ビザ

Work Permit 労働許可証とは??

ใบ Work Permit หรือ ใบอนุญาตทำงาน คือ เอกสารสำคัญที่ออกให้แก่ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานในประเทศอย่างถูกกฎหมาย  เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และใช้ชีวิตในประเทศได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ความสำคัญของใบ Work Permit 1. ถูกกฎหมายและปลอดภัย การทำงานโดยไม่มีใบ Work Permit ถือว่าผิดกฎหมาย เสี่ยงต่อการถูกจับกุม ปรับ จำคุก  หรือถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ใบ Work Permit จึงเป็นสิ่งที่การันตีสถานะการทำงานที่ถูกต้อง ช่วยให้คุณทำงานอย่างสบายใจ ไร้กังวล 2. สร้างความน่าเชื่อถือ ใบ Work Permit บ่งบอกถึงความตั้งใจจริงและความรับผิดชอบของผู้ทำงาน แสดงให้เห็นว่าคุณปฏิบัติตามกฎหมาย และพร้อมที่จะทำงานอย่างถูกต้อง ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับนายจ้าง ลูกค้า และคู่ค้า ช่วยเพิ่มโอกาสในการหางานและได้รับความไว้วางใจ 3. สิทธิประโยชน์ต่างๆ ใบWork Permit เป็นใบเบิกทางไปสู่สิทธิประโยชน์ต่างๆ  เช่น  ประกันสังคม สิทธิรักษาพยาบาล การลาคลอด การลาป่วย การลาพักร้อน เงินชดเชยกรณีว่างงาน และอื่นๆ   ซึ่งล้วนเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในต่างประเทศ 4. โอกาสในการพัฒนา ใบ Work Permit ช่วยให้คุณสามารถทำงานในประเทศได้อย่างยาวนาน มีโอกาสเรียนรู้  พัฒนาทักษะ สั่งสมประสบการณ์ ต่อยอดความรู้ และเติบโตในสายงานที่คุณใฝ่ฝัน 5. อนาคตที่มั่นคง ใบWork Permit ช่วยให้คุณสามารถวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นใจ สามารถสมัครขอวีซ่าถิ่นที่อยู่ถาวร พาครอบครัวมาอยู่ด้วย สร้างรากฐานชีวิต และอนาคตที่มั่นคงในประเทศได้ ความแตกต่างระหว่าง Work Permit กับ วีซ่า วีซ่า คือ เอกสารอนุญาตให้บุคคลต่างชาติเข้าประเทศ  นั้นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้บนวีซ่า ซึ่งวัตถุประสงค์ทั่วไปของวีซ่า ได้แก่ การท่องเที่ยว การศึกษา การทำงาน การเยี่ยมเยียนครอบครัว การรักษาพยาบาล และธุรกิจ Work Permit หรือ ใบอนุญาตทำงาน คือ เอกสารอนุญาตให้บุคคลต่างชาติทำงานในประเทศนั้นๆ โดยถูกต้องตามกฎหมาย โดย Work Permit มักออกให้โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดหางานหรือกระทรวงแรงงานของประเทศนั้นๆ ประเภทใบ Work Permit ในไทย ในประเทศไทย ใบอนุญาตทำงาน […]

