ทำธุรกิจอยู่แต่เป็นบุคคลธรรมดา กับจดทะเบียนนิติบุคคล แบบไหนตอบโจทย์มากกว่า ?

ทำธุรกิจอยู่แต่เป็นบุคคลธรรมดา กับจดทะเบียนนิติบุคคล แบบไหนตอบโจทย์มากกว่า ?

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ เปิดร้านค้าหรือให้บริการต่าง ๆ จะนิยมดำเนินธุรกิจในรูปแบบ “บุคคลธรรมดา” มากกว่า ซึ่งมีความสะดวกและไม่ยุ่งยากในการเริ่มต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป รายได้เริ่มมากขึ้น ธุรกิจมีการขยายตัว การวางแผนทางภาษีและความน่าเชื่อถือก็กลายเป็นประเด็นสำคัญ จึงเกิดคำถามว่า ควรจดทะเบียนนิติบุคคลดีหรือไม่ ? แล้วแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของเรา 

ในบทความนี้จะพาไปวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย พร้อมให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ธุรกิจของตนเองในปัจจุบันเพื่อให้เกิดความราบรื่นในการดำเนินธุรกิจให้มากที่สุด 

จดทะเบียนนิติบุคคลแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของเรา ?

ทำความเข้าใจในความแตกต่างพื้นฐานระหว่าง “บุคคลธรรมดา” กับ “นิติบุคคล” 

個人 หมายถึง การที่บุคคลคนหนึ่งประกอบธุรกิจในนามตนเอง เช่น ขายของออนไลน์ เปิดร้านซ่อมมือถือ รับงานกราฟิก ฯลฯ ซึ่งสามารถจดทะเบียนพาณิชย์ในชื่อร้านได้ แต่เจ้าของยังคงเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในทุกด้านของธุรกิจ ทั้งผลกำไร หนี้สิน และภาระภาษี

法人 หมายถึง องค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายแยกจากตัวบุคคล เช่น บริษัทจำกัด หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยต้องมีการ จดทะเบียนนิติบุคคล กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีการจัดทำบัญชีแบบเป็นระบบ และมีความรับผิดจำกัดตามเงินลงทุน เป็นต้น

เปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสียของแต่ละรูปแบบที่ควรพิจารณา

 สิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยใช้เกณฑ์พิจารณาโดยใช้ปัจจัยด้านบัญชีและภาษี 

1.พิจารณาจากอัตราภาษีที่เสียในปัจจุบัน 

ต้องเทียบอัตราที่เราเสียภาษีในนามบุคคลธรรมดาว่ายื่นเสียภาษีในอัตราเท่าใดในช่วง 5%-35% จากนั้นให้ทำการเทียบกับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดที่ 20% ถ้าอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่า 20% ก็อาจเป็นอีกเหตุผลที่ต้องเริ่มมีการจดทะเบียนบริษัท 

2.การเป็นนิติบุคคลแบบ SMEs 

สรรพากรกำหนลักษณะเฉพาะสำหรับ SMEs ขึ้นมาเพื่อบรรเทาภาระทางภาษี และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่นิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งกำหนดเงื่อนไขเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน มีเงื่อนไขหลัก คือ 

2.1 ทุนจดทะเบียนและชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท และ 

2.2 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกิน 30 ล้านบาท 

3.รายได้กิจการถึงเกณฑ์จดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ 1.8 ล้าน แล้ว 

ซึ่งเมื่อมีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แล้ว จะพิจารณาจากรายได้ไม่ใช่กำไรของกิจการ ซึ่งไม่ว่าจะบุคคลหรือนิติบุคคลหากมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในปีเกิน 1.8 ล้าน ต้องมีการจด VAT ซึ่งมีผลต่อภาระทางภาษีต้องทำเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น ออกใบกำกับภาษีเมื่อขายสินค้า ทำรายงานภาษีซื้อภาษีขาย นำส่งแบบ ภ.พ.30 ให้สรรพากรในทุกเดือน 

