BCG

二酸化炭素排出量のカテゴリー詳細

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) คือ ตัวชี้วัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของบุคคล องค์กร หรือผลิตภัณฑ์ เปรียบเสมือนรอยเท้าคาร์บอนที่บ่งบอกถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยวัดออกมาในหน่วย ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์มีความสำคัญต่อทั้งบุคคล องค์กร และสังคมโดยรวม ช่วยให้เราเข้าใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมต่างๆ กระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ มีกี่ประเภท คาร์บอนฟุตพริ้นท์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization – CFO) สำหรับอันดับแรกของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ มีกี่ประเภท คือ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององคกร์ โดยวัดผลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมการดำเนินงานขององค์กร เช่น การใช้พลังงาน การผลิตสินค้า การขนส่ง วัตถุดิบ ฯลฯ ข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้เกิดกลยุทธ์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน บริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดึงดูดนักลงทุนและลูกค้าที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท (Scope) ดังนี้ Scope 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงจากกิจกรรมขององค์กร เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในโรงงาน การใช้เครื่องจักร Scope 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ซื้อมาจากภายนอก Scope 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กร เช่น การเดินทางของพนักงาน การจัดส่งสินค้า การผลิตวัตถุดิบ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product – CFP) วัดผลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การเริ่มต้นวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์จนสิ้นสุด ซึ่งข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อ กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก วัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ การจัดหาวัตถุดิบ: ขั้นตอนนี้รวมถึงการเก็บเกี่ยวพืชผล และการเลี้ยงสัตว์ การผลิต: ขั้นตอนนี้รวมถึงกระบวนการแปรรูปวัตถุดิบ การประกอบชิ้นส่วน และการบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง: ขั้นตอนนี้รวมถึงการขนส่งวัตถุดิบ ชิ้นส่วนที่ผลิตเสร็จแล้ว และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป การใช้งาน: ขั้นตอนนี้รวมถึงการใช้พลังงาน การบำรุงรักษา และการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์ การกำจัดซากผลิตภัณฑ์: ขั้นตอนนี้รวมถึงการรีไซเคิล การเผาไหม้ หรือการฝังกลบผลิตภัณฑ์ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของกิจกรรม (Event Carbon Footprint) […]

カーボンフットプリントとは?
(Carbon Footprint for Organization – CFO)

ในยุคปัจจุบันที่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรง องค์กรธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกต่างตระหนักถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและกำหนดกลยุทธ์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นั่นคือ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Organizational Carbon Footprint – CFO) คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร คืออะไร? คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่องค์กรปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร วัดออกมาในรูปตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จะครอบคลุมกิจกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อมขององค์กร Scope 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากกิจกรรมขององค์กร เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การใช้เครื่องจักร การปล่อยก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบ Scope 2: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ซื้อจากภายนอก Scope 3: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ จากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับองค์กร เช่น การขนส่งสินค้า การเดินทางของพนักงาน การจัดการห่วงโซ่อุปทาน ประโยชน์ของการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร เข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรทราบปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร ช่วยให้เข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน กำหนดกลยุทธ์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: เมื่อทราบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว องค์กรสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย: การลดการใช้พลังงานและทรัพยากรต่างๆ ช่วยให้องค์ประหยัดค่าใช้จ่าย เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร: องค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมีภาพลักษณ์ที่ดี ดึงดูดนักลงทุน ลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ เตรียมพร้อมสำหรับกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น: ในอนาคต รัฐบาลต่างๆ อาจมีกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก องค์กรที่เตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบเหล่านี้จะอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ บริการของ FDI ในการประเมิน คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร เช่น การใช้พลังงาน การใช้น้ำมัน การขนส่ง การจัดการของเสีย วิเคราะห์และคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจ/ผลิตภัณฑ์/โครงการเฉพาะกิจ/กิจกรรมนอกเหนือการดำเนินงานโดยปกติ ทั้งกิจกรรมทางตรงและทางอ้อม อย่างแม่นยำ ถูกต้อง โปร่งใส ตามหลักการ ISO 14064, ISO 14065, ISO 14067, ISO 14069 และตามข้อกำหนดโดยประกาศจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ระบุขอบเขตการประเมินและแหล่งกำเนิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลัก ร่วมพัฒนาแผนลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ (Decarbonization Project) หลังจากที่ได้ดำเนินการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว เสนอตัวอย่างกิจกรรมที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขึ้นทะเบียนรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) จัดทำรายงานผลการประเมิน Carbon Footprint คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรวัดและติดตามผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก องค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควรคำนึงถึงการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อีกด้วย หากท่านใดสงสับเกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร FDI พร้อมให้บริการตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อธุรกิจที่ยั่งยืนของคุณ FDI Accounting […]

