การจ้างแรงงานต่างด้าวมาทำงานในไทยนั้น มีบทบาทที่สำคัญในกลุ่มงานที่คนไทยไม่นิยมทำหรือขาดแคลนแรงงาน ทำให้เกิดช่องว่างที่แรงงานต่างด้าวสามารถมาทำงานในตลาดแรงงานในไทยได้ โดยการจ้างแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยไม่ใช่เพียงแค่การหาคนมาทำงานในธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานคนเท่านั้น แต่ต้องดำเนินการตามกฎหมายแรงงานต่างด้าว การขอใบอนุญาตทำงาน และตรวจคนเข้าเมืองอย่างเคร่งครัดตามที่กฏหมายระบุไว้
หากอ่านบทความนี้คุณจะได้อะไรบ้างจากบทความนี้
- ได้ทราบถึงข้อปฏิบัติหากธุรกิจคุณมีพนักงาน ลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าว
- เข้าใจข้อมูลพื้นฐาน ข้อกำหนด และระเบียบปฏิบัติสำหรับแรงงานต่างด้าว
- ทราบถึงสิทธิพื้นฐานของแรงงานต่างด้าว เช่น สิทธิ์ประกันสังคม เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล คลอดบุตร ทุพพลภาพ ต่างๆ
- เข้าใจในการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และดำเนินการขอวีซ่าให้ถูกต้อง
วันนี้เราขอรวม เกร็ดความรู้ที่นายจ้างควรรู้ ก่อนและหลังการจ้างแรงงานต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติ เมียนมา ลาว กัมพูชา หรือเวียดนาม โดยเฉพาะผู้ที่จ้างในระบบ MOU และระบบผ่อนผัน รวมทั้งข้อควรปฏิบัติของนายจ้าง เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ถูกต้องตามกฏหมาย
นายจ้างต้องรู้ “จ้างแรงงานต่างด้าว” ต้องยื่นข้อมูลอะไรบ้าง ?
1.ต้องรู้จักเกี่ยวกับระบบการจ้างแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้อง
ระบบ MOU (ทางการ)
คือ ระบบที่รัฐไทยมีข้อตกลงกับประเทศต้นทาง (เมียนมา ลาว กัมพูชา) โดยนำแรงงานเข้ามาถูกต้องทุกขั้นตอน เหมาะกับการจ้างระยะยาว มีระยะเวลาทำงาน 2 ปี และต่ออายุอีก 2 ปี รวม 4 ปี ในการทำงานในประเทศไทย
ขั้นตอนโดยสรุป
- ยื่นขอนำเข้าแรงงานต่อกรมการจัดหางาน
- ให้แรงงานเดินทางเข้าประเทศผ่านช่องทางที่กำหนด
- ตรวจสุขภาพ ทำประกัน และขอใบอนุญาตทำงาน
- อยู่ในไทยได้ 2 ปี และต่อได้อีก 2 ปี
ระบบผ่อนผัน (เปิดโอกาสให้คนที่อยู่แล้วปรับสถานะ)
เช่น กลุ่มที่อยู่ในไทยอยู่แล้วแต่ยังไม่มีเอกสารสมบูรณ์ รัฐอาจเปิดให้ลงทะเบียนและดำเนินการขออนุญาตภายหลังในบางช่วง
2.ต้องมีการตรวจสอบว่า “แรงงานที่จ้าง” มีเอกสารถูกต้องหรือไม่
โดยก่อนจ้างแรงงานต่างด้าวทุกครั้ง ต้องตรวจสอบเอกสารแรงงาน
- มีหนังสือเดินทาง (Passport) หรือเอกสารเดินทาง (TD)
- ได้รับวีซ่าถูกต้อง ตรงกับวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้ามา (เช่น วีซ่าแรงงาน Non-LA)
- มีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ถูกต้อง และยังไม่หมดอายุ
📌 ห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีเอกสาร หรืออยู่เกินกำหนดวีซ่าเด็ดขาด เพราะถือว่าผิดกฎหมายทั้งแรงงานและนายจ้าง
3.ดำเนินการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
นายจ้างต้องเป็นผู้ดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตทำงานให้แรงงานภายใน 15 วันหลังเริ่มจ้าง โดยยื่นที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานเขตพื้นที่ ที่ธุรกิจตั้งอยู่
ต้องเตรียมเอกสาร
- แบบคำขอ
- สำเนาทะเบียนบ้าน หรือหนังสือรับรองบริษัท
- แผนที่สถานที่ทำงาน
- สัญญาจ้างแรงงาน
- เอกสารแรงงานอื่นๆ ตามแบบฟอร์มทางราชการกำหนด
4.ต้องดำเนินการขอวีซ่าให้ถูกต้อง (กรณีเข้าใหม่ หรือเปลี่ยนสถานะการทำงาน)
แรงงาน MOU ที่เดินทางเข้าไทย ต้องเปลี่ยนวีซ่าเป็นประเภท Non-LA เพื่อทำงานได้ถูกกฎหมาย
- ดำเนินการที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)
- ต้องมีนายจ้างเป็นผู้รับรอง
- ต้องยื่นก่อนวันหมดอายุของวีซ่าเดิม
5.การรายงานตัว และจัดทำทะเบียนประวัติแรงงาน
สำหรับแรงงานต่างด้าวต้องมีการดำเนินการ ดังนี้
- รายงานตัวภายใน 15 วันหลังได้ใบอนุญาตทำงาน
- จัดทำทะเบียนประวัติแรงงาน
- ตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลที่รัฐกำหนด
- ทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว (กรณีไม่มีประกันสังคม)
6. ขึ้นทะเบียนประกันสังคม (ถ้ามีสิทธิ)
นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป มีหน้าที่นำลูกจ้างเข้าสู่ระบบประกันสังคมภายใน 30 วันหลังเริ่มจ้าง เพื่อให้แรงงานได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น ค่ารักษาพยาบาล คลอดบุตร ทุพพลภาพ
📌 แรงงานต่างด้าว MOU ที่มี Work Permit และ Visa ถูกต้อง มีสิทธิสมัครประกันสังคมเช่นเดียวกับคนไทย โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย แรงงานกลุ่มนี้จะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเหมือนแรงงานไทย เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเช่นกัน
7.ต้องมีการอบรม ก่อนการเริ่มทำงาน
แรงงานต้องเข้ารับการอบรมที่ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างหน่วยงานของรัฐ ซึ่งแรงงานจะได้รับการอบรมให้ความรู้ ทักษะการทำงานในด้านต่าง ๆ และได้รับการตรวจสอบคัดกรองก่อนที่จะอนุญาตให้เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย เมื่อผ่านการอบรมก็จะได้รับใบอนุญาตทำงานด้วยเช่นกัน
8.สำหรับแรงงานต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
กรณีที่มีการอนุญาตให้จ้างแรงงานที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แรงงานต้องอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งแรงงานเหล่านี้สามารถทำได้เฉพาะงานที่ไม่เป็นอันตรายเท่านั้น
9.การรายงานตัวของลูกจ้าง
ต้องมีการรายงานตัวในทุก 90 วัน ซึ่งต้องแจ้งที่พักอาศัยต่อตรวจคนเข้าเมือง โดยสามารถแจ้งที่พักอาศัยได้ก่อน 15 วันหรือหลัง 7 วัน นับจากวันที่ครบยกำหนด หากเกินระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดจะถูกดำเนินคดีเทียบปรับ
“ข้อควรรู้และพึงระวัง” สำหรับนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย
ข้อควรรู้ สำหรับนายจ้าง
- วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ต้องมีวันหมดอายุสอดคล้องกัน
- นายจ้างต้องแจ้ง ย้ายสถานที่ทำงาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งงาน ให้ถูกต้อง
- หากเลิกจ้างแรงงาน ต้องแจ้งเลิกจ้างภายใน 15 วัน ไม่เช่นนั้นยังมีความรับผิดชอบทางกฎหมาย
ข้อควรระวังสำหรับนายจ้างและลูกจ้าง
1.หากนายจ้าง จ้างแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาต : มีโทษปรับสูงสุดตามกฏหมาย 10,000 – 100,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำผิดซ้ำมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี
2.สำหรับแรงงานไม่มีใบอนุญาตทำงาน : โทษปรับ 5,000–50,000 บาท/แรงงานต่างด้าว 1 คน และจะถูกดำเนินส่งออกนอกราชอาณาจักร รวมถึงห้ามขอใบอนุญาตทำงานภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับโทษ
FDI เราพร้อมให้บริการด้านที่ปรึกษาการขอใบอนุญาตทำงานและวีซ่าต่าง ๆ
- ให้คำปรึกษาการยื่นขอใบอนุญาตทำงานและเอกสารต่าง ๆ
- บริการจัดทำและยื่นขอ Work Permit และ Visa
- ต่ออายุใบอนุญาตครบ 2 ปี / 4 ปี บริการต่อประกันสังคมและให้คำปรึกษาการรายงานตัว
- รวมถึงให้คำปรึกษาด้านอื่น ๆ ของต่าวด้าว สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญได้ทันที
ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
見逃せないタイの役立つ情報ที่น่าสนใจ
ต้องรู้! เพิ่มโอกาส สร้างความเข้าใจสู่ความยั่งยืน ด้วยการจัดอบรมพนักงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ในวันที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกปี องค์กรที่ไม่ปรับตัว อาจจะคว้าโอกาสทางการค้าไม่ทัน...
Read Moreหลังจดทะเบียนบริษัทแล้ว เจ้าของธุรกิจจะต้องทำบัญชี – ภาษีอย่างไร ?
ทำไมผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจต้องทำบัญชีบริษัทและยื่นภาษี ไม่ทำได้หรือไม่...
Read Moreชี้พิกัด 10 สินค้า Green Product ในไทยสุดว๊าว ! สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมน่าสนใจอย่างไรไปดูกันเลย
ความน่าสนใจของ Green Product...
Read More