นวัตกรรมสินเชื่อสีเขียว เครื่องมือขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนี้ เชื่อว่าทุกคนต่างรู้ได้ถึงวิกฤติสภาพภูมิอากาศ และวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างเรื่องใกล้ตัวไม่ว่าจะฤดูกาลที่เปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไป หน้าฝนก็ฝนตกหนักจนน้ำท่วม หน้าร้อนก็ร้อนหนักจนส่งผลกระทบจนแห้งแล้ง ด้วยปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลกระทบ สร้างความเสียหายหนักต่อการดำเนินชีวิตและด้านอื่น ๆ เรื่องภาวะโลกเดือดเป็นเรื่องที่ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไขโดยด่วนนั้น ในอนาคตอันใกล้เราทุกคนอาจจะได้สัมผัสกับปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่หนักขึ้นอย่างแน่นอน
ในปัจจุบันนโยบายของภาครัฐในหลายประเทศต่างร่วมมือกันในการส่งเสริม สนับสนุนโครงการลดโลกร้อน มุ่งเน้นแก้ไขเพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ที่เกิดจากการดำเนินงานของมนุษย์ในชีวิตประจำวันให้ลดน้อยลง จากการขอความร่วมมือ เปลี่ยนผ่านสู่การเริ่มบังคับใช้ และเริ่มเข้มข้นขึ้นในทุก ๆ ปี ด้วยเหตุนี้ทำให้สถาบันการเงินได้ออกผลิตภัณฑ์ในหลายรูปแบบขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือ สินเชื่อสีเขียว (Green Loan) เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานให้กับองค์กร บริษัท ที่ต้องการลงทุน หรือนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมประหยัดพลังงาน ตัวอย่างเช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) การจัดการน้ำเสียอย่างยั่งยืน (Sustainable Water Management) และการปรับปรุงการก่อสร้างอาคารสีเขียว (Green Building) และการปรับปรุงกระบวนการทำงานของบริษัทให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการกู้ยืมทั่วไป เพื่อเชิญชวนให้บริษัท องค์กร นักลงทุน เกิดการพัฒนา ดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ เหล่านี้มากขึ้น
ไม่เพียงแต่การลงทุนในโครงการใหญ่เพียงเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมในระดับบริษัทขนาดย่อม รวมถึงภาคประชาชน ทั้งเรื่องโครงการอสังหาริมทรัพย์ อย่างบ้านรักษ์โลก คอนโดประหยัดพลังงาน รถไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงโครงการที่มีอยู่ให้ดำเนินงานได้มีอย่างประสิทธิภาพมากขึ้น
ความน่าสนใจของสินเชื่อธุรกิจเพื่อลดคาร์บอนของสถาบันการเงินในไทย
สถาบันทางการเงินในไทยต่างมุ่งเน้นส่งเสริมสินเชื่อธุรกิจเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน สำหรับแต่ละอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจโดยเฉพาะ มุ่งเน้นส่งเสริมให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยคาร์บอนให้น้อยลง ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
- การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและบริการให้สามารถจัดการได้อย่างคุ้มค่าที่สุดต่อรอบการผลิต
- ลดการใช้พลังงานให้น้อยลง โดยเน้นปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาด
- เกิดการบริหารจัดการต้นทุนอย่างคุ้มค่า
- เป็นการพัฒนาธุรกิจให้พร้อมรับมือกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่มีการประกาศใช้ เช่น ภาษีคาร์บอน พรบ.โลกร้อน หรืออย่างในสหภาพยุโรป เช่น มาตรการ CBAM
ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานที่สูง เช่น
- ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ฮาร์ดแวร์ (Automotive and Parts)
- ธุรกิจแพ็คเกจจิงและพลาสติก (Packaging and Plastics)
- ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage)
- ธุรกิจโรงแรมและเฮลแคร์ (Hotels and Health cares)
โดยมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ อย่างธนาคารกสิกรไทย has provided interesting information stating that
- MLR-1.25% (ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี)
- MLR-1.00% (ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 8 ปี)
(อ้างอิงตามอัตรา MLR ปัจจุบันตามประกาศ ของธนาคาร)
อัตราดอกเบี้ย MLR อ้างอิงตามประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อของธนาคาร*
ผู้ประกอบการ ต้องรู้! ใช้ Green Loan ยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เป็นคำถามที่ใครหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าแล้วจะใช้ประโยชน์จาก Green Loan อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างแรกเราต่างต้องทำความเข้าใจ ให้ความสำคัญกับด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นก่อน ที่ไม่ใช่แค่เพียงกระแส เทรนด์ แต่ต้องออกมาจากจิตใต้สำนึกที่ตระหนักได้ว่าเป็นเรื่องของเราทุกคนจริง ๆ ถ้าโลกอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ถึงจะไปพูดต่อในเรื่องของเทรนด์ พฤติกรรมผู้บริโภคกันต่อ เพราะผู้คนทั่วโลกเริ่มหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเช่นกัน รวมถึงภาคธุรกิจเองก็ไม่สามารถทำธุรกิจในรูปแบบเดิมได้อีกต่อไป ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ไม่ใช่แค่เพียงคุณภาพของสินค้าและบริการ แต่ยังรวมถึงกระบวนการผลิต วัตถุดิบที่ใช้ และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของธุรกิจด้วย ดังนั้น “ผู้ประกอบการ” จึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าสู่ความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรมคือ “สินเชื่อสีเขียว” หรือ Green Loan ที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้ เช่น การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell), การเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรประหยัดพลังงาน, การบริหารจัดการของเสียอย่างยั่งยืน, การออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือแม้กระทั่งการก่อสร้างอาคารสำนักงานที่เป็นไปตามมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ Green Loan ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ใช่เพียงแค่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราที่ดีเท่านั้น แต่ต้องมาพร้อมกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การมองเห็นเป้าหมายทางธุรกิจควบคู่ไปกับเป้าหมายทางสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการที่รัดกุม ผู้ประกอบการควรเริ่มจากการประเมินธุรกิจของตนว่าในกระบวนการดำเนินงานมีส่วนใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้บ้าง เช่น หากเป็นธุรกิจร้านอาหาร อาจจะเริ่มจากการเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือการจัดการเศษอาหารเพื่อทำปุ๋ยหมัก ในขณะที่ธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมอาจพิจารณาปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ใช้พลังงานน้อยลง หรือเน้นการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ Green Loan ได้อย่างคุ้มค่าคือ การวางแผนกลยุทธ์การลงทุนที่มีเป้าหมายชัดเจน การมีตัวชี้วัดที่สามารถตรวจสอบและประเมินผลได้ จะช่วยให้ไม่เพียงแต่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อเท่านั้น แต่ยังสามารถติดตามผลลัพธ์ได้อย่างเป็นระบบ เช่น โครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ควรมีการคำนวณว่าในแต่ละปีสามารถลดค่าไฟฟ้าได้เท่าไร และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กี่ตันต่อปี ข้อมูลเหล่านี้ จะกลายเป็นข้อมูลสำคัญที่สะท้อนถึงความคุ้มค่าของการลงทุน อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้ในการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน คู่ค้า หรือผู้บริโภค ให้เกิดโอกาสในการสื่อสารองค์กรในเชิงบวกเพิ่มมากขึ้นได้
การใช้ Green Loan อย่างมีประสิทธิภาพยังต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย ผู้ประกอบการสามารถขอคำปรึกษาจากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เช่น วิศวกรสิ่งแวดล้อม นักออกแบบระบบพลังงาน หรือที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนอย่าง FDI ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่พร้อมให้คำปรึกษาในการวางแผนการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้โครงการที่เสนอขอสินเชื่อมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และเพิ่มโอกาสได้รับการอนุมัติ นอกจากนี้ ยังอาจสามารถเข้าถึงโครงการสนับสนุนอื่น ๆ จากภาครัฐหรือองค์กรระดับนานาชาติที่สนับสนุน Green Project ได้อีกด้วย
โดยสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามคือ การสื่อสารถึงความพยายามในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงสาธารณชนได้รับรู้ด้วย เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ดี ที่สามารถกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ธุรกิจอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่ม ได้เห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้น และเพิ่มความน่าเชื่อถือด้านภาพลักษณ์งค์กร ให้กับธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งในยุคที่การแข่งขันธุรกิจสูง ยิ่งในยุคที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าด้วย “คุณค่าของแบรนด์” มากกว่าราคาหรือคุณสมบัติของสินค้าเพียงอย่างเดียว การที่ธุรกิจสามารถชูจุดขายด้านความยั่งยืนได้ จะช่วยเพิ่มมูลค่าและความภักดีของลูกค้าได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน
In summary, “สินเชื่อสีเขียว” จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของ “เงินกู้” แต่คือการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ผู้ประกอบการในการนำพาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลกำไรพร้อมกับดูแลโลกไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ต่างก็มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงโลกให้น่าอยู่มากขึ้นได้ผ่านการเลือกลงทุนอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ ด้วยแนวทางที่ชัดเจน มีเป้าหมาย และวัดผลได้ Green Loan จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ “โอกาส” ในการสร้างอนาคตทางธุรกิจที่ดีกว่า
As an environmental and sustainability consultant,
One Stop Service
ทุกธุรกิจเติบโตได้ ง่ายนิดเดียว! เพียงปรึกษา FDI บริการครบ ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์เชิงลึกในหลากหลายธุรกิจ ตอบโจทย์ในทุกธุรกิจ ทันสมัย รวดเร็ว บริการทุกท่านด้วยความยินดี เราพร้อมที่จะมอบประสบการณ์และส่งต่อคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน
Contact Us
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th