FDIニュース

FDI Group จัดสัมมนาฟรี! กับสุดยอดหัวข้อแห่งปี “เจาะลึกกลยุทธ์ “ CBAM Countdown ” กันตกขบวนสู่โอกาสที่เหนือกว่า “

FDI Group ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญ เพิ่มโอกาสให้พร้อมกับมาตรการ CBAM ยกระดับความสามารถในตลาดโลกที่ขับเคลื่อนด้วยสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน  พลาดไม่ได้กับงานนี้ ! FDI ขอเชิญชวนทุกท่าน เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ ชวนคุณมาปลดล็อค! เพิ่มโอกาสให้พร้อมกับมาตรการ CBAM ยกระดับความสามารถในตลาดโลกที่ขับเคลื่อนด้วยสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน พบกับหัวข้อ ” เจาะลึกกลยุทธ์ “ CBAM Countdown ” กันตกขบวนสู่โอกาสที่เหนือกว่า “  โดยเปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจให้มากขึ้น งานนี้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ.2568 เวลา 13.30 – 16.00 น.     ใครที่ต้องมางานนี้ สัมมนานี้เหมาะกับใครบ้าง ? ผู้บริหาร และผู้ประกอบการที่มีการส่งออกไป EU ผู้ผลิตและซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนสูง ผู้บริหารที่ต้องการวางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่ต้องทำรายงานและนโยบาย ฝ่ายวิศวกรรม / การผลิต / โลจิสติกส์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ที่ปรึกษาธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมและการค้าโลก ผู้ที่สนใจด้านการรับมือ CBAM และ BCG-ESG งานสัมมนานี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ ภาพรวม CBAM และแนวโน้มกฏระเบียบโลก อุตสาหกรรมไทยที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการ CBAM ความเชื่อมโยง CBAM กับ ESG ต่อภาคธุรกิจไทย การจัดการต่อมาตรการ CBAM : เก็บข้อมูล-คำนวณ-ทำรายงาน “คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรและผลิตภัณฑ์ ” ตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืนของโลก Q&A ทุกคำถาม FDI มีคำตอบ พิเศษมีแจกของรางวัลสุดพิเศษ พร้อมโปรโมชั่นสำหรับการเพิ่มโอกาสให้องค์กรเฉพาะภายในงานสัมมนาเท่านั้น  การลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์  ลงทะเบียนงานสัมมนาได้ที่ https://onebinar.one.th/online-seminar/XV8AM6 (ทั้งการลงทะเบียน และการรับชม ทำได้ในลิงก์เดียว) โดยสามารถลงทะเบียนได้ ตั้งแต่วันนี้ – 26 กันยายน 2568 เท่านั้น ติดต่อเพิ่มเติม – เกี่ยวกับการลงทะเบียนงานสัมมนา Email : Onebinar@inet.co.th Tel: 065-5074539 (คุณอภิสรา) – เกี่ยวกับรายละเอียดงานสัมมนา Tel: 095-4289466 (คุณสันต์ธีร์)

อัปเดต! รู้หรือไม่ คนไทยต้องยื่นภาษีทุกคนในปี 2570 คลังเดินหน้าใช้ระบบ Negative Income Tax ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ

