เมื่อมีแผนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม การเข้าใจ ประเภทของวีซ่า ที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะวีซ่าแต่ละประเภทมีข้อกำหนด ระยะเวลา และเงื่อนไขที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ของการเข้ามาในประเภทไทย รวมถึงข้อกำหนดทางด้านกฏหมายที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ต้องรู้เรื่องนี้ ! วีซ่าเข้าไทยมีกี่ประเภท ?
กรมการกงศุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลสำคัญไว้อย่างน่าสนใจ ในเรื่องของประเภทและหลักเกณฑ์การขอ Visa ไว้ดังนี้
1.ประเภทคนอยู่ชั่วคราวเพื่อการพำนักในราชอาณาจักรระยะยาว (Long Stay O-A , O-X)
2.ประเภทอัธยาศัยไมตรี (Courtesy Visa)
3.ประเภทราชการ (Official Visa)
4.ประเภททูต (Diplomatic Visa)
5.ประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant Visa)
6.ประเภทนักท่องเที่ยว (Tourist Visa)
7.ประเภทคนเดินทางผ่านราชอาณาจักร (Transit Visa)
ซึ่งถ้าหากต้องการอ่านรายละเอียดหลักเกณฑ์ในการยื่นขอ Visa แต่ละประเภท สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้เพิ่มเติม
เตรียมตัวก่อนเข้าประเทศไทย “เจาะลึก” ความแตกต่างของวีซ่าทั้ง 3 ประเภท
1. วีซ่าท่องเที่ยว (Tourist Visa)
จุดประสงค์ : วีซ่าท่องเที่ยวเหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางมาไทยด้วยเหตุผลเพื่อ ท่องเที่ยว พักผ่อน เยี่ยมญาติ หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ เช่น การเข้าร่วมสัมมนาทั่วไป งานวัฒนธรรม หรือหลักสูตรระยะสั้นที่ไม่ใช่การศึกษาแบบเต็มเวลา
ระยะเวลาพำนัก
- วีซ่าท่องเที่ยวแบบ Single Entry อยู่ได้สูงสุด 60 วัน และสามารถต่ออายุได้อีก 30 วัน ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
- แบบ Multiple Entry อาจมีอายุวีซ่า 6 เดือน แต่ต้องเดินทางออกและเข้าใหม่ทุกครั้งที่ครบ 60 วัน
ข้อจำกัดสำหรับวีซ่าประเภทนี้ :
- ห้ามทำงาน หรือดำเนินธุรกิจใด ๆ
- หากตรวจพบการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต อาจถูกดำเนินคดีและส่งกลับประเทศต้นทาง
ตัวอย่างผู้ใช้งานวีซ่าท่องเที่ยว
- นักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไป
- ผู้มาเยี่ยมญาติในไทย
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมระยะสั้น
2. วีซ่าธุรกิจ (Business Visa หรือ Non-Immigrant B)
จุดประสงค์ : วีซ่าธุรกิจใช้สำหรับผู้ที่ต้องการ เข้ามาทำงาน เจรจาธุรกิจ เข้าร่วมการประชุมหรือติดต่อกับบริษัทในประเทศไทย โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักคือ:
- สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ทำงานในไทย แต่ต้องเข้ามาเพื่อ ติดต่องาน เจรจา หรือหาคู่ค้า
- สำหรับผู้ที่ได้รับการจ้างงานในประเทศไทย และจะต้องยื่นขอ 労働許可証 (Work Permit) ควบคู่กัน
ระยะเวลาพำนัก:
- แบบ Single Entry: พำนักได้ 90 วัน
- แบบ Multiple Entry: พำนักได้ 1 ปี (แต่ต้องรายงานตัวทุก 90 วัน)
- สามารถขอต่ออายุในประเทศไทยได้เมื่อมีเงื่อนไขรองรับ เช่น สัญญาจ้างงาน
เอกสารสำคัญ:
- หนังสือเชิญจากบริษัทในไทย
- หนังสือรับรองบริษัท (กรณีมาทำงาน)
- หลักฐานการเงิน และเอกสารแสดงกิจกรรมทางธุรกิจ
ตัวอย่างผู้ใช้งานวีซ่าธุรกิจ
- นักลงทุนต่างชาติ
- ผู้มาประชุมหรืออบรมกับบริษัทในไทย
- พนักงานบริษัทข้ามชาติที่ย้ายมาประจำที่ประเทศไทย
3. วีซ่าระยะยาว (Long-Stay Visa)
จุดประสงค์ : วีซ่าระยะยาว หรือที่รู้จักกันในชื่อ Non-Immigrant O, O-A, O-X, LTR Visa ใช้สำหรับผู้ที่ประสงค์จะพำนักในไทยเป็นระยะเวลานาน เช่น ผู้เกษียณอายุ นักเรียน ครอบครัวของชาวต่างชาติ หรือชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง (LTR)
