การเปลี่ยนโรงแรมให้เป็น Green Hotel ไม่เพียงแต่เป็นการปรับตัวตามกระแสความยั่งยืน แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังเป็นนโยบายสำคัญที่ถือเป็นอีกพลังขับเคลื่อนให้เป็นประเทศไทยก้าวสู่ Net Zero ได้เร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ปรับเพื่อเปลี่ยนให้โรงแรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel)
โรงแรมสีเขียว หรือ Green Hotel คือ โรงแรมที่ดำเนินงาน บริหารจัดการ โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านพลังงาน การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการของเสีย การลดขยะที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไปจนถึงการปรับปรุงระบบการทำงานของพนักงานและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมของแขกผู้เข้าพัก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ “ลด ใช้ซ้ำ รีไซเคิล” (Reduce, Reuse, Recycle) และสอดรับกับแนวคิด การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) โดยยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานและคุณภาพในการให้บริการได้อย่างครบถ้วน
เป้าหมายของ Green Hotel เพื่ออะไร ?
- ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลงหรือเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น
- เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการดำเนินงาน และการกำจัดของเสีย
- ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น
- ยกระดับสุขอนามัยและสุขภาพของผู้เข้าพัก รวมถึงการทำงานของพนักงานในทุกแผนก
- ส่งเสริมการเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ทำไม ? โรงแรมถึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เป็น Green Hotel
ด้วย 3 เหตุผลหลัก ที่ทำไมควรต้องทำ
เป็นการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
โรงแรมถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า การใช้น้ำ ระบบปรับอากาศ การซักผ้า หรือของใช้สิ้นเปลืองต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การสร้างขยะพลาสติกในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น การใช้น้ำในปริมาณสูง หรือการรบกวนระบบนิเวศของพื้นที่รอบข้าง การปรับเปลี่ยนมาเป็น Green Hotel จึงเป็นการ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างตรงจุด เช่น
- ลดการใช้พลังงานด้วยหลอดไฟ LED และระบบอัตโนมัติ ส่งเสริมผู้เข้าพักให้เกิดการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า การใช้น้ำอย่างประหยัดและมีระบบหมุนเวียนน้ำเสียที่สามารถนำน้ำใช้ประโยชน์อื่น ๆ ต่อได้
- ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น ใช้ขวดแก้วแทนขวดพลาสติก
- สร้างแนวทางจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การส่งเสริมการใช้ซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ
- สนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ลดการพึ่งพาระบบโลจิสติกส์ และยังเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้า วัตถุดิบจากชุมชน ที่ช่วยสร้างรายได้ในแง่ของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การดำเนินงานแบบรักษ์โลกยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อชุมชน โดยการมีส่วนร่วมกับชาวบ้าน สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น และไม่ก่อผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวในระยะยาว
ความยั่งยืนคือผลกำไรที่แท้จริงของการทำธุรกิจ
การดำเนินธุรกิจแบบ Green ยังส่งผลให้โรงแรมได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและนักลงทุน ซึ่งเป็นต้นทุนที่มีค่ามากกว่ารายได้ระยะสั้น เพราะลูกค้ายุคใหม่เลือกโรงแรมจาก “คุณค่าที่สื่อสาร” มากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว Green Hotel คือการลงทุนเพื่อประหยัดระยะยาว และสร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืน
ตัวอย่างการปรับ เช่น
- ระบบประหยัดพลังงาน รวมถึงการลดการใช้พลังงาน ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนลงได้
- การจัดการของเสีย และวัสดุแบบหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในระยะยาวได้
- การอบรมปรับเปลี่ยน สร้างจิตสำนึกที่ดีภายในองค์กร ให้พนักงานให้ใช้น้ำ ไฟ พลังงานอื่น ๆ และวัสดุอย่างรู้คุณค่า
- การมีใบรับรองโรงแรมสีเขียว (เช่น Green Leaf, Green Hotel Certificate) ช่วยให้โรงแรมสามารถเข้าถึงลูกค้าระดับองค์กรหรือทัวร์ต่างประเทศที่เน้นด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ได้เพิ่มมากขึ้น
เทรนด์การท่องเที่ยวและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ให้ความสำคัญกับ “ความยั่งยืน” เป็นหนึ่งในปัจจัยในการเลือกโรงแรม เช่น
- นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากมองหาโรงแรมที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
- นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ (Gen Z และ Millennials) นิยมสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจโลก รักษาสิ่งแวดล้อมมากกว่าธุรกิจทั่วไป
- พฤติกรรมการจองที่พักผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Booking.com, Agoda หรือ Google Travel มักมีระบบให้คะแนนหรือแสดงข้อมูลว่าโรงแรมนั้นมีความ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” หรือไม่
นอกจากนี้ การเป็น Green Hotel ยังช่วยสร้างโอกาสทางการค้าสู่ตลาดใหม่ เช่น
- การร่วมโปรแกรมกับสายการบินและบริษัททัวร์ที่เน้นเรื่อง Carbon Neutrality
- การเข้าร่วมแคมเปญด้านสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ เช่น EarthCheck, Global Sustainable Tourism Council (GSTC) เป็นต้น
อาจกล่าวได้ว่า หากโรงแรมยังคงดำเนินการแบบเดิม โดยไม่สนใจทิศทางของโลก กระแสสังคม และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อาจจะมีจุดที่ต้องพัฒนาเพิ่มมากขึ้น การคว้าโอกาสไม่ทัน หรือการที่ไม่สามารถแข่งขันในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย “คุณค่าที่มอบให้กับสังคมและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ” ได้อีกต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้