เจาะข้อมูล Negative Income Tax คืออะไร? ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ  ช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือ ?  ทางด้านปลัดกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ระบุว่ากระทรวงฯ กำลังพัฒนาโครงสร้างข้อมูล (data infrastructure) และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (data lake) กว่า 10 หน่วยงาน ที่ครอบคลุมประชาชนกว่า 60.8 ล้านคนและธุรกิจกว่า 600,000 แห่ง เพื่อรองรับและออกแบบนโยบายสวัสดิการเพื่อการดำเนินงานในระบบ Negative Income Tax (NIT) หรือภาษีเงินได้ติดลบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ภายในปี 2570  สำหรับ “Negative Income Tax”  กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตาด้วยหนึ่งในใจความสำคัญคือ คนไทยทุกคนต้องเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อยืนยันรายได้ที่เกิดขึ้น กรณีหากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ จึงจะได้รับสวัสดิการจากภาครัฐ ไขข้อสงสัย “Negative Income Tax” หรือ ภาษีเงินได้ติดลบ คืออะไร ? Negative Income Tax (NIT) หรือ ภาษีเงินได้ติดลบ โดย FINNOMENA ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า “เป็นแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่เกิดจากนักเศรษฐศาสตร์ Milton Friedman ในสหรัฐอเมริกา ช่วงทศวรรษ 1960 เพื่อแก้ปัญหาสวัสดิการที่ซ้ำซ้อนและไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต่อมาได้พัฒนามาเป็นระบบ Earned Income Tax Credit (EITC) ที่ใช้ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา และสหราชอาณาจักร”  โดยรัฐจะเก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูง และจ่ายเงินให้ผู้มีรายได้ต่ำ ภายใต้ระบบเดียวกัน ซึ่งแม้จะมีรายได้น้อยกว่าค่าลดหย่อยก็ต้องยืนภาษีดังกล่าว เพื่อให้ทางภาครัฐได้มีการจัดเก็บข้อมูลในการคัดกรองสิทธิ์เพื่อรับสวัสดิการอย่างแม่นยำมากขึ้น จะช่วยลดความซ้ำซ้อนของโครงการช่วยเหลืออื่นๆร่วมได้ เข้าใจในหลักการ คือ ทุกคนต้อง ยื่นภาษี และรายงานรายได้ประจำปี ถ้ารายได้ สูงกว่าเกณฑ์ → ต้องจ่ายภาษีในเกณฑ์ตามปกติ ซึ่งเงื่อนไขในปัจจุบันอยู่ที่เงินได้สุทธิตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป ถ้ารายได้ ต่ำกว่าเกณฑ์ → ต้องยื่นแต่ไม่ต้องเสียภาษี และรัฐจะจ่ายเงินชดเชยเป็นสวัสดิการให้กับผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ผ่านระบบภาษี จึงได้เรียกว่า “ภาษีติดลบ”  ซึ่งเงื่อนไขในการรับเงินชดเชยจะเป็นในรูปแบบอัตราส่วน กระทรวงการคลังเดินหน้าปี 2570 คนไทยต้องเข้าสู่ระบบภาษี  นโยบายดังกล่าวจะถูกนำมาบังคับใช้จริง โดยข้อมูลที่น่าสนใจคือ มีคนไทยบางส่วนยังไม่ทราบถึงการยื่นแบบภาษี และการเสียภาษีนั้นเป็นหน้าที่ตามกฏหมาย […]

“แจกฤกษ์ดี ปี 68 “ ครึ่งปีหลัง สายมูต้องอ่าน เปิดบริษัทจำกัดให้เฮงยิ่งกว่าเดิม !

