ทำความเข้าใจกฎหมายภาษี ป้ายหน้าร้าน ป้ายโฆษณา ต้องเสียภาษีอย่างไร ?

ทำความเข้าใจกฎหมายภาษี ป้ายหน้าร้าน ป้ายโฆษณา ต้องเสียภาษีอย่างไร ?

ภาษีป้ายคืออะไร ทำความเข้าใจกฎหมายภาษี

ภาษีป้าย คือ กฎหมายภาษีท้องถิ่น ที่จัดเก็บจากป้ายที่มีการแสดงชื่อ ข้อความ เครื่องหมาย หรือรูปภาพ เครื่องหมาย เพื่อการโฆษณาหรือแสดงชื่อสถานประกอบการ เช่น ป้ายร้านค้า ป้ายบริษัท ป้ายโรงงาน หรือเครื่องหมายที่เขียน แกะสลัก จารึก หรือทำให้ปรากฏโดยวิธีใด ๆ ก็ตาม หากมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมหรือบ่งบอกถึงกิจการ จะเข้าข่ายต้องเสียภาษีป้าย ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 หมวด 1 บททั่วไป มาตรา 6 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2534) และอยู่ภายใต้การดูแลของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาล อบต. หรือสำนักงานเขตในกรุงเทพ ฯ

ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีป้าย ? 

เจ้าของป้ายเป็นผู้ทำหน้าที่เสียภาษีป้าย แต่หากในกรณีที่ไม่มีผู้ยื่นแบบภาษีป้าย หรือไม่สามารถหาตัวเจ้าของป้ายได้ ให้ถือว่าผู้ที่ครอบครองป้ายนั้นเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้าย และถ้าหากหาตัวผู้ครอบครองป้ายไม่ได้ ให้ถือว่าผู้ที่ครอบครองอาหารหรือที่ดินที่ป้ายติดตั้งหรือแสดงอยู่เป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีป้ายตามกฎหมายภาษี

ใครหรือหน่วยงานไหนทำหน้าที่ในการจัดเก็บภาษี

สำหรับผู้ที่ต้องทำการเก็บภาษีป้ายก็คือ หน่วยราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในการเก็บภาษีป้าย โดยเขตราชการส่วนท้องถิ่น ได้แก่

1.เขตเทศบาล

2.เขตสุขาภิบาล

3.เขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด

4.เขตกรุงเทพมหานคร

5.เขตเมืองพัทยา

6.เขตองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นราชการส่วนท้องถิ่น 

อัตราในการเก็บภาษีป้าย

การคำนวณภาษีป้าย คิดอย่างไร ?

สูตรการคำนวณภาษีป้ายเบื้องต้น คือ

ค่าภาษีป้าย = หน่วยของป้ายที่ต้องเสียภาษี x อัตราภาษีป้าย

การคำนวณพื้นที่ป้าย 

1.ป้ายที่มีขอบเขตกำหนดได้ 

คือ ป้ายที่มีขอบเขตชัดเจน ให้คำนวณพื้นที่ของป้ายเป็น ตร.ซม. โดยนำส่วนที่กว้างที่สุด (หน่วยเป็น ซม.) คูณ กับส่วนที่ยาวที่สุด (หน่วยเป็น ซม.) ในการคำนวณพื้นที่ของป้าย

2.ป้ายที่ไม่มีขอบเขตกำหนดได้ 

คือ ป้ายที่ไม่มีขอบเขตชัดเจน แสดงข้อความ ชื่อ ยี่ห้อ อาจจะเขียนแสดงไว้กำแพง ผนังอาคาร ฯ ให้คำนวณพื้นที่ของป้ายเป็น ตร.ซม. จะวัดจากตัวอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายใดๆ จากริมสุดในการกำหนดเป็นขอบเขตสำหรับกำหนดความกว้างที่สุดและยาวที่สุด (หน่วยเป็น ซม.)  ในการคำนวณพื้นที่ของป้าย