FDI新サービスのご案内
【 カーボン ネット ゼロ イベント サービス】

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก องค์กรต่างๆ ทั่วโลกต่างมุ่งมั่นสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) บริการ Carbon Net Zero Event จาก FDI Accounting and Advisory เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรต่างๆ ที่ต้องการจัดงานอีเวนต์อย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยช่วยให้องค์กรของคุณวางแผน ติดตาม จัดการ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมแผนรองรับเพื่อก้าวเข้าสู่ Carbon Neutral Event FDI Accounting and Advisory นำเสนอบริการ Carbon Net Zero Event ที่ครอบคลุมสำหรับงานอีเวนต์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การจัดงานสัมมนา (Seminar) การจัดประชุมคู่ค้า (Business Meeting) การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) การประชุมนานาชาติ (Convention) การจัดแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ (Exhibition) อุตสาหกรรมไมซ์ MICE (Meeting, Incentive, Convention, และ Exhibition) ด้วยบริการ Carbon Net Zero Event ของเรา องค์กรของคุณจะได้รับประโยชน์ดังนี้ บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากงานอีเวนต์ของคุณและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ยั่งยืน: เพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กรในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืน ดึงดูดนักลงทุน ลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความคิดสอดคล้องกัน ประหยัดค่าใช้จ่าย: ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน วัสดุสิ้นเปลือง และการขนส่ง ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย: ตอบสนองข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น สร้างแรงจูงใจให้พนักงาน: ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม บริการ Carbon Net Zero Event ของเรามีขั้นตอนดังนี้ การวางแผนและออกแบบงาน กำหนดขอบเขตของงานอีเวนต์ ระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พัฒนากลยุทธ์การลดคาร์บอน กำหนดแผนปฏิบัติการ การวัดและติดตามคาร์บอนฟุตพรินท์ คำนวณคาร์บอนฟุตพรินท์ของงานของคุณอย่างแม่นยำโดยใช้วิธีการที่ได้รับการยอมรับ ติดตามคาร์บอนฟุตพรินท์ของงานทั้งทางตรงและทางอ้อม การลดคาร์บอนฟุตพรินท์ ระบุโอกาสในการลดคาร์บอนฟุตพรินท์ของงานของคุณ แนะนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ช่วยคุณนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดไปใช้ การชดเชยคาร์บอน พัฒนากลยุทธ์การชดเชยคาร์บอนที่เหมาะกับงานของคุณ จัดหาคาร์บอนเครดิตจากโครงการที่ได้รับการรับรอง การขึ้นทะเบียน Carbon Event ตรวจสอบคุณสมบัติของงานของคุณ จัดเตรียมเอกสาร ประสานงานกับผู้ตรวจสอบ รับใบรับรอง Carbon Neutral Event […]

