์ความต้องการในการพัฒนาบุคลากร (Training and Development Needs Analysis) เป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการในการพัฒนาบุคลากร โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ทักษะและความสามารถที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงาน ความต้องการของพนักงาน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในการทำงาน การออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรม (Training and Development Program Design) เป็นการจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมโดยระบุถึงวัตถุประสงค์ เนื้อหา ระยะเวลา วิธีการ และค่าใช้จ่าย การจัดกิจกรรมการฝึกอบรม (Training and Development Delivery) เป็นการจัดกิจกรรมการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่กำหนด การประเมินผลการฝึกอบรม (Training and Development Evaluation) เป็นการวัดผลความสัมฤทธิ์ของการฝึกอบรม การบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ (Compensation and […]

人材開発 (HRD)

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development: HRD) เป็นกระบวนการที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ HRD ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากร เช่น การฝึกอบรม การพัฒนาทักษะ การพัฒนาความรู้ การพัฒนาความสามารถ การพัฒนาบุคลิกภาพ และการพัฒนาทัศนคติ ความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRD) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์(HRD) มีความสำคัญต่อองค์กร เนื่องจากมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จ ดังนี้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ และความสามารถที่สอดคล้องกับงานที่ทำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและผลลัพธ์ขององค์กร สร้างศักยภาพการแข่งขัน การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ และความสามารถที่ทันสมัย จะช่วยสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับองค์กร รักษาพนักงาน การพัฒนาบุคลากรให้เติบโตและก้าวหน้าในองค์กร จะช่วยรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้กับองค์กร สร้างวัฒนธรรมองค์กร การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจ และยึดมั่นในวัฒนธรรมองค์กร จะช่วยสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ประเภทของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ การพัฒนาบุคลากร (Training and Development) การพัฒนาบุคลากรเป็นกิจกรรมหลักของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ การฝึกอบรม (Training) เป็นกระบวนการถ่ายทอดความรู้ ทักษะ และความสามารถให้กับบุคลากร โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่น การบรรยาย การสาธิต การทดลอง การอภิปราย การเล่นเกม เป็นต้น การพัฒนาทักษะ (Skill Development) เป็นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานให้กับบุคลากร เช่น ทักษะการใช้เทคโนโลยี ทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานเป็นทีม เป็นต้น การพัฒนาความรู้ (Knowledge Development) เป็นการพัฒนาความรู้ที่จำเป็นต่อการทำงานให้กับบุคลากร เช่น ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย เป็นต้น การพัฒนาความสามารถ (Competency Development) เป็นการพัฒนาความสามารถที่จำเป็นต่อการทำงานให้กับบุคลากร เช่น ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นต้น การพัฒนาบุคลิกภาพ (Personality Development) เป็นการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีให้กับบุคลากร เช่น บุคลิกภาพที่มีความรับผิดชอบ บุคลิกภาพที่มีความอดทน บุคลิกภาพที่มีความยืดหยุ่น เป็นต้น การพัฒนาทัศนคติ (Attitude Development) เป็นการพัฒนาทัศนคติที่ดีให้กับบุคลากร เช่น ทัศนคติที่มุ่งมั่นในการทำงาน ทัศนคติที่รักการเรียนรู้ ทัศนคติที่ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี […]