ป้ายแบบใดที่ไม่ต้องเสียภาษี

  1. ป้ายที่แสดงไว้ ณ โรงมหรสพและบริเวณของโรงมหรสพนั้น เพื่อโฆษณมหรสพ
  2. ป้ายที่แสดงไว้ที่สินค้าหรือที่สิ่งหุ้มห่อหรือบรรจุสินค้า
  3. ป้ายที่แสดงไว้ในบริเวณงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
  4. ป้ายที่แสดงไว้ที่คน หรือสัตว์
  5. ป้ายที่แสดงไว้ภายในอาคารที่ใช้ประกอบการค้า หรือประกอบกิจการอื่น หรือภายในอาคารซึ่งเป็นที่รโหฐาน ทั้งนี้เพื่อหารายได้และแต่ละป้ายมีพื้นที่ไม่เกินที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่รวมถึงป้ายตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์
  6. ป้ายของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค หรือราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
  7. ป้ายขององค์การที่จัดตั้งขึ้น ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล หรือตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นๆ และหน่วยงานที่นำรายได้ส่งรัฐ
  8. ป้ายของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการสหกรณ์
  9. ป้ายของโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่แสดงไว้ ณ อาคารหรือบริเวณของโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนนั้น
  10. ป้ายของผู้ประกอบการเกษตร ซึ่งค้าผลผลิตอันเกิดจากการเกษตรของตน
  11. ป้ายของวัด หรือผู้ดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การศาสนา หรือการกุศลสาธารณะโดยเฉพาะ
  12. ป้ายของสมาคมหรือมูลนิธิ
  13. ป้ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 
  • ป้ายที่ติดหรือที่แสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ หรือรถแทรกเตอร์ รถบดถนน
  • ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ยานพาหนะ นอกเหนือจากนี้ โดยมีพื้นที่ไม่เกิน 500 ตร.ซม.

ต้องยื่นภาษีเมื่อใด ? ถึงจะไม่มีโทษทางกฏหมายภาษี

  • ยื่นแบบ ภ.ป.1 ภายใน เดือนมีนาคม ของทุกปี
  • กรณีติดตั้งหรือเปลี่ยนป้ายใหม่ ต้องยื่นภายใน 15 วัน หลังติดตั้งป้ายเสร็จสิ้น
  • ชำระภาษีภายใน 15 วันหลังได้รับแจ้งประเมินจากทางหน่วยงานปกครองท้องถิ่น

การเสียภาษีอย่างถูกต้องถือเป็นหน้าที่พื้นฐานของพลเมืองและผู้ประกอบการที่ต้องทำให้ถูกต้องตามที่กฎหมายภาษีระบุไว้ เพื่อให้ประเทศสามารถพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการได้อย่างยั่งยืน ภาษีที่จัดเก็บได้นำไปใช้สนับสนุนบริการสาธารณะต่าง ๆ เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา โรงพยาบาล และการศึกษา ซึ่งทุกคนได้รับประโยชน์ร่วมกัน ธุรกิจที่เสียภาษีถูกต้องยังมีความน่าเชื่อถือในสายตาของคู่ค้า นักลงทุน และสถาบันการเงิน นอกจากนี้ การเสียภาษียังช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนทางการเงินและการบริหารจัดการได้อย่างโปร่งใส ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย เช่น การถูกตรวจสอบย้อนหลังหรือเสียค่าปรับ หากภายหลังต้องการจดทะเบียนเพิ่มทุนหรือเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ การมีประวัติการเสียภาษีที่ถูกต้อง หากไม่ต้องมีการแก้ไขด้านเอกสาร ทำให้การดำเนินงานในระยะยาวให้เป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น 

ช่องทางติดต่อ 

  • Facebook : FDI Group – Business Consulting
  • Line : @fdigroup
  • Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
  • E-mail : infojob@fdi.co.th
  • Website : www.fdi.co.th

見逃せないタイの役立つ情報ที่น่าสนใจ

5 Checklist สำคัญสำหรับการ ทำภาษี !

納税で大切なチェックリスト

ช่วงปลายปีใกล้เข้ามาแล้ว หลายคนคงเริ่มวุ่นวายกับการเตรียมตัวสำหรับการ ทำภาษี...

Read More