持続可能なビジネスに導く戦略的グリーンビジネス

ในยุคปัจจุบัน ปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อโลกของเราอย่างมาก ธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับตัวและดำเนินการอย่างยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมสีเขียว จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยนำธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน อุตสาหกรรมสีเขียวคืออะไร? อุตสาหกรรมสีเขียว หมายถึง ธุรกิจที่มุ่งเน้นการผลิตและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดมลพิษ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน กลยุทธ์การนำอุตสาหกรรมสีเขียวมาใช้จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในหลายมิติ 1. มิติเศรษฐกิจ ลดต้นทุนการผลิต : การใช้วัสดุรีไซเคิล พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลกำไร สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ : ตลาดสินค้าและบริการสีเขียวกำลังเติบโต ธุรกิจที่ปรับตัวเข้าหาเทรนด์นี้ จะมีโอกาสขยายตลาดและสร้างรายได้ใหม่ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี : ธุรกิจสีเขียวจะดึงดูดลูกค้า พันธมิตร และนักลงทุน ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม 2. มิติสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษ : การใช้วัสดุและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ น้ำ และเสียง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ : การใช้พลังงานหมุนเวียน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ : การใช้วัสดุรีไซเคิล ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ 3. มิติสังคม ส่งเสริมสุขภาพที่ดี : การลดมลพิษ ช่วยสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับชุมชน สร้างงาน : ธุรกิจสีเขียวสร้างงานใหม่ในภาคเศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาชุมชน : ธุรกิจสีเขียวสามารถสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชน กลยุทธ์นำธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วย อุตสาหกรรมสีเขียว 1. การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยมลพิษและของเสีย พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน 2. การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด พัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สนับสนุนชุมชนท้องถิ่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม 3. ความรับผิดชอบต่อสังคม ดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน ส่งเสริมการจ้างงานอย่างเป็นธรรม พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม 4. การสร้างความร่วมมือ ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว แบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับธุรกิจอื่น สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว 5. การสื่อสาร ประชาสัมพันธ์นโยบายและแนวทางการดำเนินธุรกิจสีเขียวขององค์กร สื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมสีเขียว กระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระดับของอุตสาหกรรมสีเขียว กระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดระดับของอุตสาหกรรมสีเขียวไว้ 5 ระดับ ดังนี้ ระดับที่ 1 ความมุ่งมั่นสีเขียว (Green Commitment) ระดับที่ 2 […]

カーボンクレジットとは?

คาร์บอนเครดิต หมายถึง สิทธิที่บุคคลหรือองค์กรได้รับจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เปรียบเสมือน “ใบอนุญาต” ที่สามารถนำไปซื้อขายในตลาดคาร์บอนเครดิต โดย 1 คาร์บอนเครดิต เท่ากับ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นจากการลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากโครงการต่างๆ เช่น การปลูกป่า การใช้พลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นต้น ขั้นตอนการจัดทำ คาร์บอนเครดิต 1. การพัฒนาโครงการ กำหนดประเภทโครงการ ว่าจะเป็นโครงการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ การดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ตัวอย่างโครงการ เช่น การใช้พลังงานทดแทน การปลูกป่า การจัดการของเสีย ฯลฯ ออกแบบโครงการ โดยระบุวิธีการลดหรือกักเก็บคาร์บอน ประมาณการปริมาณก๊าซเรือนกระจก กำหนดเป้าหมาย ระยะเวลา งบประมาณ ฯลฯ ศึกษาและปฏิบัติตามมาตรฐาน โดยเลือกมาตรฐานที่เหมาะสมกับโครงการ เช่น มาตรฐาน T-VER ของไทย มาตรฐาน Gold Standard มาตรฐาน VCS ฯลฯ 2. การขึ้นทะเบียนโครงการ ยื่นขอขึ้นทะเบียนโครงการกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยในไทยยื่นกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. เตรียมเอกสารประกอบ รายละเอียดโครงการ ผลการศึกษาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ฯลฯ อบก. พิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติของโครงการ 3. การรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก จ้างหน่วยตรวจสอบอิสระ หน่วยตรวจสอบจะตรวจสอบและรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงหรือกักเก็บได้จริง ดำเนินการตรวจสอบตามมาตรฐาน หน่วยตรวจสอบจะตรวจสอบข้อมูล เอกสาร สถานที่ การดำเนินงาน ฯลฯ ออกใบรับรองคาร์บอนเครดิต หน่วยตรวจสอบจะออกใบรับรองจำนวนคาร์บอนเครดิตที่โครงการได้รับ 4. การซื้อขาย คาร์บอนเครดิต ผู้ขายและผู้ซื้อตกลงราคาและปริมาณคาร์บอนเครดิต ดำเนินการซื้อขายผ่านระบบทะเบียนคาร์บอนเครดิตในไทย โดยใช้ระบบ T-VER Credit อบก. ตรวจสอบและบันทึกการซื้อขาย 5. การชดเชยคาร์บอนเครดิต ผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตน แจ้งความประสงค์การใช้คาร์บอนเครดิตต่อ อบก. อบก. ตรวจสอบและยกเลิกคาร์บอนเครดิตจากบัญชีผู้ซื้อ ประโยชน์ของ คาร์บอนเครดิต คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) มีประโยชน์มากมายภายในและนอกองค์กรทั้งต่อผู้ซื้อ ผู้ขาย และต่อโลกโดยรวม ดังนี้ 1. ประโยชน์ต่อผู้ซื้อ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของบริษัทหรือองค์กร […]

