การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนและการจ้างงานในหลายภาคส่วน ที่เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน กระตุ้นให้เกิดการบริโภค และส่งเสริมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนภาคการเงินและสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทำให้เงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและขยายเมืองให้เติบโตอย่างมีระบบ หากมีการวางแผนที่ดี จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตประชาชนในอีกหลากหลายมิติในพื้นที่นั้น ๆ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว และการทำ EIA จึงเป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ก่อนจะซื้อบ้าน คอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์ใด ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการสนับสนุนโครงการที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมในการพิจารณาร่วมด้วยเพื่อก่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
ทำความรู้จักบริษัท EIA สิ่งที่โครงการอสังหาริมทรัพย์ต้องทำก่อนเริ่มพัฒนาโครงการ
EIA คืออะไร สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องทำ ?
EIA ย่อมาจาก Environmental Impact Assessment หรือ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม คือ กระบวนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งทางกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ในมิติเชิงบวกและลบ ก่อนที่จะมีการดำเนินพัฒนาโครงการ เพื่อให้สามารถกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามผลกระทบได้อย่างเหมาะสม รวมถึงใช้ในการประกอบการตัดสินใจพัฒนาโครงการ หรือถ้าโครงการมีผลกระทบกับสุขภาพประชาชนก็จะมีการจัดทำรายงานเพิ่มเติมในชื่อว่า EHIA (Environmental Health Impact Assessment) ซึ่งต้องมีทีมนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญต้องศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน ปรึกษาร่วมกันกับชุมชน และออกแบบมาตรการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนจะเสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเข้ากระบวนการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมาย โดยล่าสุดมีระบุไว้ทั้งสิ้น 35 ประเภทโครงการ เช่น เหมืองแร่,เขื่อน,ท่าเรือ,โรงไฟฟ้า ไปจนถึงคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรขึ้นไป
ความสำคัญและข้อดีของ EIA
แน่นอนว่าทุกการพัฒนาโครงการก่อสร้างย่อมมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม แต่คำถามคือ โครงการมีการศึกษา และวางแผนรับมือการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟู หรือมีแนวทางในการจัดการอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต่างต้องตั้งคำถามในการติดตามด้านสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม
โดยข้อดีของการทำ EIA คือ ช่วยหาทางป้องกันผลกระทบในทางลบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นในโครงการนั้นให้เกิดน้อยที่สุด โดยการทำ EIA นั้นจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ถ้าหากได้รับการวางแผนป้องกันปัญหาต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนศึกษาความเหมาะสมของโครงการ และจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังดำเนินโครงการไปแล้ว ซึ่งโดยในรายงาน EIA จะมีการกำหนดมาตรการป้องกัน และติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกอบเป็นหัวข้อหลักที่สำคัญของรายงานให้ได้พิจารณาด้วยเช่นกัน
EIA จะทำการศึกษาและวิเคราะห์เนื้อหารายละเอียดด้านใดบ้าง
Thinkofliving ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า การจัดทำ EIA ประกอบด้วย การศึกษาครอบคลุมระบบสิ่งแวดล้อม 4 ด้าน คือ
- ทรัพยากรกายภาพ (Physical Environment) จะเป็นการศึกษาถึงผลกระทบ เช่น คุณภาพดิน คุณภาพน้ำ คุณภาพอากาศ เสียง ว่าจะมี การเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างหลังจากก่อสร้างโครงการแล้ว
- ทรัพยากรชีวภาพ (Biological Environment) การศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ที่มีต่อระบบนิเวศ ทั้งทางบก ทางน้ำ เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า สัตว์น้ำ ปะการัง เป็นต้น
- คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ (Human Use Value) เป็นการศึกษาถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทั้งทางกายภาพ และชีวภาพของมนุษย์ เช่น การใช้ประโยชน์ที่ดินและการพัฒนาเมือง การจราจรและโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตรและการประมง เป็นต้น
- คุณค่าต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ (Human Health and Socioeconomic Environment) จะเป็นการศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อมนุษย์ ชุมชน ระบบเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ วัฒนธรรมประเพณีและโบราณสถาน ความเชื่อ ค่านิยม รวมถึงทัศนียภาพ คุณค่า การมีส่วนร่วม
ข้อดีของการทำ EIA ต่อผู้พัฒนาโครงการ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโครงการให้ดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง รวมถึงลดต้นทุนการแก้ไขปัญหาในอนาคตได้อย่างรัดกุมมากขึ้น