人事計画

การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Planning) เป็นกระบวนการคาดการณ์ความต้องการทรัพยากรมนุษย์ขององค์กรในอนาคตที่มุ่งเน้นให้องค์กรมีทรัพยากรบุคคลที่เพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการขององค์กรทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมขององค์การ กลยุทธ์ขององค์การ และทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กร ซึ่งวันนี้ทาง FDI A&A จะพาไปเจาะลึกการวางปผนทรัพยากรมนุษย์กันค่ะ หากพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย! กระบวนการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ การวิเคราะห์ความต้องการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Demand Analysis) เป็นขั้นตอนที่ศึกษาและคาดการณ์ความต้องการทรัพยากรมนุษย์ขององค์กรในอนาคต โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น เป้าหมายขององค์กร แผนกลยุทธ์ขององค์กร การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมขององค์กร และแนวโน้มของตลาดแรงงาน การวิเคราะห์กำลังคนที่มีอยู่ (Human Resource Inventory Analysis) เป็นขั้นตอนที่ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกำลังคนที่มีอยู่ในปัจจุบันขององค์กร โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถของพนักงาน การเปรียบเทียบความต้องการและกำลังคนที่มีอยู่ (Demand-Supply Analysis) เป็นขั้นตอนที่เปรียบเทียบความต้องการทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตกับกำลังคนที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อระบุความแตกต่างระหว่างทั้งสองส่วน ซึ่งอาจเป็นความแตกต่างในด้านปริมาณหรือคุณภาพ การพัฒนากลยุทธ์การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Planning Strategies) เป็นขั้นตอนที่พัฒนากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความแตกต่างระหว่างความต้องการและกำลังคนที่มีอยู่ โดยกลยุทธ์การวางแผนทรัพยากรมนุษย์อาจรวมถึงกลยุทธ์การสรรหา กลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลยุทธ์การย้ายงานภายในองค์กร และกลยุทธ์การเลิกจ้าง การจัดสรรทรัพยากรมนุษย์ เป็นขั้นตอนที่องค์กรต้องจัดสรรทรัพยากรมนุษย์ให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานและภารกิจขององค์กร ซึ่งอาจรวมถึงการกำหนดตำแหน่งงาน การกำหนดโครงสร้างองค์กร การกำหนดอัตรากำลังคน ประโยชน์ของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์มีประโยชน์ต่อองค์การหลายประการ ดังนี้ ช่วยองค์กรสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เนื่องจากองค์กรสามารถจัดหาทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างเพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการ ช่วยองค์กรสามารถลดต้นทุนในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากองค์กรสามารถวางแผนการใช้ทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยองค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจากองค์กรสามารถพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ให้สอดคล้องกับความต้องการ ช่วยองค์กรสามารถรักษาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสามารถไว้กับองค์กร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ ได้แก่ สภาพแวดล้อมขององค์กร เช่น การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของตลาด การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและกฎระเบียบ กลยุทธ์ขององค์กร เช่น กลยุทธ์การเติบโต กลยุทธ์การลดต้นทุน กลยุทธ์การขยายตลาด ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กร เช่น งบประมาณ ทรัพยากรบุคคล ตัวอย่างการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ ตัวอย่างการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ เช่น องค์กรแห่งหนึ่งมีแผนที่จะขยายกิจการไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงจำเป็นต้องมีพนักงานที่มีความรู้และทักษะในการทำงานในต่างประเทศ องค์กรจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนทรัพยากรมนุษย์เพื่อหาพนักงานที่มีทักษะดังกล่าวมาทำงาน   อีกตัวอย่างหนึ่งคือ องค์กรแห่งหนึ่งมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จึงจำเป็นต้องมีพนักงานที่มีทักษะด้านวิศวกรรมและการตลาด องค์กรจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนทรัพยากรมนุษย์เพื่อพัฒนาทักษะของพนักงานที่มีอยู่หรือสรรหาพนักงานใหม่ที่มีทักษะดังกล่าวมาทำงาน การวางแผนทรัพยากรมนุษย์เป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับองค์กรทุกขนาด โดยจะช่วยให้องค์กรมีทรัพยากรบุคคลที่เพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการขององค์กร ซึ่งจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ปลดล็อคศักยภาพสูงสุดของทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรของคุณ FDI Accounting & Advisory บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ […]

人的資源管理 仕事の内容と範囲は何ですか?