タイの就労ビザ Q&A

วีซ่าทำงานในไทย เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการทำงานในประเทศไทย บทความนี้จะตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวีซ่าประเภทนี้ 1. วีซ่าทำงานประเภทใดบ้างที่ชาวต่างชาติสามารถขอได้? วีซ่าทำงานไทยมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับประเภทของงานและสถานะของผู้สมัคร ประเภทวีซ่าทำงานที่พบบ่อย ได้แก่: Non-Immigrant B (วีซ่าธุรกิจ) : เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) Non-Immigrant O (วีซ่าคู่สมรส) : เหมาะสำหรับคู่สมรสของคนไทย Non-Immigrant ED (วีซ่าผู้เชี่ยวชาญ) : เหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะพิเศษ Non-Immigrant B-O (วีซ่าประเภทพิเศษ) : เหมาะสำหรับนักลงทุน นักวิจัย นักเรียนทุน และบุคคลอื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงแรงงาน 2. คุณสมบัติพื้นฐานสำหรับการขอวีซ่าทำงานไทยคืออะไร? หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือน รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ ใบรับรองแพทย์ หลักฐานการเงิน จดหมายเชิญจากบริษัทในไทย (สำหรับวีซ่า Non-Immigrant B) ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) 3. ขั้นตอนการขอวีซ่าทำงานไทยมีอะไรบ้าง? เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศของผู้สมัคร ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า รอผลการพิจารณา 4. ระยะเวลาในการขอวีซ่าทำงานไทยนานแค่ไหน? ระยะเวลาในการขอวีซ่าทำงานไทยอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าและสถานทูตหรือสถานกงสุลที่ยื่นขอ โดยทั่วไปแล้ว ใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ 5. ค่าธรรมเนียมวีซ่าทำงานในไทย ค่าธรรมเนียมวีซ่าทำงานในไทยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าและสถานทูตหรือสถานกงสุลที่ยื่นขอ โดยทั่วไปแล้ว อยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาท 6. วีซ่าทำงานไทยมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน? วีซ่าทำงานไทยมีอายุการใช้งาน 1 ปี และสามารถต่ออายุได้ทุกปี 7. สามารถทำงานในประเทศไทยได้นานแค่ไหน? ระยะเวลาการทำงานในประเทศไทย ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน โดยทั่วไปแล้ว อนุญาตให้ทำงานได้ไม่เกิน 1 ปี และสามารถต่ออายุได้ทุกปี 8. ญาติสามารถมาพำนักในประเทศไทยกับผู้ถือวีซ่าทำงานได้หรือไม่? ญาติสามารถมาพำนักในประเทศไทยกับผู้ถือวีซ่าทำงานได้ โดยต้องขอวีซ่าประเภท Non-Immigrant O (วีซ่าคู่สมรส) หรือ Non-Immigrant B-O (วีซ่าประเภทพิเศษ) 9. วีซ่าทำงานในไทยมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกหรือไม่? นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ […]

ビザ申請手順 完全ガイド

การเดินทางไปต่างประเทศในปัจจุบัน หลายๆ ประเทศจำเป็นต้องขอวีซ่าก่อนเข้าประเทศ ซึ่งขั้นตอน การทำวีซ่า และการเอกสารที่ต้องเตรียมอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่าและประเทศปลายทาง บทความนี้จึงเป็นคู่มือครบวงจร เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนและเตรียมตัวสำหรับการขอวีซ่าได้อย่างถูกต้อง 1. ศึกษาประเภทของวีซ่า เนื่องจากวีซ่ามีอยู่หลายประเภท การทำวีซ่าจึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเดินทาง เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน วีซ่าทำงาน วีซ่าธุรกิจ วีซ่าเยี่ยมญาติ ฯลฯ คุณต้องเลือกประเภทวีซ่าให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการเดินทาง ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าประเภทนั้นๆ บนเว็บไซต์ของสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศปลายทาง ตัวอย่างวีซ่าของไทยเช่น วีซ่าคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant Visa) วีซ่าท่องเที่ยว (Tourist Visa): สำหรับการท่องเที่ยว พักผ่อน ไม่เกิน 60 วัน วีซ่าธุรกิจและทำงาน (Non-Immigrant Visa B): สำหรับการประกอบธุรกิจ ทำงาน วีซ่านักเรียน/นักศึกษาต่างชาติ (Non-Immigrant Visa ED): สำหรับการศึกษาต่อ วีซ่าประเภทอื่นๆ: เช่น วีซ่าแต่งงาน วีซ่าเพื่อการรักษาพยาบาล วีซ่าเพื่อการศึกษาภาษาไทย ฯลฯ วีซ่าคนเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (Immigrant Visa) Visa Non-Immigrant “O-X” : วีซ่าเกษียณอายุสำหรับชาวต่างชาติโดยได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้เป็นระยะเวลา 5 ปี และสามารถขอขยายวีซ่าต่อได้อีก 5 ปี วีซ่าประเภทอื่นๆ วีซ่าทูต (Diplomatic Visa): สำหรับนักการทูต วีซ่าราชการ (Official Visa): สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาล วีซ่าคนเดินทางผ่านราชอาณาจักร (Transit Visa): สำหรับการเดินทางผ่านประเทศไทย 2. เตรียมเอกสาร เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าและประเทศปลายทาง เอกสารทั่วไปที่มักต้องใช้ ได้แก่ หนังสือเดินทาง (Passport) มีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือน มีหน้าว่างสำหรับติดวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้า รูปถ่าย ขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ใบสมัครขอวีซ่า กรอกข้อมูลครบถ้วน ตรงตามความเป็นจริง ลงลายเซ็น หลักฐานการเงิน สมุดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองเงินเดือน หลักฐานอื่นๆ […]