ประเภทหลักของวีซ่าระยะยาว:
- O-A Visa: สำหรับผู้เกษียณอายุ 50 ปีขึ้นไป พำนักได้นาน 1 ปี ต่ออายุได้
- O-X Visa: สำหรับผู้เกษียณอายุจากประเทศที่กำหนด พำนักได้นานสูงสุด 10 ปี (แบ่งเป็น 5+5 ปี)
- LTR Visa (Long-Term Resident): สำหรับนักลงทุน บุคลากรทักษะสูง หรือผู้มีรายได้สูง พำนักได้ 10 ปี พร้อมสิทธิพิเศษ เช่น ลดภาษี การเร่งกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง
เงื่อนไขสำคัญ:
- ต้องมีเงินฝากหรือรายได้ประจำตามเกณฑ์ เช่น เงินฝากในธนาคารไทยไม่ต่ำกว่า 800,000 บาท (O-A) หรือมีรายได้ขั้นต่ำ 80,000 บาทต่อเดือน
- ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมระยะพำนัก
ตัวอย่างผู้ใช้งานวีซ่าระยะยาว
- ผู้เกษียณที่ต้องการอยู่อย่างถาวรในประเทศไทย
- ผู้บริหารชาวต่างชาติ
- ครอบครัวของคนไทยหรือผู้พำนักระยะยาว
ข้อควรรู้ก่อนยื่นขอวีซ่าไทย
- ตรวจสอบสถานะประเทศต้นทาง : คนจากบางประเทศได้รับยกเว้นวีซ่า (Visa Exemption) หรือสามารถขอ Visa on Arrival ได้
- เตรียมเอกสารล่วงหน้า : เอกสารไม่ครบคือสาเหตุหลักที่ทำให้วีซ่าถูกปฏิเสธ
- วีซ่าไม่เท่ากับใบอนุญาตทำงาน : หากต้องการทำงานในไทยต้องมี Work Permit เสมอ
- ต่ออายุเกินกำหนดอาจถูกปรับ : การอยู่เกินกำหนดถือเป็น Overstay มีโทษปรับและอาจถูกห้ามเข้าประเทศในอนาคต
โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะเข้าประเทศไทยด้วยวัตถุประสงค์ใด การเลือกประเภทวีซ่าที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ทั้งเพื่อความสะดวก ถูกต้อง ในขั้นตอนการตรวจผ่านเข้าเมือง และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางกฎหมายในภายหลัง ซึ่งถ้าหากไม่แน่ใจว่าควรเลือกวีซ่าแบบใด ผู้เดินทางควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านวีซ่า หรือใช้บริการบริษัทที่ปรึกษาวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อช่วยให้คุณเตรียมเอกสารได้ครบถ้วนและถูกต้องตามกระบวนการ
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย
ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก FDI Visa Consulting พร้อมให้คำแนะนำทุกขั้นตอน ตั้งแต่เลือกประเภทวีซ่า การเตรียมเอกสาร ไปจนถึงการยื่นขอใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้อง สนใจบริการติดต่อเราได้เลยวันนี้ !
ทำไมต้องเลือกใช้บริการจากเรา ?
1.บริการด้านวีซ่าและขอใบอนุญาตทำงานอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเอกสาร ยื่นคำร้อง เป็นตัวแทนจัดการเอกสารดำเนินการ พร้อมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ให้บริการสำหรับองค์กร บริษัท หรือและคนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุน ประกอบธุรกิจในไทย
2.มีบริการด้วยเจ้าหน้าที่ 4 ภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีน
3.บริการด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวดเร็ว ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฏหมายไทยระบุไว้ครบถ้วน ถูกต้องทุกประการ
ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
見逃せないタイの役立つ情報ที่น่าสนใจ
Softpower Visa ประเภทวีซ่าใหม่ในไทย อยู่ไทยได้นาน 5 ปี!
วีซ่า DTV ประเภทวีซ่าใหม่ดึงชาวต่างชาติพำนักทำงานและท่องเที่ยวในไทยได้อย่างถูกกฏหมาย...
Read MoreForeign Business License หรือใบอนุญาต FBL ต้องทำอย่างไรให้ง่าย ต่างชาติถือหุ้น 100% ได้หรือไม่ ?
Foreign Business License...
Read More