เริ่มทำอย่างไรหากโรงแรมหรือธุรกิจต้องการยกระดับเป็น Green Hotel
กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่เป็นคนกำหนดมาตรฐานของ Green hotel ในไทย ได้มีการกำหนดเกณฑ์ในการประเมินโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไว้ 7 หมวดดังต่อไปนี้
- นโยบายด้านการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีทั้งผู้บริหาร และพนักงานร่วมดำเนินกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในโรงแรม
- การพัฒนาบุคลากร เพื่อให้บุคลากรมีความรู้ ความสามารถและทักษะในการทำงานด้านบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- การรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ อบรมภายใน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ และความร่วมมือจากบุคลากรของโรงแรม รวมไปถึงลูกค้าที่มาใช้บริการโรงแรม
- มีการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ บริการอื่นๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงคุณภาพ ราคา และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต
- มีการจัดการสิ่งแวดล้อม และพลังงานที่ดี โดยมีแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน รวมถึงมีการจัดการของเสียและมลพิษ อย่างเป็นระบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชนในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ด้วยการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
- การประเมินประสิทธิภาพเพื่อการปรับปรุงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นยังมีมาตรฐานโรงแรมสีเขียวระดับสากลอีกหลายมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน LEED มาตรฐาน Green Key มาตรฐาน Earthcheck และมาตรฐาน GSTC เป็นต้น
สิทธิประโยชน์จากการเป็นโรงแรมสีเขียว
ได้รับการรับรองโรงแรมรับโล่แสดงระดับมาตรฐานการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (ตราสัญลักษณ์ G) และประกาศนียบัตร อายุการรับรอง 3 ปี โครงการโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) รวมถึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวสายกรีน ที่ถือว่าเป็นเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาว รวมถึงผลกำไรอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย
ประเมิน“คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint)” ช่วยให้โรงแรมสามารถก้าวสู่การเป็น
โรงแรมสีเขียว (Green Hotel) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น
เหตุผลที่การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้โรงแรม “สีเขียว” มากขึ้น
1. ช่วยให้รู้ว่ากิจกรรมใดปล่อยคาร์บอนมากที่สุด
การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทำให้โรงแรมสามารถ ระบุแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกหลักจากการดำเนินงานในขณะปฏิบัติงานได้ เช่น
- การใช้ไฟฟ้าและแอร์ในห้องพัก
- การขนส่งอาหารและวัตถุดิบในกระบวนการต่าง ๆ
- การใช้น้ำร้อน/เครื่องซักผ้า รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ
- ขยะอินทรีย์จากครัวและห้องอาหาร รวมถึงการกำจัดขยะ ของเสียต่าง ๆ
เมื่อรู้จุดที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาก ๆ แล้ว โรงแรมสามารถวางแผน ลดการปล่อยคาร์บอนได้ตรงจุด มากขึ้น เช่น เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ หรือส่งเสริมการปรับพฤติกรรมของพนักงานและผู้เข้าพักให้ร่วมปฏิบัติตาม
2. ช่วยกำหนดนโยบาย Green Hotel ที่มีข้อมูลรองรับในการพัฒนาโครงการอื่น ๆ
โรงแรมที่มีข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ สามารถกำหนดกรอบแนวทางข้อปฏิบัติ นโยบายได้ชัดเจนขึ้น เช่น
- กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน อย่างเป็นระบบได้มากขึ้น เช่น 10% ภายใน 3 ปี
- มีส่วนช่วยการพัฒนาแผนการจัดซื้อสินค้า ที่คำนึงถึงปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาของวัตถุดิบที่นำมาใช้
- ใช้ข้อมูลการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการออกแบบนโยบายสิ่งแวดล้อม เช่น Zero Waste
3. ช่วยเพิ่มโอกาสได้รับมาตรฐานและใบรับรองด้านสิ่งแวดล้อม
- สามารถยื่นขอรับรองมาตรฐาน Carbon Label , Green Hotel / Green Leaf / Carbon Neutral Certification ได้ โดยขึ้นทะเบียนเพื่อรับเครื่องหมายมาใช้องค์กรได้
- ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Green Travelers)
การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่เป็น “ความจำเป็น” สำหรับธุรกิจโรงแรมในวันนี้ โรงแรมที่สามารถตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม ชุมชน และผู้บริโภคในเวลาเดียวกัน จะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งในแง่ของรายได้ ความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงในระยะยาว Green Hotel จึงไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์ แต่คือ “อนาคตของธุรกิจท่องเที่ยว” อย่างแท้จริง
ปรึกษาเรา !! @fdigroup
เพื่อให้โรงแรมธรรมดา กลายเป็น Green Hotel เพิ่มโอกาส สร้างกำไรแห่งความยั่งยืนไปพร้อมกัน
ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
見逃せないタイの役立つ情報ที่น่าสนใจ
ต้องรู้! เพิ่มโอกาส สร้างความเข้าใจสู่ความยั่งยืน ด้วยการจัดอบรมพนักงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ในวันที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกปี องค์กรที่ไม่ปรับตัว อาจจะคว้าโอกาสทางการค้าไม่ทัน...
Read Moreชี้พิกัด 10 สินค้า Green Product ในไทยสุดว๊าว ! สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมน่าสนใจอย่างไรไปดูกันเลย
ความน่าสนใจของ Green Product...
Read MoreEco-Friendly Products คืออะไร? “สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” แค่ชื่อดูดี หรือเปลี่ยนโลกสร้างความยั่งยืนได้จริง ?
Eco-friendly products คืออะไร...
Read More