2024年 外国人に人気な就労ビザ8選 Part1

ในยุคปัจจุบันที่การติดต่อสื่อสารทำได้ง่ายมากขึ้น การย้ายถิ่นฐานเพื่อทำงานต่างประเทศจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลาย ๆ คน และในแต่ละประเทศก็มีวีซ่าทำงานที่แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละวีซ่าก็มีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปเช่นกัน ทาง FDI A&A จึงได้รวบรวมข้อมูล เขียนบทความนำเสนอ 8 วีซ่าทำงานต่างประเทศ ที่น่าสนใจในปี 2024 หากพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยค่ะ ! 1. Express Entry Program – แคนาดา เป็นระบบการขอวีซ่าเพื่ออาศัยถาวรในแคนาดาสำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติทางเศรษฐกิจ หรือผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานในสายงานที่ได้รับความต้องการจากตลาดแรงงานของแคนาดา หนี่งในสิทธิประโยชน์ของการสมัครผ่าน Express Entry Program คือ คุณสามารถนำคู่ครองและบุตรมาได้  คุณสมบัติของผู้สมัครเบื้องต้น อายุระหว่าง 18-35 ปี (ผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี ยังสามารถสมัครได้ แต่จะได้รับคะแนน CRS น้อยกว่า) จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจะได้รับคะแนน CRS มากกว่าผู้ที่จบการศึกษาระดับต่ำกว่า) มีทักษะภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศสระดับปานกลาง มีคะแนน IELTS อย่างน้อย 6.0 (ผู้ที่สอบ IELTS ได้คะแนนอย่างน้อย 6.0 จะได้รับคะแนน CRS มากกว่าผู้ที่สอบได้คะแนนต่ำกว่า) มีคะแนน CRS อย่างน้อย 67 อาชีพที่ต้องการ อาชีพที่มีความต้องการสูงในแคนาดา ได้แก่ อาชีพด้านการดูแลสุขภาพ อาชีพด้านเทคโนโลยี อาชีพด้านการก่อสร้าง อาชีพด้านการผลิต เป็นต้น อาชีพที่มีทักษะสูง ได้แก่ อาชีพด้านวิศวกรรม อาชีพด้านวิทยาศาสตร์ อาชีพด้านการแพทย์ เป็นต้น อาชีพที่มีความต้องการเฉพาะด้าน ได้แก่ อาชีพด้านเกษตรกรรม อาชีพด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น Federal Skilled Worker Program (FSWP) สำหรับแรงงานมีทักษะที่มีประสบการณ์การทำงานและต้องการเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร ประสบการณ์การทำงานที่มีทักษะอย่างน้อย 1 ปี และต้องอยู่ในกลุ่ม National Occupational Classification (NOC) ความสามารถทางภาษา หนังสือรับรองการศึกษา แสดงหลักฐานทางการเงิน ขั้นต่ำ 13,757 ดอลลาร์ ต่อ 1 ท่าน ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>  Federal Skilled Worker Program […]

優秀な技術者・投資家向けのSMART Visaとは?

