ทำความรู้จักหน่วยวัดของ carbon credit
คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงหรือกักเก็บได้จากการทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกเมื่อเทียบกับกรณีการดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยมีหน่วยวัด carbon credit เป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂eq) ซึ่งปริมาณที่จะลดลงหรือกักเก็บนั้นต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานต่าง ๆ และสามารถนำไปซื้อขายระหว่างผู้ต้องการชดเชยการปล่อยคาร์บอนและผู้ที่ลดการปล่อยคาร์บอนได้
カーボンクレジット มาจากโครงการหลักๆ ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) และสร้างคาร์บอนเครดิตที่สามารถนำไปซื้อขายได้ โดยทั่วไปแล้ว โครงการเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
1. โครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Reduction Projects)
- การลดการปล่อยก๊าซในอุตสาหกรรมหรือกระบวนการผลิต
มุ่งเน้นในการปรับปรุงกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้พลังงานสะอาด, การใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ , การกำจัดน้ำเสีย ของเสีย , หรือการปรับปรุงเครื่องจักรให้มีการปล่อยก๊าซต่าง ๆ น้อยลง - การเปลี่ยนแปลงในภาคพลังงาน
โครงการที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (solar panels) หรือการใช้พลังงานลม (wind power) ซึ่งผลลัพธ์ที่ลดการปล่อยก๊าซก็จะถูกรวมคำนวณในรูปของหน่วยวัด carbon credit เช่นกัน
2. โครงการดูดซับคาร์บอน (Carbon Sequestration Projects)
- โครงการปลูกต้นไม้และการฟื้นฟูป่า
เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการปลูกต้นไม้ มีวัตถุประสงค์เพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ เช่น โครงการการปลูกป่า, การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า, หรือการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีป่า ซึ่งทุกกิจกรรมจะถูกแปลงเป็น หน่วยวัด carbon credit - การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำและการจัดการดิน
การปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำหรือการจัดการดินเพื่อให้สามารถดูดซับคาร์บอนได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอดีต หรือการปรับปรุงการใช้ที่ดินในเกษตรกรรมที่สามารถช่วยดูดซับคาร์บอนมากขึ้น ทั้งหมดนี้จะได้รับการประเมินออกมาเป็น หน่วยวัด carbon credit
ทั้งสองประเภทนี้มีบทบาทสำคัญในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและช่วยให้องค์กรต่าง ๆ นั้น บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อกำหนดของข้อตกลงระหว่างประเทศได้รวดเร็วหรือเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น
โดยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการดำเนินธุรกิจปกติ จะต้องได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนตามมาตรฐานต่างๆ เป็นคาร์บอนเครดิตก่อน ผู้ดำเนินโครงการลดคาร์บอน (Supply) จึงจะสามารถนำไปขายแก่ผู้ต้องการชดเชยการปล่อยคาร์บอน (Demand) ได้นั่นเอง
หน่วยวัดหลัก : 1 Carbon Credit = 1 tCO₂e
- Carbon Credit (คาร์บอนเครดิต) มีหน่วยวัด carbon credit คือ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (ton of carbon dioxide equivalent หรือ tCO₂e) หมายถึง 1 คาร์บอนเครดิต เท่ากับ การลดหรือดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
- คำว่า “เทียบเท่า” (CO₂e) หมายถึงรวมก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่น ๆ เช่น มีเทน (CH₄), ไนตรัสออกไซด์ (N₂O) ฯลฯ โดยคิดเป็นปริมาณเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ในแง่ของผลกระทบต่อโลกร้อน
カーボンクレジットプロジェクトを登録するための主な基準
ตัวอย่างมาตรฐานสากล
- CDM (Clean Development Mechanism) : กลไกที่กำหนดขึ้นภายใต้พิธีสารเกียวโต เพื่อให้ประเทศพัฒนาแล้วสามารถลงทุนในโครงการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศกำลังพัฒนา และได้รับคาร์บอนเครดิตมาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ
- VCS (Verified Carbon Standard) : มาตรฐานภาคเอกชนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคสมัครใจ โดยมีการประเมินด้วย หน่วยวัด carbon credit เช่นกัน
- Gold Standard : มาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมนอกเหนือจากการลดก๊าซเรือนกระจก
ทำไมคาร์บอนเครดิตถึงมีความสำคัญต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ?