การ บริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management – HRM) เป็นสาขาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจขององค์กรใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือเล็ก หน้าที่หลักของ HRM คือการจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับองค์กร เพื่อให้บุคลากรมีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถช่วยสนับสนุนเป้าหมายและความสำเร็จขององค์กรได้อย่างเต็มที่ ในบทความนี้ เราจะสำรวจลักษณะและขอบเขตของงานบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างละเอียดเพื่อเข้าใจภาพรวมของสาขานี้และความสำคัญที่มีต่อองค์กรเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง ลักษณะของงานการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HRM) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources Management หรือ HRM) คือกระบวนการที่จัดการนำเป้าหมายของบุคลากรและเป้าหมายขององค์กรให้มาบรรจบกัน เพื่อผลสำเร็จร่วมกันของทั้งองค์กรและบุคคล คุณลักษณะต่าง ๆ ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ประกอบด้วย มีอยู่ทั่วไปตามองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและวิสาหกิจ มุ่งเน้นไปที่ผลของการจัดการมากกว่ากฎเกณฑ์ของหลักการ ช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้ถึงขีดสุด ส่งเสริมให้พนักงานทำงานให้กับองค์กรอย่างเต็มที่เต็มความสามาร เกี่ยวข้องกับบุคลากรในองค์กรทุกคนทั้งรายบุคคลและเป็นหมู่คณะ มอบหมายงาน และบรรจุแต่งตั้งงานให้กับพนักงานอย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อผลในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานในอนาคตโดยสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถและมีแรงจูงใจที่ดีในการทำงาน พยายามสร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างพนักงานระดับต่าง ๆ ในองค์กร รวบรวมเอาศาสตร์และศิลป์แขนงต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน มีการใช้หลักการและองค์ความรู้ทั้งทางจิตวิทยา เศรษฐศาสตร์ การบริหาร การตลาด ฯลฯ ในการบริหารและจัดการบุคลากรในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอบเขตของงานการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HRM) HRM เป็นสาขาที่ให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร งานหลักของ HRM รวมถึง 1. การสรรหาและเลือกบุคคลที่เหมาะสม หน้าที่หลักของบริหารทรัพยากรมนุษย์ คือ การสรรหาและเลือกบุคคลที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งงานในองค์กร กระบวนการนี้รวมถึงการเรียกสมัคร, การทดสอบ, การสัมภาษณ์, และการตรวจสอบความเหมาะสมของผู้สมัคร 2. การฝึกอบรมและพัฒนา HRM ต้องวางแผนและจัดการโครงการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานให้พร้อมที่จะดำเนินงานอย่างมีความสามารถ โดยการให้การฝึกอบรมและพัฒนาการรู้เรื่องความสามารถทางเทคนิคและทักษะระหว่างที่ทำงาน 3. การจัดการความสัมพันธ์ในที่ทำงาน HRM ต้องสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงานและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานให้มีผลต่อประสิทธิภาพและความพึงพอใจ 4. การจัดการการประเมินและประสิทธิภาพ ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องวางแผนและจัดการกระบวนการการประเมินและประสิทธิภาพของพนักงาน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและสมรรถนะของพนักงาน 5. การจัดการความรุนแรงในที่ทำงาน ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องจัดการกับความรุนแรงในที่ทำงานและวางแผนในการป้องกันความรุนแรงและการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง 6. การจัดการการเรียนรู้และพัฒนาการรู้ในองค์กร HRM ต้องสร้างโครงสร้างการเรียนรู้และสนับสนุนการพัฒนาการรู้ในองค์กร เพื่อให้พนักงานมีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน 7. จัดการสวัสดิการของพนักงาน HRM ต้องดูแลสวัสดิการ สิทธิที่ควรได้รับตามให้เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน เช่น ประกันสังคม ค่าตอบแทนที่เหมาะสม ดูแลด้านสุขภาพและความปลอกภัยของพนักงาน เป็นต้น การบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นสาขาที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะของพนักงานในองค์กร หน้าที่หลักการบริหารทรัพยากรมนุษย์ นอกจากการจัดการทรัพยากรบุคคลแล้ว การพัฒนาและฝึกอบรม การจัดการค่าจ้างและสวัสดิการ การวางแผนการเลิกจ้างและการเกษียณอายุ และการสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรในสถานที่ทำงาน การทำงานที่มีประสิทธิภาพในสาขานี้จะช่วยองค์กรให้เป็นที่ยอมรับในการแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จในธุรกิจและก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน หากท่านใดที่สนใจหางานด้านทรัพยากรมนุษย์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตำแหน่ง HR […]

1 2