สมาร์ทวีซ่า (SMART Visa) เป็นวีซ่าประเภทพิเศษที่รัฐบาลไทยกำหนดขึ้นเพื่อดึงดูดบุคลากรทักษะสูงและนักลงทุนที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานหรือลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ที่เรียกว่า S-Curve โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป ตามอุตสาหกรรม ดังนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism) อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Food for the Future) อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (Automation and Robotics) อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) การบริการด้านการระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolution) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Human Resource Development in Science and Technology) การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน (Environmental Management and Renewable Energy) วัตถุประสงค์ของสมาร์ทวีซ่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการดึงดูดแรงงานทักษะสูงและนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาทำงานหรือลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เติบโตและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ SMART Visa มีกี่ประเภท ? Smart “T” สำหรับผู้เชี่ยวชำญทักษะสูง (Talent) ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เข้ามาทำงานในกิจการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น นักพัฒนา วิศวกรสาขาต่างๆ นักวิจัย เป็นต้น คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ มีเงินได้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 100,000 บาท/เดือน หรือเทียบเท่า มีสัญญาจ้างหรือสัญญาบริการกับกิจการในไทยหรือกิจการในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า 1 ปี ต้องได้รับการรับรองความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเป้าหมาย กิจการที่ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจะต้องได้รับการรับรองว่าอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย โดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง Smart “I” สำหรับนักลงทุน (Investor) สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในกิจการที่ใช้เทคโนโลยีและอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย คุณสมบัติและหลักเกณฑ์ ต้องลงทุนโดยตรงในนามบุคคลไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย […]

タイ・中国 2024年3月1日から入国ビザの相互免除措置導入予定

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยข่าวดีว่า ไทยและจีนเตรียมยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างกัน โดยคนไทยและชาวจีนที่จะเดินทางระหว่างกันไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าอีกต่อไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป การยกเลิกวีซ่าถาวรระหว่างไทยและจีนในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนระหว่างกัน โดยคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของทั้งไทยและจีน การยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างไทยและจีน ครอบคลุมบุคคลสัญชาติไทยและจีนที่ถือหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ โดยสามารถพำนักได้ไม่เกิน 30 วัน และรวมระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วัน ข้อดีของการ ยกเลิกวีซ่า การ ยกเลิกวีซ่า ถาวรระหว่างไทยและจีน มีข้อดีหลายประการ ดังนี้ ส่งเสริมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวไทยและชาวจีนสามารถเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่า ส่งเสริมการค้าและการลงทุน ผู้ประกอบการไทยและชาวจีนสามารถเดินทางไปติดต่อธุรกิจระหว่างกันได้สะดวกขึ้น ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุน ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การยกเว้นวีซ่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน การยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างไทยและจีน ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนไทยและชาวจีนที่สนใจเดินทางท่องเที่ยว หรือติดต่อธุรกิจ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป FDI Accounting & Advisory ที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างครบวงวจร • ง่าย • ครบ • จบ • ในที่เดียว! 📞 Phone : 02 626 5999 📧 E-mail : infojob@fdi.co.th 🌐 www.fdi.co.th ข่าวสารอื่นๆ COP28 การประชุมในประเด็น “เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล” ที่ยังไม่มีบทสรุป FDI20/12/2023 การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 (COP28)… Read More FDI Group เปิดบูธ SMC Open House 2023 ภายใต้หัวข้อ “การผลิตแบบยั่งยืน เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียว” FDI30/11/2023 บริษัท FDI Group… Read More “BLACKPINK” ในฐานะฑูต “ ด้านสิ่งแวดล้อม “ ณ […]