ฤกษ์เปิดบริษัทจำกัด ปี 68 เดือนไหนดี ? รวมวันมงคลเสริมดวงธุรกิจรุ่งตลอดปี ความเชื่อเรื่อง “ฤกษ์มงคล” หรือ “เวลาดี” ในการเปิดบริษัทหรือกิจการร้านค้า เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ และคนรุ่นก่อนที่มักกล่าวว่า “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “วัน-เวลา” ในการเริ่มกิจกรรมสำคัญ เช่น การเปิดบริษัทหรือกิจการ ที่มีความหมายมากกว่าการเลือกวันตามปฏิทินธรรมดาก่อนเปิดกิจการ ร้านค้า หรือทำธุรกิจ รวมถึงการตั้งชื่อมงคล อย่างที่เราจะเห็นชื่อบริษัทที่นิยมตั้ง โดยมีความเชื่อว่าจะส่งเสริมให้กิจการนั้นรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นพึ่งพาทางจิตใจ สร้างขวัญและกำลังใจ  เสริมสร้างพลังบวกที่ดี และมีผลทาง “จิตวิทยา” อย่างชัดเจนให้กับเจ้าของธุรกิจ แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่หากมองในเชิงจิตวิทยาและวัฒนธรรม การเลือกฤกษ์มงคลไม่ได้หมายถึงความงมงาย หากแต่เป็นการวางกรอบเวลาเพื่อเริ่มต้นอย่างมีระบบ มีแบบแผน และช่วยยึดโยงการตัดสินใจเข้ากับสภาพแวดล้อมและความเชื่อของผู้ก่อตั้ง ฤกษ์เปิดบริษัทจำกัดคืออะไร ? “ฤกษ์เปิดบริษัท” หมายถึง วันและเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นกิจกรรมทางธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนบริษัท การเซ็นเอกสารสำคัญ เปิดป้ายบริษัท หรือเริ่มขายของวันแรก โดยมักเลือกให้ตรงกับวันมงคลตามปฏิทินจันทรคติไทย จีน หรือหลักโหราศาสตร์ที่เจ้าของกิจการนับถือ แม้ไม่มีข้อกฎหมายว่าต้องมีฤกษ์เปิดบริษัท แต่ในทางปฏิบัติแล้ว หลายบริษัทเลือกใช้ฤกษ์ดีเพื่อเริ่มต้นอย่างมีพลัง และเชื่อว่าจะช่วยหนุนโชคลาภ ความสำเร็จ และลดอุปสรรคในอนาคตได้  พิกัดวันฤกษ์ดีครึ่งปีหลัง ปี 2568 ตามปฏิทินโหราศาสตร์ไทย ข้อมูลจากสถาบันโหราศาสตร์ไทยและเว็บไซต์ปฏิทินมงคลหลายแห่ง เช่น payakorn.com และ sanawee.com ได้คัดเลือกวันดีที่เหมาะสมกับการเปิดกิจการในปี 2568 (ปีมะโรงธาตุดิน) โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี ได้แก่ ฤกษ์ดีรายเดือน กรกฎาคม – ธันวาคม 2568 เดือนกรกฎาคม 2568 วันที่ 5 กรกฎาคม (เทวีฤกษ์) วันที่ 15 กรกฎาคม (มหัทธโนฤกษ์) วันที่ 26 กรกฎาคม (ราชาโชค) เดือนสิงหาคม 2568 วันที่ 2 สิงหาคม (เทวีฤกษ์) วันที่ 11 สิงหาคม (มหัทธโนฤกษ์) วันที่ 24 สิงหาคม (ราชาโชค) เดือนกันยายน 2568 วันที่ 6 […]

อัปเดตบัตรสีชมพู หรือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย หากหมดอายุต้องต่อแบบ MOU ตามมติ ครม. แล้ว

บัตรสีชมพู คือบัตรอะไร ? ทำไมถึงเรียกบัตรสีชมพู “บัตรสีชมพู” บัตรชนิดนี้ เป็นบัตรที่มีลักษณะสีชมพู จึงนิยมเรียกว่า “บัตรสีชมพู” หรือชื่อทางการว่า บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (Non-Thai National ID Card) เป็นเอกสารที่ทางราชการไทยออกให้แก่ แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามระบบ MOU หรือการขึ้นทะเบียนตามนโยบายรัฐ เป็นการชั่วคราว โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการออกให้ หลังผ่านการขึ้นทะเบียนและผ่านการพิสูจน์สัญชาติตามกระบวนการของมติคณะรัฐมนตรีที่มีกรมการจัดหางานเป็นผู้เสนอแล้ว  โดยทั่วไป บัตรสีชมพูจะใช้ระบุ ตัวตนและสถานะทางกฎหมาย ของแรงงานที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย และมักใช้ควบคู่กับ ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)  เอกสารหลัก ๆ จะมีอยู่ 3 อย่าง คือ หนังสือเดินทางที่ออกโดยประเทศต้นทางหรือหนังสือรับรองบุคคล ใบอนุญาตทำงานที่ออกโดยกรมการจัดหางานของประเทศไทย บัตรชมพูที่ดำเนินการออกให้โดยหน่วยงานของ กระทรวงมหาดไทย บัตรสีชมพู สามารถใช้ทำงานได้กี่ปีถึงจะหมดอายุ ? สามารถใช้ทำงานได้ตาม ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่มี อายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุญาต โดยรายละเอียดมีดังนี้  ปกติจะมีอายุ 1–2 ปี ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลในช่วงเวลานั้น และเงื่อนไขที่กำหนดในการจดทะเบียนแรงงาน บัตรสีชมพูต้อง ใช้ร่วมกับใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ซึ่งจะระบุอาชีพ สถานที่ทำงาน และระยะเวลาการอนุญาต เมื่อบัตรสีชมพูหรือใบอนุญาตทำงานใกล้หมดอายุ แรงงานจะต้อง ยื่นเรื่องขอต่ออายุ กับกรมการจัดหางานภายในระยะเวลาที่กำหนด สำหรับระยะเวลาให้แรงงานต่างด้าวที่ถือบัตรสีชมพูสามารถทำงานได้ถึง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 หากหมดอายุต้องยื่นขออนุญาตตามรอบการต่อทะเบียนตามแบบ MOU โดยนายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานคนต่างด้าวต่อกรมการจัดหางาน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ณ สถานที่ที่กรมการจัดหางานกำหนด ประกาศกระทรวงมหาดไทย คลิกอ่าน !  เอกสารหลักที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นต่ออายุ สำหรับนายจ้าง สามารถเซ็นสำเนาจริงพร้อมตราบริษัท หนังสือรับรองบริษัท (ไม่เกิน 3 เดือน) บัตรประชาชน + ทะเบียนบ้าน ทะเบียนพาณิชย์ (หากมี) สำหรับแรงงานต่างด้าว หนังสือเดินทางตัวจริง + ใบอนุญาตทำงานเดิม รูปถ่ายขนาดต่าง ๆ (e.g., 1.5 นิ้ว […]