脱炭素経営へ!
ファーストステップ ー 二酸化炭素排出量を知る

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) คือ ตัวบ่งชี้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมของมนุษย์ ตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ บริการ หรือองค์กร เช่น การใช้ไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การคมนาคมขนส่ง กระบวนการในภาคอุตสาหกรรมหรือกสิกรรม เป็นต้น เปรียบเสมือนรอยเท้าคาร์บอนที่เราทิ้งไว้บนโลก คำนวณออกมาเป็นหน่วย ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ทำไม คาร์บอนฟุตพริ้นท์ จึงสำคัญ? ก๊าซเรือนกระจก เป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้เราเข้าใจปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ คาร์บอนฟุตพริ้นท์มีความสำคัญทั้งต่อตัวบุคคล องค์กร และโลกของเรา ดังนี้ 1. ช่วยให้เข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คาร์บอนฟุตพริ้นท์เปรียบเสมือนเครื่องมือวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของเรา ช่วยให้เราตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2. กระตุ้นให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อทราบปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์แล้ว เราสามารถหาวิธีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนโครงการลดคาร์บอนเครดิต 3. ส่งเสริมความยั่งยืน การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยลดภาวะโลกร้อน ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ 4. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปัจจุบัน ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม องค์กรที่สามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ดึงดูดลูกค้า และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ มีกี่ประเภท? คาร์บอนฟุตพริ้นท์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้ 1. คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Organizational Carbon Footprint) หมายถึง ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า การจัดการของเสีย การขนส่ง การใช้น้ำ การใช้กระดาษ ฯลฯ วัดออกมาในรูปตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) แบ่งเป็น 3 ประเภท (Scope) ดังนี้ Scope 1 : การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากแหล่งกำเนิดภายในองค์กร เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงในรถยนต์ของบริษัท การเผาไหม้เชื้อเพลิงในโรงงาน การปล่อยก๊าซมีเทนจากบ่อบำบัดน้ำเสีย Scope 2 : การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้า ความร้อน ไอเย็น ที่ซื้อมาจากภายนอก Scope 3 : การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กร เช่น การขนส่งสินค้า การเดินทางไปติดต่อธุรกิจ […]

