ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Carbon Footprint คืออะไร สำคัญจริงหรือ? มีผลต่อการระดมทุนและนักลงทุนยุคใหม่อย่างไรบ้าง
ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) หรือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม ที่ในทุกกิจกรรมล้วนแล้วแต่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น เจาะลึกกับที่ปรึกษาการจัดการก๊าซเรือนกระจกอ่านต่อ.. ในบทความนี้เราจะจำกัดเนื้อหาเฉพาะของในแง่มุมองค์กรธุรกิจ ที่การดำเนินงานนั้นได้กลายเป็นตัวชี้วัด มีบทบาทที่สำคัญต่อการระดมทุนและการตัดสินใจของนักลงทุนยุคใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่สังคมมุ่งเน้นในเรื่องของความยั่งยืน ที่ไม่ใช่เพียงแต่ในมิติของสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงมิติด้านสังคม ธรรมาภิบาล และการคำนึงถึงผลกระทบในอนาคตที่ต้องการให้การดำเนินชีวิตของผู้คนยังคงเป็นไปได้ด้วยความยั่งยืนในทุกมิติไว้อย่างน่าสนใจ
นักลงทุนยุคใหม่ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันและกองทุน ESG (Environmental, Social, and Governance) ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าองค์กรมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและเตรียมพร้อมต่อความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อย่างดี
- ESG Integration : การลงทุนตามหลักเกณฑ์ ESG ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยนักลงทุนใช้คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยงและโอกาสของธุรกิจในปัจจุบันและแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
- Green Finance : ธุรกิจที่มีการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว (Green Bond) หรือสินเชื่อที่มีเงื่อนไขสอดคล้องกับความยั่งยืนได้ง่ายมากขึ้น
Carbon Footprint กับประเด็นด้านกฏหมายและข้อบังคับในหลายประเทศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนำไปสู่กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เช่น มาตราการ CBAM ในสหภาพยุโรป , ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และมาตรการอื่น ๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันและต้นทุนของธุรกิจ คู่ค้า พันธมิตร ผู้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจในภาพรวม การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่มีประสิทธิภาพจึงช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ ซึ่งองค์กรต่างต้องปรับตัวในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจัดการลดความเสี่ยงในการปฏิบัติตามข้อกำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกฏหมาย หากองค์กรธุรกิจไม่ปฏิบัติตามในประเด็นทางด้านกฏหมายจะมีความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ความเสี่ยงด้านกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบมาตราการ : ธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมได้ทัน อาจเผชิญกับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นและค่าปรับต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุนโดยตรงและหากมีการส่งออก คู่ค้าทางธุรกิจ ที่ต้องการข้อมูลการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากองค์กรไม่มีการทำในส่วนนี้ก็จะเกิดผลกระทบต่อธุรกิจในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างแน่นอน
ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ความเชื่อมั่นในการลงทุน และภาพลักษณ์ขององค์กรต่อภายนอก ผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือจากผู้มีส่วนได้เสียในธุรกิจ รวมถึงคู่ค้าที่ต้องการทราบถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความยั่งยืนในการดำเนินงาน และผู้บริโภคในยุคที่ค่อนข้างจะให้ความสำคัญในเรื่องของความยั่งยืนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากธุรกิจไม่มีการเคลื่อนไหวหรือแผนรับมือในการปรับเปลี่ยนสู่การมีส่วนร่วมลดโลกร้อน จะส่งกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและลดความน่าสนใจในสายตานักลงทุนได้ในทันที
โอกาสที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในการระดมทุนและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ
การมีแผนการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ชัดเจนและโปร่งใสในองค์กร ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการระดมทุน โดยเฉพาะจากนักลงทุนที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีความยั่งยืน
- โอกาสในการดึงดูดนักลงทุน ESG ให้มาลงทุนในกิจการมากขึ้น
กองทุน ESG กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล อย่างครอบคลุมในหลากหลายมิติเพิ่มขึ้น
- เพิ่มมูลค่าระยะยาวให้กับธุรกิจ และสร้างโอกาสใหม่ในตลาดได้
การลงทุนในเทคโนโลยีและกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ แต่ยังสร้างประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระยะยาว จะช่วยให้ผู้ประกอบการทราบถึงจุดที่สามารถปรับเปลี่ยน ลดต้นทุนได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้
- การเติบโตของธุรกิจในระยะยาวในตลาดสีเขียวและความยั่งยืนในระยะยาว
เป็นการปรับรูปแบบธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจด้านความยั่งยืน การได้รับฉลากคาร์บอนนั้น จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กร และผู้ลงทุนที่มองหาผู้ประกอบการที่มีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจสามารถใช้ฉลากคาร์บอนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการ การปรับองค์กรเข้าสู่ตลาดสีเขียว ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้จากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
เตรียมพร้อมอย่างไรให้องค์กรและผลิตภัณฑ์ เข้าสู่ตลาดสีเขียวได้
ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การเข้าสู่ตลาดสีเขียวจึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับทุกองค์กรและผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดการเติบโตได้ในระยะยาว การขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนกับ อบก. ก็เป็นอีกแนวทางที่จะทำให้องค์กรธุรกิจได้จัดทำการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์มีกี่ประเภท แต่ละแบบเป็นอย่างไร อ่านต่อ !
โดยการเตรียมความพร้อมสู่ตลาดสีเขียวนั้น จะเป็นกุญแจที่สำคัญทำให้ธุรกิจนั้นเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว และจำเป็นที่ควรพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้เข้าใจและสนับสนุนแนวทางสีเขียวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืนและเติบโตไปพร้อมกับตลาดสีเขียวอย่างมั่นคงมากขึ้น

FDI Accounting & Advisory ในฐานะที่ปรึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เราพร้อมให้การสนับสนุนทุกองค์กรธุรกิจที่มีเป้าหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเช่นเดียวกับเรา ในการเป็นที่ปรึกษาการทำธุรกิจ ภายใต้เงื่อนไขที่ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ที่ครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้ตอบโจทย์นโยบายของภาครัฐ รวมถึงเป้าหมายขององค์กร ในการปรับเปลี่ยนระบบการทำธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม สู่ความยั่งยืนโดยแท้จริง
ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : Infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
บทความที่น่าสนใจ
ธุรกิจกับผู้บริโภค จะสร้างการมีส่วนร่วมลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างไร ?
ในยุคที่วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)...
Read MoreThailand Taxonomy คืออะไร ? มาตรฐานใหม่สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
เคยสงสัยกันหรือไม่ ? ว่าการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละธุรกิจดำเนินการกันจริงจังหรือทำเพื่อกล่าวอ้าง...
Read MoreCarbon Label หรือ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในไทยมีแบบไหนบ้าง ต่างกันอย่างไร ?
Carbon Label คืออะไร...
Read More