พลิกวิกฤตงานก่อสร้าง สู่โอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนต้องทำอย่างไร? FDI มีคำตอบ !

ฝ่าวิกฤตงานก่อสร้าง สู่ธุรกิจที่ยั่งยืนต้องทำอย่างไร ? ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วโลกต้องเผชิญกับแรงกระแทกทางเศรษฐกิจจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากโรคระบาด วิกฤตราคาน้ำมัน ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงัก รวมไปถึงภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขาดแคลนในบางช่วงเวลา และทำให้ผู้ประกอบการในวงการนี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการบริหารจัดการ แต่ภายใต้แรงกดดันจากวิกฤตดังกล่าว กลับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เปิดโอกาสใหม่ ในการพัฒนาแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืนได้ แต่จะทำอย่างไรให้ตอบโจทย์สถานการณ์ในปัจจุบันติดตามกันได้ในบทความนี้  ซึ่งจะพาไปถอดรหัสหัวข้อ “ ฝ่าวิกฤตงานก่อสร้าง สู่ธุรกิจที่ยั่งยืน ” โดย คุณนันทพัชร ณ สงขลา (Business Development Manager & Assistant to President) จาก FDI Group ที่ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ ในงาน The Future of Sustainable Construction , ESG & Net Zero material โดยได้รับเกียรติรับเชิญจากทาง ที.เอ.เอส คอร์ปอเรชั่น ให้ร่วมเสวนาในหัวข้อที่น่าสนใจดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้อง Auditorium  อุทยานวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย FDI Group ขอร่วมแสดงความยินดีในโอกาสอันสำคัญนี้กับ ที.เอ.เอส คอร์ปอเรชั่น จากการดำเนินงาน มุ่งพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า ที.เอ.เอส. เป็นผู้ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างน่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่ง FDI ได้รับความไว้วางใจในการให้คำปรึกษาด้านการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ยิ่งเป็นภาพตอกย้ำให้เห็นชัดเป็นที่ประจักษ์ ถึงความมุ่งมั่นและเจตนารมย์ที่ดีของ ที.เอ.เอส. ในการขับเคลื่อนสังคมสีเขียว ที่สำคัญคือความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีที่สุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่อคุณค่าในมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมสังคมไทยและสังคมโลกโดยแท้จริง  ภายในงานได้มีการจัดแสดง HERCULES  ที่สุดของนวัตกรรมอัจฉริยะ เครื่องผลิตฉนวนกันความร้อน ที่ควบคุมการผลิตด้วยโปรแกรมอัตโนมัติ และระบบเซ็นเซอร์ที่ทันสมัย รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่าง TECO ECO PLUS PU FOAM ที่ได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอน จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง ถอดรหัส “ ฝ่าวิกฤตงานก่อสร้าง สู่ธุรกิจที่ยั่งยืน ”  โดยผู้เชี่ยวชาญจาก FDI […]