FDI 環境セミナーレポート【動画版】 「Turning Carbon Tax Management into Profit」

วิดีโอไฮท์ไลท์ภาพบรรยากาศงานสัมมนา “การบริหารจัดการ ภาษีคาร์บอน ให้เป็นผลกำไร” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย งานสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้เห็นความสำคัญของการเตรียมพร้อมและรับมือในการวางแผน “ภาษีคาร์บอน” ไฮท์ไลท์สำคัญจากวิทยากร ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ : ภาคอุตสากรรมชจำเป็นต้องมีการปรับตัวให้ทันไม่ว่าจะเป็นการรับทราบข้อมูลในเรื่องข้องการบริการจัดการคาร์บอนที่ภาครัฐกำลังจะออกข้องกำหนดมา หากเราสามารถบริหารจัดการภาษีคาร์บอนได้ต้นทุนในการผลิตสินค้าของภาคอุตสาหกรรมไปจะสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ คุณพวงพันธ์ ศรีทอง : คาร์บอนฟรุตปริ้นท์ถือเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับโลก หัวใจในการทำคาร์บอนฟรุตปริ้นท์ก็คือ ทำแล้วจะต้องมีการลดลงของคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปยังเป้าหมายของประเทศที่ได้กำหนดไว้ในปรชี 2065 อย่งไรก็ตามอยากฝากทุกท่านเรื่องของคาร์บอนฟุตปริ้นท์ไว้ด้วย ดร.วันวิศา ฐานังขะโน : อยากเชิญชวนให้ภาคอุตสาหกรรม ร่วมกันจัดทำและผลักดันเรื่องภาษีคาร์บอน เพื่อที่จะได้ส่งออกและขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศต่างๆ ให้ตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ดร. ชานนท์ วินิจชีวิต : อยากเชิญชวนผู้ประกอบการทุกท่านให้ศึกษาการคำนวนคาร์บอนเครดิตและสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ผู้ประกอบการจะได้รับ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาความยั่งยืน คุณ ปฤณวัชร ปานสิงห์ : คาร์บอนเครดิต และ คาร์บอนฟรุตปริ้นท์นั้นมีผลกระทบกับทุกคนในแง่การค้าขายและธุรกิจ ในมุมมองของ  Mitsubishi เทคโนโลยีถือเป็นหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจมีความยั่งยืนได้ คุณภัทร ภัทรประสิทธิ : ในการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนมีการปล่อนคาร์บอนออกมาไม่มากก็น้อย ดังนั้นหากจัดการบริหารหารคาร์บอนให้ดีนั้นสามารถสร้างรายได้กลับเขามาพัฒนาองค์กรได้ คุณ พรพุฒิ สุริยะมงคล : ภาษีคาร์บอนจะเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจในอนาคต ในมุมมองของ Kbank การทำคาร์บอนเครดิตควรที่จะต้องมีแผนรับมือตั้งแต่เนิ่นๆ ต้องวางแผนระยะยาวและเพื่อหาโซลูชั่นในการลดผลกระทบของธุรกิจในมากที่สุด คุณ นันทพัชร ณ สงขลา : FDI Group ที่ปรึกษาธุรกิจอย่างครบวงจรพร้อมดูแลตั้งแต่การจดจัดตั้งธุรกิจ จนถึง การประเมินคาร์บฟรุตปริ้นท์ เราดูแลครบทุกด้านและพร้อมสนับสนุนธุรกิจสู่ความยั่งยืน คุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง : ในมุมมองของ FDI Group เราเห็นว่าการเติบโตทางธุรกิจสามารถทำควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ในปีนี้หลายๆธุรกิจเริ่มหันมาสนใจกับความยั่งยืนเป็นพิเศษ ที่ช่วยให้มีแนวโน้มในการดึงดูดั้งลูกค้าและนักลงทุนได้ด้วยค่ะ FDI Group ที่เป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจมาช่วยดูแลลูกค้าในการเป็นที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ครอบในทุกมิติของธุรกิจมากขึ้น โดนบริการของเราไม่ได้จบในเรื่องให้คำปรึกษาแต่ยังให้คำแนะนำต่อยอดการขึ้นทะเบียนโครงการและสิทธิประโยชน์ของธุรกิจของท่านด้วยค่ะ ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาต่างแสดงความคิดเห็นว่า “งานสัมมนาครั้งนี้ให้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก ช่วยให้เข้าใจกลไกภาษีคาร์บอน และแนวทางการบริหารจัดการเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ” “วิทยากรมีความรู้และประสบการณ์จริง ทำให้เนื้อหาน่าสนใจ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้” “งานสัมมนาครั้งนี้ เป็นเวทีที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการ และผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีคาร์บอน” งานสัมมนาครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการอย่างดีเยี่ยม สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและให้ความสำคัญกับเรื่อง ภาษีคาร์บอน ทาง กลุ่มบริษัท FDI ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ และมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน […]