- มีส่วนช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลดการทำลายระบบนิเวศ ป้องกันการเสื่อมโทรมของดิน น้ำ และอากาศ ศึกษาซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ หรือสร้างแนวทางการป้องกัน แก้ไขไว้ล่วงหน้าเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรหรือบริษัท
โครงการที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน EIA มักได้รับความไว้วางใจจากประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และนักลงทุน ให้การดำเนินงานนั้นมีประสิทธิภาพและลดข้อพิพาท ปัญหาด้านอื่น ๆ ตามมา
- กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมใช้เทคโนโลยี พลังงานสะอาดมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุ่ชั้นบรรยากาศที่ส่งผลให้โลกเดือด ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมอย่างยั่งยืนมากขึ้น
ข้อดีของ EIA ต่อผู้ที่จะซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยหรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุน เพราะช่วยให้มั่นใจว่าโครงการมีคุณภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตในระยะยาว
1. มั่นใจว่าโครงการได้มาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย
- โครงการที่ผ่าน EIA ต้องปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการน้ำเสีย ขยะ มลพิษทางเสียง และคุณภาพอากาศ
- ลดความเสี่ยงที่โครงการจะถูกระงับหรือมีปัญหาทางกฎหมายภายหลัง
2. เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีในการใช้ชีวิต และส่งเสริมคุณภาพชีวิตในระยะยาว
- โครงการที่ผ่าน EIA มักมีการออกแบบที่คำนึงถึงความสมดุลของพื้นที่สีเขียวในโครงการ แหล่งน้ำ และระบบนิเวศโดยรอบ
- ลดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากการอยู่อาศัย จากการอยู่ระยะยาวในโครงการนั้น ๆ
3. ช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้
- ป้องกันปัญหาที่หนักและไม่อยากเจอ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ดินทรุด หรือการรุกล้ำพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม
- สามารถตรวจสอบได้ว่าโครงการไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้แหล่งมลพิษ เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรือบ่อขยะ
4. เพิ่มความปลอดภัยของโครงการและผู้อยู่อาศัย
- โครงการที่ผ่าน EIA ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านภัยพิบัติ เช่น การออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหว หรือการจัดการน้ำท่วม หากเกิดปัญหาภัยพิบัติก็จะมีแนวทางการรับมือ
- ระบบการจัดการขยะและน้ำเสียที่ดี ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
5. มูลค่าอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- โครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีคุณภาพสูง มักเป็นที่ต้องการของตลาด หากเป็นนักลงทุนหรือต้องการซื้อเพื่อเก็งกำไร โครงการที่มี EIA จะตอบโจทย์ได้อย่างดีเพราะมีแนวโน้มราคาเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
- มีโอกาสได้รับราคาขายต่อที่ดี เนื่องจากสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุมผลกระทบสิ่งแวดล้อม
6. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีรอบโครงการ
- โครงการที่ผ่าน EIA มักได้รับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่เหมาะสม เช่น ถนน การระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าและน้ำประปา
- เพิ่มความสะดวกสบาย และลดปัญหาการจราจรติดขัดในระยะยาว หรือความแออัดในพื้นที่นั้น ๆ
“การตัดสินใจเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สำคัญไม่เพียงแค่เพื่อลดผลกระทบต่อธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนสำหรับอนาคตของเราทุกคน”
FDI ขอเชิญชวนทุกท่านให้เลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือผลิตภัณฑ์สินค้าใด ๆ ที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของสังคม ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการช่วยรักษาธรรมชาติ และลดผลกระทบที่เกิดจากการพัฒนาเมือง แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนทั้งในด้านการประหยัดพลังงาน การดูแลสุขภาพของคนในสังคม และการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยั่งยืน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่แค่การตัดสินใจที่ดีในตอนนี้ แต่ยังเป็นการลงทุนที่ส่งผลดีต่ออนาคตของเราและโลกใบนี้อีกด้วย

ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
見逃せないタイの役立つ情報ที่น่าสนใจ
ธุรกิจกับผู้บริโภค จะสร้างการมีส่วนร่วมลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างไร ?
ในยุคที่วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)...
Read MoreThailand Taxonomy คืออะไร ? มาตรฐานใหม่สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
เคยสงสัยกันหรือไม่ ? ว่าการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละธุรกิจดำเนินการกันจริงจังหรือทำเพื่อกล่าวอ้าง...
Read MoreCarbon Label หรือ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในไทยมีแบบไหนบ้าง ต่างกันอย่างไร ?
Carbon Label คืออะไร...
Read More