คาร์บอนเครดิตเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ใช้ในการกระตุ้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่ใช้ในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change). การใช้คาร์บอนเครดิตทำให้การลดการปล่อยก๊าซเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ธุรกิจและประเทศต่างๆ สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่กำหนด
โครงการลดก๊าซเรือนกระจก ต้องเข้าข่าย 7 ประเภทโครงการหลักตามที่ อบก. กำหนดไว้
โครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่สามารถไปขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER เพื่อรับรองคาร์บอนเครดิต จะครอบคลุมการลดหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3 ชนิด ได้แก่ CO2 CH4 และ N2O และต้องเข้าข่าย 7 ประเภทโครงการหลักตามที่ อบก. กำหนดไว้ ดังนี้
1) การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
2) พลังงานทดแทน
3) การจัดการของเสีย
4) การจัดการในภาคขนส่ง
5) ป่าไม้และพื้นที่สีเขียว
6) การเกษตร
7) อื่น ๆ ตามที่ อบก. กำหนด
ปรึกษาโครงการคาร์บอนเครดิต ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ !! การซื้อขาย คาร์บอนเครดิต ขายยังไง ต้องทำอย่างไร ?
การซื้อขาย Carbon Credit สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ โดยทุกการซื้อขายต้องยึดตามหน่วยวัด carbon credit เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตลาด ได้แก่:
- ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Trading Platform) หรือ ศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ
- ซื้อขายในระบบทวิภาค (Over-the-counter: OTC) เป็นการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยตรง โดยไม่ผ่านตลาด
FDI ผู้เชี่ยวชาญในด้านที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ให้ความเห็นว่า
ตลาดคาร์บอนเครดิตในไทย มีศักยภาพในการเติบโตอีกมากไปพร้อมกับตลาดโลก เพราะไทยเองก็มีเป้าหมายของ Net – Zero Emission ในปี 2065 ที่สอดคล้องกับนานาประเทศ ซึ่งปัจจัยหลักต่าง ๆ มาจากการชดเชยคาร์บอนขององค์กรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคพลังงาน ภาคขนส่ง การท่องเที่ยว การเงิน การจัดการประชุม อื่นๆ โดยทุกโครงการและการซื้อขายต้องใช้ หน่วยวัด carbon credit เป็นเกณฑ์กลาง เพื่อสร้างความโปร่งใสและมาตรฐานสากล ทั้งนี้การพยายามลดก๊าซเรือนกระจก โดยการพยายามลดการปล่อยก๊าซจากการดำเนินงานของธุรกิจยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอันดับแรกๆ ก่อนจะทำการชดเชยจากการซื้อจากองค์กรอื่น เพื่อความยั่่งยืนในการทำธุรกิจในระยะยาวที่มุ่งเน้นความโปร่งใสในการดำเนินงาน ที่สำคัญแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในวิสัยทัศน์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยแท้จริงได้
ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
見逃せないタイの役立つ情報ที่น่าสนใจ
ต้องรู้! เพิ่มโอกาส สร้างความเข้าใจสู่ความยั่งยืน ด้วยการจัดอบรมพนักงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ในวันที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกปี องค์กรที่ไม่ปรับตัว อาจจะคว้าโอกาสทางการค้าไม่ทัน...
Read Moreชี้พิกัด 10 สินค้า Green Product ในไทยสุดว๊าว ! สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมน่าสนใจอย่างไรไปดูกันเลย
ความน่าสนใจของ Green Product...
Read MoreEco-Friendly Products คืออะไร? “สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” แค่ชื่อดูดี หรือเปลี่ยนโลกสร้างความยั่งยืนได้จริง ?
Eco-friendly products คืออะไร...
Read More