สินเชื่อสีเขียว นวัตกรรมสินเชื่อ เพื่อผู้ประกอบการและมุ่งเน้นส่งเสริมความยั่งยืน

นวัตกรรมสินเชื่อสีเขียว เครื่องมือขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนี้ เชื่อว่าทุกคนต่างรู้ได้ถึงวิกฤติสภาพภูมิอากาศ และวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างเรื่องใกล้ตัวไม่ว่าจะฤดูกาลที่เปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไป หน้าฝนก็ฝนตกหนักจนน้ำท่วม  หน้าร้อนก็ร้อนหนักจนส่งผลกระทบจนแห้งแล้ง ด้วยปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลกระทบ สร้างความเสียหายหนักต่อการดำเนินชีวิตและด้านอื่น ๆ เรื่องภาวะโลกเดือดเป็นเรื่องที่ถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไขโดยด่วนนั้น ในอนาคตอันใกล้เราทุกคนอาจจะได้สัมผัสกับปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่หนักขึ้นอย่างแน่นอน  ในปัจจุบันนโยบายของภาครัฐในหลายประเทศต่างร่วมมือกันในการส่งเสริม สนับสนุนโครงการลดโลกร้อน มุ่งเน้นแก้ไขเพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ที่เกิดจากการดำเนินงานของมนุษย์ในชีวิตประจำวันให้ลดน้อยลง จากการขอความร่วมมือ เปลี่ยนผ่านสู่การเริ่มบังคับใช้ และเริ่มเข้มข้นขึ้นในทุก ๆ ปี ด้วยเหตุนี้ทำให้สถาบันการเงินได้ออกผลิตภัณฑ์ในหลายรูปแบบขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือ สินเชื่อสีเขียว (Green Loan) เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานให้กับองค์กร บริษัท ที่ต้องการลงทุน หรือนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในกิจกรรมประหยัดพลังงาน ตัวอย่างเช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) การจัดการน้ำเสียอย่างยั่งยืน (Sustainable Water Management) และการปรับปรุงการก่อสร้างอาคารสีเขียว (Green Building) และการปรับปรุงกระบวนการทำงานของบริษัทให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าการกู้ยืมทั่วไป เพื่อเชิญชวนให้บริษัท องค์กร นักลงทุน เกิดการพัฒนา ดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ เหล่านี้มากขึ้น  ไม่เพียงแต่การลงทุนในโครงการใหญ่เพียงเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมในระดับบริษัทขนาดย่อม รวมถึงภาคประชาชน ทั้งเรื่องโครงการอสังหาริมทรัพย์ อย่างบ้านรักษ์โลก คอนโดประหยัดพลังงาน รถไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงโครงการที่มีอยู่ให้ดำเนินงานได้มีอย่างประสิทธิภาพมากขึ้น  ความน่าสนใจของสินเชื่อธุรกิจเพื่อลดคาร์บอนของสถาบันการเงินในไทย สถาบันทางการเงินในไทยต่างมุ่งเน้นส่งเสริมสินเชื่อธุรกิจเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน  สำหรับแต่ละอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจโดยเฉพาะ มุ่งเน้นส่งเสริมให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยคาร์บอนให้น้อยลง ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและบริการให้สามารถจัดการได้อย่างคุ้มค่าที่สุดต่อรอบการผลิต ลดการใช้พลังงานให้น้อยลง โดยเน้นปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาด เกิดการบริหารจัดการต้นทุนอย่างคุ้มค่า เป็นการพัฒนาธุรกิจให้พร้อมรับมือกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่มีการประกาศใช้ เช่น ภาษีคาร์บอน พรบ.โลกร้อน หรืออย่างในสหภาพยุโรป เช่น มาตรการ CBAM  ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานที่สูง เช่น  ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ฮาร์ดแวร์ (Automotive and Parts) ธุรกิจแพ็คเกจจิงและพลาสติก (Packaging and Plastics) ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage) ธุรกิจโรงแรมและเฮลแคร์  (Hotels and Health cares) โดยมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ อย่างธนาคารกสิกรไทย ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า MLR-1.25% (ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน […]

มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ มอบโล่เกียรติคุณ ผู้บริหารเอฟ ดี ไอ “กว่า 20 ปี แห่งการให้” ส่งต่อรอยยิ้มที่สดใส ให้เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส

ส่งต่อโอกาสที่ดี “มากกว่า 20 ปี แห่งการให้” เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา คุณจิราภรณ์  อินทะเสย์ ผู้แทนจากมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.  ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ให้การสนับสนุน ดูแลแก่เด็กและเยาวชนไทยผู้ด้วยโอกาส เข้ามอบโล่เกียรติคุณเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความขอบคุณในการสนับสนุน เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ  โดยมอบโล่เกียรติคุณนี้ให้กับ คุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท เอฟ ดี ไอ ได้ให้การสนับสนุนอุปการะเด็กด้อยโอกาสมาเป็นระยะเวลายาวนานมากกว่า 20 ปี ทำให้หลายชีวิตได้มีอนาคตที่ดีขึ้น ปัจจุบันอุปการะเด็กกว่า 14 คน  เสียงจากผู้ให้ สู่การสร้างโอกาสใหม่ในชีวิตเยาวชนในสังคมไทย คุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง กล่าวว่า “ การศึกษาที่มีคุณภาพและการสนับสนุนจากชุมชน คือรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จของเด็กด้อยโอกาส”   การร่วมมือกับมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ฯ เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสให้เข้าถึงการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิต และเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต การอุปการะเด็กมีบทบาทสำคัญในหลายมิติ ทั้งด้านการศึกษา ด้านจิตใจ และสุขภาพจิตที่ดี รวมถึงการพัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพ เช่น การแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการเผชิญโลกที่เปลี่ยนแปลง ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้เด็กด้อยโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่ดีให้กับสังคมค่ะ  ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมาของคุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานบริหารกลุ่มบริษัท เอฟ ดี ไอ  ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากจะให้การสนับสนุน ร่วมสร้างระบบการดูแล และติดตามผลที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็กอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) โดยเฉพาะในมิติ “สังคม” และ “การเติบโตอย่างครอบคลุม”ในหลายมิติที่น่าสนใจ ที่ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือในระยะสั้น แต่เป็นการส่งต่อโอกาสที่มีคุณค่าในระยะยาว โดยเด็กและเยาวชนหลายคนที่ได้รับการสนับสนุนเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง เป็นพลเมืองคุณภาพ สามารถดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในระดับรากฐานของสังคม การได้รับโล่เกียรติคุณครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การยกย่องความดีเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ผสานความรับผิดชอบต่อสังคมเข้ากับเป้าหมายองค์กร เพื่อให้การเติบโตของบริษัทพัฒนาไปพร้อมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ที่มุ่งเน้นเรื่องของ “ความยั่งยืน” เป็นแกนกลางทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และมนุษยธรรม อีกด้วย  ช่องทางติดต่อ  Facebook : FDI Group – Business Consulting Line : […]

ตอกย้ำภาพ FDI ส่งเสริมการศึกษา ! จาก MOU สู่การเป็นอาจารย์พิเศษประจำหลักสูตรการจัดการทรัพยากรมนุษย์แบบญี่ปุ่น