諸外国の就労ビザ事情

การย้ายไปทำงานในต่างประเทศเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดประสบการณ์ใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรมและภาษาใหม่ๆ และสร้างรายได้ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปทำงานในต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าทำงานของประเทศนั้นๆ ให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถขอวีซ่าทำงานต่างประเทศได้และสามารถทำงานในประเทศนั้นได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยทั่วไปแล้ว วีซ่าทำงานของประเทศต่างๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ วีซ่าทำงานต่างประเทศชั่วคราว (Temporary Work Visa) เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้ทำงานในประเทศนั้นๆ ในระยะสั้นๆ โดยระยะเวลาการอนุญาตทำงานจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ วีซ่าทำงานชั่วคราวมักออกให้กับผู้ที่ทำงานในสายงานที่มีความต้องการสูง เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที แพทย์ หรือนักวิทยาศาสตร์ วีซ่าทำงานต่างประเทศถาวร (Permanent Work Visa) เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้ทำงานในประเทศนั้นๆ ได้ในระยะยาว วีซ่าทำงานถาวรมักออกให้กับผู้ที่ทำงานในสายงานสำคัญ หรือผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดของประเทศนั้นๆ เช่น ผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานในสาขานั้นๆ เป็นเวลานาน หรือผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาจากมหาวิทยาลัยในประเทศนั้นๆ ประเทศสหรัฐอเมริกา H-1B visa วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้บริษัทหรือองค์กรในสหรัฐอเมริกาจ้างชาวต่างชาติที่มีทักษะสูง เช่น วิศวกร แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไอที L visa วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้พนักงานของบริษัทในสหรัฐอเมริกาเดินทางไปทำงานชั่วคราวในสาขาย่อยของบริษัทในต่างประเทศ O-1 visa วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มีความสามารถพิเศษในด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ การศึกษา กีฬา หรือการแสดง ทำงานในสหรัฐอเมริกา J-1 visa วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางมาสหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานในโครงการแลกเปลี่ยน เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา โครงการฝึกงาน หรือโครงการฝึกอบรม สหราชอาณาจักร Tier 2 General Visa เป็นวีซ่าทำงานระยะยาวที่ออกให้กับแรงงานทักษะสูงหรือแรงงานที่ต้องการทำงานในสหราชอาณาจักรในระยะยาว Tier 5 Youth Mobility Scheme Visa เป็นวีซ่าทำงานระยะสั้นที่ออกให้กับเยาวชนอายุระหว่าง 18-30 ปี จาก 31 ประเทศ เพื่อเดินทางไปทำงานหรือฝึกงานในสหราชอาณาจักร ประเทศแคนาดา Federal Skilled Worker Program (FSWP) โปรแกรมสำหรับผู้ที่มีทักษะและประสบการณ์ทำงานที่ต้องการในประเทศแคนาดา Provincial Nominee Program (PNP) โปรแกรมสำหรับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากจังหวัดหรือดินแดนในประเทศแคนาดา Temporary Foreign Worker Program (TFWP) โปรแกรมสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานชั่วคราวในประเทศแคนาดา Express Entry วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถย้ายถิ่นฐานไปทำงานและพำนักถาวรในแคนาดาได้ International Mobility Program (IMP) วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางไปทำงานในแคนาดาภายใต้โครงการแลกเปลี่ยน เช่น โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา โครงการฝึกงาน […]

労働許可証と就労ビザの違いは何か?