”環境コンサルタント”とは?
~サステナブル経営を目指して~

ในยุคปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นสิ่งจำเป็น ธุรกิจต่างๆ ต่างต้องเผชิญกับแรงกดดันจากลูกค้า พนักงาน และนักลงทุน ให้ดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การจ้าง ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ที่เชี่ยวชาญเป็นการช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ค้นหาวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดเงินให้กับองค์กรของคุณได้ 1. การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม จะประเมินกิจกรรมของธุรกิจของคุณและระบุถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น ข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ที่ปรึกษาสามารถจะประเมินการใช้น้ำ พลังงาน วัตถุดิบ การปล่อยมลพิษ และการจัดการขยะ วิเคราะห์โครงการที่จะดำเนินการ ว่ามีกิจกรรมใดบ้างที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประเมินผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในระยะสั้นและระยะยาว คาดการณ์ความเสี่ยงและภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น 2. พัฒนากลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมจะช่วยคุณพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยกลยุทธ์ควรครอบคลุมเป้าหมายที่ชัดเจน แผนปฏิบัติงาน และวิธีการวัดผล เช่น การกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการใช้น้ำ 10% ภายใน 1 ปี การพัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว การสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงาน ติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตเพื่อใช้น้ำน้อยลง รีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ 3. นำกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในองค์กร กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมมีความซับซ้อนและค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมจะช่วยให้คุณทราบถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และแนะนำวิธีการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างถูกต้อง เช่น ผู้บริหารสูงสุดต้องกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมในการป้องกันมลพิษ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนที่ชัดเจน เป็นลายลักษณ์อักษร และสื่อสารให้พนักงานทุกคนทราบ องค์กรควรพัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management System : EMS) ที่เป็นระบบและกำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม วางแผน ติดตามผล และวัดผลการดำเนินงาน พนักงานทุกคนควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และวิธีปฏิบัติงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม องค์กรควรระบุตัวชี้วัด (Key Performance Indicators : KPIs) ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม 4. แนะนำเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อพัฒนองค์กร ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม สามารถแนะนำเทคโนโลยีสีเขียวที่สามารถช่วยคุณลดการใช้วัตถุดิบ น้ำ พลังงาน และลดการปล่อยมลพิษ การลดการใช้พลังงานลัหันมาใช้พลังงานสะอาด เช่น แผงโซลาร์เซลล์ กังหันลม พลังงานน้ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการขนส่งที่ยั่งยืน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า จักรยาน ระบบขนส่งสาธารณะ อาคารสีเขียว เช่น วัสดุก่อสร้างรีไซเคิล ระบบประหยัดพลังงาน การออกแบบที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการเกษตร เช่น การเกษตรอัจฉริยะ ระบบน้ำหยด เทคโนโลยีชีวภาพ การลดปริมาณขยะ เช่น การคัดแยกขยะ […]

