ที่ปรึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint for Organization) ก้าวสำคัญสู่ธุรกิจยั่งยืน

ที่ปรึกษาการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint for Organization) ก้าวสำคัญสู่ธุรกิจยั่งยืน

 เริ่มทำตอนนี้ดีกว่า “การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร”

カーボンフットプリントองค์กร หมายถึง การประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรในหน่วยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรเข้าใจภาพรวมของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานขององค์กร ที่จะนำไปสู่การบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร อ่านต่อ …

ซึ่งจะพิจารณาจาก 3 ส่วนหลัก แบ่งเป็น

SCOPE I : การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางตรง (Direct Emissions) จากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กรโดยตรง เช่น การเผาไหม้ของเครื่องจักรขณะทำงาน การใช้พาหนะขององค์กรที่เป็นขององค์กรเอง เป็นต้น

SCOPE II : การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Energy Indirect Emissions) ได้แก่ การซื้อพลังงานมาใช้ในองค์กร เช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน พลังงานไอน้ำ พลังงานอื่น ๆ เป็นต้น

SCOPE III : การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางอ้อมด้านอื่น ๆ (Other Indirect Emissions)  ได้แก่ การเดินทางมาทำงานของพนักงานด้วยพาหนะที่ไม่ใช่ขององค์กร การเดินทางไปสัมมนา อบรม นอกสถานที่ เป็นต้น

โดยการทำความเข้าใจขอบเขตทั้ง 3 ส่วนเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถระบุโอกาสในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เป็นอย่างดี ตลอดจนช่วยให้สามารถจัดการกับความเสี่ยงและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

ประโยชน์และ “โอกาส” ที่เกิดขึ้นขององค์กรได้รับจากการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์

ในปัจจุบันนี้ ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน  ที่ให้องค์กรเริ่มปรับตัว เริ่มดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคสมัครใจ  ยังไม่ได้มีกฏหมายภาคบังคับในเรื่องของการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์แบบภาคบังคับ ซึ่งข้อกฏหมายยังอยู่ในร่าง พ.ร.บ. อันจะนำมาสู่การบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้นี้  การทำCFO(組織の二酸化炭素排出量)ไม่ได้เป็นเพียงข้อกำหนดเพื่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปิดโอกาสมากมายสำหรับองค์กรในด้านการดำเนินธุรกิจ การสร้างภาพลักษณ์ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งในทุกองค์กรต่างควรจะคว้าโอกาสนี้ไว้ เพื่อสร้างการยั่งยืนในระยะยาวให้กับธุรกิจ

1. เป็นการส่งเสริมความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์องค์กรจากคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงผู้บริโภค 

การแสดงความมุ่งมั่นต่อการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรในสายตาของผู้บริโภค นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ องค์กรที่มีความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมมักถูกมองว่าเป็นองค์กรที่ทันสมัยและใส่ใจต่อสังคม ซึ่งช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด

2. ทำให้ทราบจุดสิ้นเปลือง เน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรระบุจุดที่สิ้นเปลืองพลังงานหรือทรัพยากร เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้า การจัดการขยะ หรือการขนส่ง การลดการปล่อยคาร์บอนสามารถช่วยลดต้นทุนในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ

3. เพิ่มโอกาสสู่ตลาดใหม่ หรือ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยั่งยืน 

ตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เช่น ตลาดสินค้าสีเขียว (Green Products) และโครงการลดคาร์บอนในระดับนานาชาติ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ชัดเจนช่วยให้สินค้าและบริการขององค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการในตลาดเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น

4. ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโครงการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

นักลงทุนและสถาบันการเงินจำนวนมากให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีความยั่งยืน การทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรได้รับการยอมรับจากกลุ่มนักลงทุนที่เน้น ESG (Environmental, Social, and Governance) และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สนับสนุนโครงการลดการปล่อยคาร์บอนได้ง่ายขึ้น

5. การเตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

ในหลายประเทศ มาตรการและข้อกำหนดเกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจกมีความเข้มงวดมากขึ้น การทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้องค์กรสามารถเตรียมตัวและปรับตัวให้เข้ากับนโยบายเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมายในอนาคต หรือเรียกได้ว่า เริ่มก่อนได้เปรียบกว่า 

6. เสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ 

องค์กรที่แสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมักเป็นที่ต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจที่มีแนวทางเดียวกัน ความโปร่งใสด้านการลดคาร์บอนช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

7. กระตุ้นนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยี

การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมในองค์กร เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานน้อยลง การนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ หรือการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ลดต้นทุน และขยายตลาด การก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นโอกาสที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

จากการเริ่มให้บริการในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ในปี 2023 เป็นต้นมา FDI ได้ให้คำปรึกษาไปแล้วกว่า 70 โครงการ และอีกกว่า 50 บริษัทที่ได้แสดงเจตนารมย์มุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในขั้นตอนดำเนินการในปี 2568 เป็นต้นไป โดยแบ่งออกได้ 3 กลุ่มในการดำเนินการไม่ว่าจะเป็น 

1.กลุ่มที่ให้บริการอบรมเตรียมความพร้อมภายในแต่ละบริษัท เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ (Self-declaration)

2.กลุ่มที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล การประเมินการจัดทำ (on process to certify)

3.กลุ่มที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว (Certified)

โดยในบริการด้านการจัดการคาร์บอนนี้ เรามีความมุ่งมั่นในการให้คำปรึกษากับทุกธุรกิจ เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่อความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม และสังคม รวมถึงการทำธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย 

FDI Group ขอเชิญชวนทุกองค์กร ร่วมกันตั้งเป้าหมายและขับเคลื่อนสู่ Net Zero ร่วมกันสร้างโลกสีเขียวเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจไปด้วยกัน

ช่องทางติดต่อ 

  • Facebook : FDI Group – Business Consulting
  • Line : @fdigroup
  • Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
  • E-mail : infojob@fdi.co.th
  • Website : www.fdi.co.th