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก โดยในปี พ.ศ. 2565 มีผู้ถือใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยประมาณ 2.5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคเกษตรกรรม ตามกฎหมายของประเทศไทย ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยจำเป็นต้องมี ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และวีซ่าทำงาน (Working Visa) เพื่อประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใบอนุญาตทำงาน (ใบ Work Permit) ใบอนุญาตทำงาน (ใบ Work Permit) คือเอกสารที่ออกโดยกระทรวงแรงงานอนุญาตให้ชาวต่างชาติประกอบอาชีพในประเทศไทย โดยใบอนุญาตทำงานจะมีระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของงานและความจำเป็นในการจ้างงาน ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะทำงานในประเทศไทยจะต้องยื่นขอใบอนุญาตทำงานต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ใบอนุญาตทำงานมี 3 ประเภท ได้แก่ ใบอนุญาตทำงานประเภทที่ 1 อนุญาตให้ทำงานได้เฉพาะตำแหน่งที่ได้รับอนุญาต ใบอนุญาตทำงานประเภทที่ 2 อนุญาตให้ทำงานได้หลายตำแหน่งตามสาขาวิชาที่จบการศึกษา ใบอนุญาตทำงานประเภทที่ 3 อนุญาตให้ทำงานได้ในทุกตำแหน่ง การขอใบอนุญาตทำงาน หรือ ใบ Work Permit มีขั้นตอนดังนี้ ยื่นคำร้องขอใบอนุญาตทำงานต่อกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน ยื่นเอกสารประกอบการขอใบอนุญาตทำงาน ได้แก่ สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่าทำงาน สำเนาใบรับรองการศึกษา สำเนาใบรับรองการทำงาน รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป ระยะเวลาในการดำเนินการขอใบ Work Permit จะมีระยะเวลาประมาณ 7 วัน วีซ่าทำงาน (Working Visa) วีซ่าทำงาน (Working Visa) คือเอกสารที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อประกอบอาชีพ โดยวีซ่าทำงานจะมีประเภทต่างๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของงานและระยะเวลาในการประกอบอาชีพ ประเภทของวีซ่าทำงานในประเทศไทย เช่น วีซ่าประเภท Non-B เป็นวีซ่าที่ออกให้ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยวีซ่าประเภท Non-B มีอายุ 1 ปี สามารถขอต่ออายุได้ 1 ปี การขอวีซ่าทำงานมีขั้นตอนดังนี้ ยื่นคำร้องขอวีซ่าทำงานต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าทำงาน ยื่นเอกสารประกอบการขอวีซ่าทำงาน ได้แก่ สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบรับรองการศึกษา สำเนาใบรับรองการทำงาน จดหมายเชิญจากนายจ้างในประเทศไทย ระยะเวลาในการดำเนินการขอวีซ่าทำงานประมาณ 15 วัน […]

就労ビザとは何ですか?