FDI 環境セミナーレポート
「Turning Carbon Tax Management into Profit」

เมื่อวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท FDI  ผู้นำด้านการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจอย่างครบวงจร ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จัดงานสัมมนา “การบริหารจัดการ ภาษีคาร์บอน ให้เป็นผลกำไร” : Turning Carbon Tax Management into Profit ณ ห้องประชุม Auditorium ชั้น 3 อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย คุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานกลุ่มบริษัท เอฟ ดี ไอ (FDI)  กล่าวเปิดงานว่า “จากปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) มาตรการที่เกี่ยวกับการรักษาสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเริ่มถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตในหลายๆประเทศ ด้วยเหตุนี้ ทาง กลุ่มบริษัท FDI ในฐานะที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจ ผู้มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษานักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติมากว่า 28 ปี จึงได้จัดงานสัมมนาครั้งนี้เพื่อตระหนักถึงความสำคัญในการให้ความรู้ แนวทาง และข้อคิดเห็นใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ได้ใช้ในการประกอบการตัดสินใจและเตรียมตัวรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น” ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และรองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวเปิดงาน “ทางสวทช. มีสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) ที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆของทางภาครัฐ อย่างองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกเอง เราจึงเป็นหน่วยงานที่ให้ความสำคัญของการจัดการสิ่งแวดล้อมส่วนนี้เป็นอย่างมาก และ มีการสนับสนุนส่งเสริมงานวิจัยด้าน BCG หรือ Bio-Circular-Economy มาโดยตลอด” ภายในงานมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและเอกชน อาทิ คุณ ปฐม ชัยพฤกษทล ผู้จัดการอาวุโส สำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริการก๊าซเรือนกระจก (TGO) คุณ พวงพันธ์ ศรีทอง ผู้จัดการ สำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ดร.วันวิศา ฐานังขะโน วิศวกรอาวุโส สถาบันเทคโนโลยี และ สารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) ดร. ชานนท์ วินิจชีวิต ตัวแทนจาก กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คุณภัทร ภัทรประสิทธิ นักวิชาการภาษีชำนาญการพิเศษ กรมสรรพสามิต คุณ ปฤณวัชร ปานสิงห์ ผู้จัดการอาวุธโสฝ่ายการตลอด […]

FDIセミナー案内 「Turning Carbon Tax Management into Profit」

📣 เชิญร่วมงานสัมมนา “การบริหารจัดการ ภาษีคาร์บอน ให้เป็นผลกำไร“ : Turning Carbon Tax Management into Profit FDI Group ร่วมกับ สวทช. เพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้เห็นความสำคัญของการเตรียมพร้อมและรับมือในการวางแผน ” ภาษีคาร์บอน “ วันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 08.30 – 17.00 น. ห้องประชุม Auditorium ชั้น 3 อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. Ticket Price : 1,800 บาท (ราคานี้รวมอาหารและเครื่องดื่มภายในงาน) พิเศษ! ซื้อ 1 แถม 1 **สำหรับสมาชิกของ NSTDA, TSP , FTI , FDI และเครือข่าย** 🔔 ร่วมฟังบรรยายพิเศษกับผู้เชี่ยวชาญ 🔔 อุปสรรคการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และความท้าทายของผู้ประกอบการ Green Technology and Trend สิทธิประโยชน์ในการจัดการก๊าซเรือนกระจกและแนวทางการวางแผนภาษีที่เกี่ยวข้องกับก๊าซเรือนกระจก การวางแผน ภาษีคาร์บอน ให้เหมาะสมกับธุรกิจอุตสาหกรรมนำเข้าและส่งออก ข้อกำหนด CBAM และข้อกำหนดอื่นๆในระแวกเพื่อนบ้าน เสวนา 1 Case Study : Success story จากการปรับปรุงการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในไทย เสวนา 2 Case Study : Technology Success คาร์บอนฟุตพริ้นท์ในไทย กิจกรรม Special Consulting ( ฟรี สำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า 10 ท่านแรก ! )ร่วมยกระดับและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดการคาร์บอนให้เกิดผลกำไรที่ยั่งยืน พร้อมโอกาสในการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ฟรี! ภายในงาน “การบริหารจัดการ ภาษีคาร์บอน ให้เป็นผลกำไร“ : Turning Carbon Tax Management into Profit!.จำนวนที่นั่งจำกัด! สำรองที่นั่งได้ที่ https://forms.gle/K8oDGJYjUgzDBAc79 สามารถดูรายละเอียดของงานเพิ่มเติมได้ที่ […]

1 2
บริการ carbon neutral event ที่ครอบคลุมสำหรับงานอีเวนต์ทุกประเภท!