ซึ่งจากประเด็นหลัก 3 ประเด็นด้านบัญชีและภาษี จะช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจได้ว่าควรจดบริษัทหรือเป็นนิติบุคคลธรรมดาต่อไปนั่นเอง 

วิเคราะห์ในมุม “ภาษี”  ปัจจัยที่หลายคนมองข้าม

หนึ่งในข้อแตกต่างที่สำคัญคือ อัตราภาษี ที่ต้องเสีย ซึ่งมีผลต่อกำไรสุทธิของธุรกิจโดยตรง ดังนั้นการทำความเข้าใจในการทำระบบบัญชีให้มีประสิทธิภาพรวมถึงการวางแผนภาษีจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญในการดำเนินงาน 

สำหรับบุคคลธรรมดา

ต้องมีการยื่นเสียภาษีใช้ระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่คำนวณแบบขั้นบันได ยิ่งรายได้มาก ยิ่งเสียภาษีสูงตามอัตราภาษีจาก 5% – 35% 

อ่านต่อ!  มีรายได้เท่านี้ เสียภาษีอย่างไร 

สำหรับนิติบุคคล

หากมีการจดทะเบียนนิติบุคคล เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด จะเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยใช้อัตราคงที่

  • รายได้สุทธิไม่เกิน 3 ล้านบาท: 15%
  • รายได้สุทธิเกิน 3 ล้านบาท: 20%

อ้างอิง: กรมสรรพากร https://www.rd.go.th

ความรับผิดชอบทางด้านกฏหมาย 

เมื่อดำเนินธุรกิจในนามของบุคคลธรรมดา หากธุรกิจเกิดหนี้สิน เจ้าของต้องรับผิดชอบทั้งหมด แม้จะต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวมาชำระหนี้ก็ตาม แต่ในขณะที่นิติบุคคลจะแยกตัวออกจากเจ้าของ โดยมีกฎหมายรองรับให้ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนรับผิดเพียงเท่าที่ลงทุนไว้ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการลดความเสี่ยงส่วนตัวของผู้ประกอบการ

 ข้อควรระวังและภาระเพิ่มเติมเมื่อเป็นนิติบุคคล

การดำเนินธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลก็มีภาระที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัว ได้แก่

  • ต้องมีบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่เป็นระบบ สามารถตรวจสอบได้ โปร่งใส และรัดกุมทุกขั้นตอนการดำเนินงาน 
  • ต้องว่าจ้างผู้สอบบัญชีเพื่อยื่นงบการเงินประจำปีให้ถูกต้อง 
  • ต้องยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท)
    มีค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าบริการสำนักงานบัญชี ค่าธรรมเนียมภาษี และค่าบริการกฎหมาย อื่น ๆ

โดยสรุปแล้ว หากมีระบบบริหารจัดการที่ดี ก็สามารถจัดการได้โดยไม่ยุ่งยาก และยังช่วยให้ธุรกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น การจดทะเบียนนิติบุคคลไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง มีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือ และสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณกำลังทำธุรกิจอยู่ในรูปแบบบุคคลธรรมดา การประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้านแล้ววางแผนเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสม อาจเป็นการตัดสินใจที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปสู่ความยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างดี 

หากต้องการคำแนะนำหรือบริการในการจดทะเบียนนิติบุคคล อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมจัดทำบัญชี ภาษี และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าอย่างมั่นคงและมั่นใจในทุกขั้นตอน ติดต่อเราได้เลยตอนนี้ 

ช่องทางติดต่อ 

見逃せないタイの役立つ情報ที่น่าสนใจ

เข้าใจคาร์บอนเครดิตใน 5 นาที! กลไกสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจก

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง จึงจำเป็นและเป็นเรื่องที่สำคัญในการจัดการปัญหานี้โดยเร่งด่วน ซึ่ง...

Read More