วีซ่าทำงาน เป็นเอกสารทางราชการที่ออกโดยรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ โดยอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศได้ วีซ่าทำงานมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับประเภทของงานและความต้องการของประเทศนั้น ๆ ซึ่งในแต่ละประเทศอาจมีข้อกำหนดและเงื่อนไขในการขอวีซ่าทำงานที่แตกต่างกันไป วันนี้ทาง FDI A&A จะมาเจาะลึกวีซ่าทำงานพร้อมยกตัวอย่างวีซ่าทำงานจากประเทศต่างๆ กันค่ะ ประเภทของวีซ่าทำงาน ประเภทของวีซ่าทำงานสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประเภทของงาน ทักษะและประสบการณ์ของผู้สมัคร ความต้องการของประเทศนั้น ๆ เป็นต้น ตัวอย่างประเภทของวีซ่าทำงาน ได้แก่ วีซ่าทำงานทั่วไป (General Work Visa) เป็นวีซ่าทำงานที่ออกให้กับชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของประเทศนั้น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงานหรือทักษะเฉพาะด้าน วีซ่าทำงานตามทักษะ (Skills-based Work Visa) เป็นวีซ่าทำงานที่ออกให้กับชาวต่างชาติที่มีทักษะหรือประสบการณ์การทำงานเฉพาะด้านที่ประเทศนั้น ๆ ต้องการ วีซ่าทำงานตามสายงาน (Occupational Work Visa) เป็นวีซ่าทำงานที่ออกให้กับชาวต่างชาติที่ทำงานในสายงานเฉพาะ เช่น แพทย์ พยาบาล วิศวกร ครู เป็นต้น วีซ่าทำงานตามโครงการพิเศษ (Special Program Work Visa) เป็นวีซ่าทำงานที่ออกให้กับชาวต่างชาติที่เข้าร่วมโครงการพิเศษ เช่น โครงการฝึกงาน โครงการวิจัย เป็นต้น เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าทำงาน เอกสารประกอบคำขอวีซ่าทำงานจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยโดยทั่วไปแล้ว เอกสารประกอบคำขอวีซ่าทำงาน ได้แก่ หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ใบสมัครวีซ่า รูปถ่ายขนาด 2×2 นิ้ว ใบรับรองแพทย์ ประกันสุขภาพ หลักฐานแสดงความสัมพันธ์กับประเทศต้นทาง เช่น ใบทะเบียนสมรส ใบรับรองบุตร เป็นต้น หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษาและประสบการณ์การทำงาน หลักฐานแสดงเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพในประเทศนั้น ๆ ข้อควรระวังในการขอวีซ่าทำงาน ชาวต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่าทำงานควรศึกษาข้อมูลและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้รับวีซ่าทำงานอย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการของประเทศนั้น ๆ โดยควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น คุณสมบัติของผู้สมัครตามประเภทของวีซ่าที่ต้องการ เอกสารประกอบคำขอวีซ่า ขั้นตอนการขอวีซ่า ระยะเวลาในการขอวีซ่า ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า ตัวอย่างวีซ่าทำงานของประเทศต่าง ๆ วีซ่าทำงานประเทศไทย วีซ่าทำงานแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ วีซ่าทำงานประเภท Non-B เป็นวีซ่าทำงานทั่วไปที่ออกให้กับชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงานหรือทักษะเฉพาะด้าน วีซ่าทำงานประเภท O เป็นวีซ่าทำงานตามสายงานเฉพาะ เช่น […]

ビザ会社代理店VS自分でビザ申請どっちが良い?

