การวางแผนในการ ทำภาษี เป็นส่วนสำคัญของการจัดการการเงินที่ดี การลงทุนเพื่อประหยัดภาษีเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดที่ช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินไว้กับตัวได้มากขึ้น กลยุทธ์เหล่านี้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายภาษีที่มีอยู่เพื่อลดภาระภาษีของคุณ บทความนี้จะแนะนำ 5 กลยุทธ์การลงทุนเพื่อประหยัดภาษีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้
1. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) สำหรับการ ทำภาษี

RMF ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund เป็นกองทุนรวมที่รัฐบาลส่งเสริมให้ประชาชนออมเงินเพื่อใช้หลังเกษียณอายุ โดยมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้
การลดหย่อนภาษี
- สามารถนำเงินที่ลงทุนใน RMF ไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้พึงประเมิน
- แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ต่อปี
- เมื่อรวมกับเงินออมเพื่อเกษียณอื่นๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (กบข.) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ประกันแบบบำนาญ และ SSF
การยกเว้นภาษีเงินได้
- เมื่อไถ่ถอนเงินจาก RMF หลังอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ปี จะได้รับยกเว้นภาษีทั้งจำนวน
- กรณีไถ่ถอนเนื่องจาก ทุพพลภาพ หรือ เสียชีวิต เงินที่ไถ่ถอนจะได้รับยกเว้นภาษีทั้งจำนวน
เงื่อนไขการลงทุน
- ต้องลงทุนต่อเนื่อง อย่างน้อย 5 ปี
- สามารถเว้นการลงทุนได้ ไม่เกิน 1 ปี ติดต่อกัน
- ซื้อได้ ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมิน
- แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ต่อปี
2. กองทุนรวมสำรองเลี้ยงชีพ (SSF) สำหรับการ ทำภาษี

SSF ย่อมาจาก Super Saving Fund เป็นกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถนำเงินที่ลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และสามารถรวมกับกองทุนอื่น ๆ เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท
คุณสมบัติของกองทุน SSF
- ลงทุนได้ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
- ซื้อขั้นต่ำเพียง 1 บาท
- ไม่กำหนดจำนวนเงินสูงสุดในการซื้อ
- ซื้อปีไหน นำไปลดหย่อนภาษีปีนั้น
- ถือหน่วยลงทุน 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อ
ข้อดีของการลงทุน SSF
- ประหยัดภาษี
- ลงทุนได้หลากหลาย
- ออมเงินระยะยาว
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทน
ข้อเสียของการลงทุน SSF
- ต้องถือหน่วยลงทุน 10 ปี
- ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุน
- มีความเสี่ยง
3. ประกันชีวิตแบบสะสมทุน กับการลดหย่อนภาษี

ประกันชีวิตแบบสะสมทุน เป็นประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะนอกจากจะให้ความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังสามารถนำเบี้ยประกันไปใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
เงื่อนไขการลงทุน
- ต้องเป็นประกันชีวิตแบบสะสมทุนที่ทำกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย
- ระยะเวลาคุ้มครองต้องมากกว่า 10 ปี
- เงินที่ได้รับคืนระหว่างทางต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันปี หรือ 20% ของเบี้ยสะสม
ประกันชีวิตแบบสะสมทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาว และต้องการความคุ้มครองชีวิตไปพร้อมกัน
ประเภทของประกันชีวิตแบบสะมทุน
- แบบจ่ายเบี้ยประกันสั้น เหมาะกับผู้ต้องการออมเงินระยะสั้น เน้นเงินก้อน
- แบบจ่ายเบี้ยประกันตลอดชีพ เหมาะกับผู้ต้องการออมเงินระยะยาว เน้นความคุ้มครอง
- แบบจ่ายเบี้ยประกันแบบ Unit-Linked เหมาะกับผู้ต้องการลงทุนในกองทุนรวม
4. ประกันสุขภาพสำหรับการลดหย่อนภาษี

ในปีภาษี 2567 ผู้มีเงินได้สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้ ดังนี้
ประกันสุขภาพสำหรับตัวเอง
- ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
- ประกันต้องคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ
- ประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ การแตกหักของกระดูก
ประกันสุขภาพสำหรับคู่สมรส บิดามารดา และบุตร
- ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน
- ประกันต้องคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ
- บิดามารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- คู่สมรสต้องไม่มีเงินได้
กรณีทำประกันสุขภาพร่วมกับประกันชีวิต
- เบี้ยประกันสุขภาพรวมกับเบี้ยประกันชีวิต สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
5. กองทุน Thai ESG กับการลดหย่อนภาษี

กองทุน Thai ESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เป็นกองทุนรวมประเภทพิเศษที่สนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนลงทุนในกองทุนประเภทนี้ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษี
- ผู้ลงทุนต้องเป็นบุคคลธรรมดา
- ลงทุนในกองทุน Thai ESG ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน
- เงินลงทุนจะต้องถือครองไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี
- กองทุน Thai ESG ที่ลงทุนจะต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์)
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินที่ลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- สามารถลงทุนได้ โดยไม่ต้องมีขั้นต่ำ
- สิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้ ไม่รวมกับสิทธิประโยชน์จากกองทุน SSF, RMF, LTF, PVD, กองทุนสงเคราะห์ครู และ กบข.
ข้อควรระวัง
- เงินลงทุนมีความเสี่ยง
- ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต
- ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

โดย FDI Accounting & Advisory ให้บริการวางแผนการ ทำภาษี รวมไปถึงการยื่นภาษีทั้งบุคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ ความสามารถมากกว่า 28 ปี ที่ซึ่งจะช่วยจัดการเรื่องภาษีของคุณให้เป็นเรื่องง่าย เราช่วยการวางแผนภาษี เพื่อให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายสูงสุด ลดภาวะ และช่วยเพิ่มความั่นคงทางการเงิน สามารถตรวจสอบและขอรับคำปรึกษาและบริการของเราได้ ที่นี่ ไม่มีค่าใช้จ่าย!
FDI Accounting & Advisory ที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างครบวงวจร ง่าย ครบ จบ ในที่เดียว!
🩵 Facebook : FDI Group – Business Consulting
💚 Line : @fdigroup
📞 Phone : 02 626 5999
📧 E-mail : infojob@fdi.co.th
🌐Website : www.fdi.co.th
บทความที่เกี่ยวข้อง
5 Checklist! สำคัญสำหรับการ ทำภาษี
ช่วงปลายปีใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนคงเริ่มวุ่นวายกับการเตรียมตัวสำหรับการ ทำภาษี...
Read Moreจดทะเบียนภพ 20 กับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่างกันอย่างไร ?
สำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการในประเทศไทย คงจะคุ้นเคยกับคำว่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)”...
Read More