เมื่อพูดถึงการเดินทางไปต่างประเทศ การขอวีซ่ามักเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่จำเป็น ซึ่งกระบวนการนี้อาจซับซ้อนและใช้เวลานาน ส่งผลให้หลายคนใช้บริการจาก บริษัทรับทำวีซ่า แต่หลายคนแย้งว่าการยื่นขอวีซ่าด้วยตนเองเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเชื่อถือได้มากกว่า ซึ่งในบทความนี้ ทาง FDI A&A จะสำรวจข้อดีและข้อเสียของทั้งสองวิธีเพื่อช่วยคุณตัดสินใจว่าตัวเลือกใดที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากกว่า หากพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยค่ะ! บริษัทรับทำวีซ่า ข้อดีของการใช้บริการบริษัทรับทำวีซ่า มีความเชี่ยวชาญและความรู้ : บริษัทรับทำวีซ่ามีความรอบรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบด้านวีซ่าและมีประสบการณ์ในการติดต่อกับสถานทูตและสถานกงสุลต่างๆ ซึ่งสามารถให้ข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้องตลอดขั้นตอนการสมัคร ประหยัดเวลาและสะดวกสบาย : บริษัทรับทำวีซ่าสามารถประหยัดเวลาของคุณโดยการจัดการเอกสารและวางใจว่าเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดจะถูกส่งอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังคุ้นเคยกับข้อกำหนดและสามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการได้อีกด้วย คำแนะนำและความช่วยเหลือ : บริษัทรับทำวีซ่ามีความเชี่ยวชาญในกระบวนการและเอกสารที่ต้องการ ซึ่งจะคอยแนะนำและช่วยคุณในการเตรียมเอกสารที่จำเป็นได้อย่างถูกต้อง การติดตามและการแจ้งเตือน : บริษัทรับทำวีซ่าบางแห่งอาจมีบริการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานะของวีซ่าหรือขั้นตอนต่าง ๆ ที่ต้องทำต่อไป ทำให้คุณเข้าใจและทราบข้อมูลเกี่ยวกับการขอวีซ่าของคุณได้ดีขึ้น ซึ่งทาง FDI A&A เป็นบริษัทรับทำวีซ่า ที่มีบริการติดตามสถานะเผื่อให้คุณทราบกระบวนการทุกขั้นตอน บริการเพิ่มเติม : บริษัทวีซ่าบางแห่งเสนอบริการเพิ่มเติม เช่น การแปลเอกสาร การนัดหมาย และการดำเนินการแบบเร่งด่วน บริการเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณมีกำหนดเวลาที่จำกัดหรือมีข้อกำหนดเฉพาะ  ข้อเสียของการใช้บริการบริษัทรับทำวีซ่า ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม : การใช้บริการบริษัททำวีซ่าอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการทำด้วยตนเอง รวมถึงค่าบริการของบริษัทด้วย ข้อจำกัดในการควบคุม : บางครั้งการใช้บริการบริษัททำวีซ่าอาจทำให้คุณไม่สามารถควบคุมกระบวนการได้ตามต้องการ โดยต้องรอผลตอบรับจากบริษัท ความเชื่อถือได้ของบริษัท : การเลือกบริษัททำวีซ่าที่ไม่น่าเชื่อถือหรือไม่มีความเชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการขอวีซ่าหรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งทาง FDI A&A มีบริการรับทำวีซ่า ให้ความมั่นใจได้ด้วยประสบการณ์มากกว่า 28 ปี ปรึกษาขอคำแนะนำก่อนได้ ฟรี! ที่นี่ การสมัครวีซ่าด้วยตนเอง ข้อดีของการสมัครวีซ่าด้วยตัวเอง ประหยัดต้นทุน : การใช้บริษัทรับทำวีซ่ามาพร้อมกับค่าบริการต่างๆ เมื่อยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเอง คุณจะประหยัดเงินได้โดยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเหล่านี้ ความยืดหยุ่นในการจัดการเอกสาร : การยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเองจะทำให้คุณสามารถควบคุมขั้นตอนการสมัครได้และมีความยืดหยุ่นในการจัดเตรียมเอกสารในการขอวีซ่า ประสบการณ์การเรียนรู้ : การดำเนินการตามขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเองอาจเป็นโอกาสในการเรียนรู้อันมีค่า ช่วยให้คุณได้รับความรู้โดยตรงเกี่ยวกับข้อกำหนด กฎระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ความรู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับการยื่นขอวีซ่าในอนาคต  ข้อเสียของการสมัครวีซ่าด้วยตัวเอง ความซับซ้อนและความยากลำบากของขั้นตอน : กระบวนการขอวีซ่าอาจมีความซับซ้อนและจำเป็นต้องทำความเข้าใจข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการโดนปฏิเสธ : หากข้อมูลหรือเอกสารไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดของทางการที่ออกวีซ่า อาจทำให้วีซ่าของคุณถูกปฏิเสธ และต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขหรือขอใหม่ ข้อจำกัดในการขอวีซ่าบางประเภท : มีประเภทของวีซ่าบางแบบที่ต้องการเอกสารหรือข้อมูลที่เป็นไปตามเงื่อนไขของหน่วยงานหรือประเทศที่คุณยื่นคำขอ ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการทำวีซ่าด้วยตัวเอง  หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการขอวีซ่าทาง FDI Accounting & Advisory เป็นบริษัทรับทำวีซ่า จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ ความสามารถมากกว่า 28 ปี ที่ซึ่งจะช่วยการยื่นขอวซ่าเป็นเรื่องง่าย สะดวก ประหยัดเวลา ซึ่งเราให้บริการทั้งผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ หรือ […]

1 2