ความร่วมมือทางวิชาการ TNI – FDI Group ในหลักสูตรการจัดการทรัพยากรมนุษย์แบบญี่ปุ่น   จากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท จัดหางาน เอฟ ดี ไอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัท เอฟดีไอ และสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น วันที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมาครั้งนั้น  FDI Group ในฐานะองค์กรธุรกิจที่เป็นการร่วมทุนไทย – ญี่ปุ่น ซึ่งได้เปิดให้บริการอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปีในประเทศไทย จากวิสัยทัศน์ขององค์กรที่เรามุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการพัฒนาทรัพยากรที่มีคุณค่านั่นก็คือ ทรัพยากรมนุษย์ เรามีความพร้อมที่อยากจะส่งต่อคุณค่าที่ดีให้กับสังคมไทย ด้วยการส่งเสริมการศึกษา ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้เรียน เกิดการพัฒนาครบในหลากหลายมิติ ในโอกาสที่สำคัญนี้ เราได้รับเกียรติจากทางสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น โดยคุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท เอฟ ดี ไอ ให้การสนับสนุนร่วมเป็นอาจารย์พิเศษ ในหลักสูตรการจัดการทรัพยากรมนุษย์แบบญี่ปุ่น เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ การคิดอย่างเป็นระบบในการทำงานแบบญี่ปุ่น ในหลักสูตรดังกล่าวด้วย ความน่าสนใจของหลักสูตร สำหรับหลักสูตรการจัดการทรัพยากรมนุษย์แบบญี่ปุ่น เป็นหลักสูตรที่น่าสนใจ โดยได้นำแนวคิดและวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น มาใช้เป็นแนวของการเรียนการสอน เพื่อให้ผลิตบัณฑิตได้ตรงกับสถานประกอบการสัญชาติญี่ปุ่นและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีความต้องการบัณฑิตที่มีวินัย มีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ทำงานเป็นทีม มีภาวะผู้นำ โดยหลักสูตรมีอัตลักษณ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางการผลิตบัณฑิต ให้เกิดโอกาสในการเรียนรู้ พัฒนาตนเองจากผู้ทรงคุณวุฒิในองค์กรธุรกิจ สัญชาติญี่ปุ่น โดยผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :  www.tni.ac.th/ba/major_hrj ช่องทางติดต่อสถาบันเทคโนโลยีไทย – ญี่ปุ่น Tel. 0-2763-2600 Fax. 0-2763-2700 Website : www.tni.ac.th E-mail : tniinfo@tni.ac.th “ FDI Group ร่วมสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะเราเชื่อว่าหนึ่งการส่งต่อที่มอบคุณค่าด้วยความรู้ ล้วนแล้วแต่นำไปสู่การสร้างสรรค์คุณค่าที่ดีต่อสังคมเสมอ “ ช่องทางติดต่อ FDI Group Facebook : FDI Group – Business Consulting Line : @fdigroup Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, […]

FDI Group สืบสานประเพณีสงกรานต์ ร่วมสรงน้ำพระและรดน้ำขอพรผู้บริหาร

FDI Group ร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทย เทศกาลสงกรานต์ 2568 เมื่อเข้าสู่ เทศกาลสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย นอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและพักผ่อนแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่สำคัญแห่งการแสดงความห่วงใย ความกตัญญูต่อผู้ใหญ่ และเป็นการขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิต ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ” กลุ่มบริษัทเอฟ ดี ไอ และบริษัทในเครือ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสระน้ำพระ และรดน้ำขอพรผู้บริหาร “ ซึ่งในปีนี้ได้จัดงานขึ้นอย่างเรียบง่าย ภายใต้แนวคิด ” เชื่อมสายใย เชื่อมใจแห่งรัก และเติบโตไปพร้อมกัน ”  ที่สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ของผู้บริหารและพนักงานทุกท่าน โดยในงาน ประกอบด้วยกิจกรรมสรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวผู้บริหาร คุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานบริษัท กลุ่มบริษัท เอฟ ดี ไอ  เพื่อความเป็นสิริมงคลและสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ซึ่งกิจกรรมนี้ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความอบอุ่น ความสนุกสนาน โดยทางคุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานบริษัท กลุ่มบริษัท เอฟ ดี ไอ  โดยผู้บริหารได้กล่าวอวยพร พนักงานทุกท่าน  และขอถือโอกาสนี้ อวยพรให้ทุกท่าน พันธมิตร บริษัทต่าง ๆ มีความสุขในวันปีใหม่ไทย มีความสุขสดใส เดินทางปลอดภัยตลอดปีตลอดไป กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงการให้ความสำคัญกับ วัฒนธรรมและประเพณีไทย เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ในการดำเนินธุรกิจ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร เพราะพนักงานทุกท่าน ล้วนคือคนสำคัญในองค์กร ที่มีความสำคัญยิ่งในการทำงานเพื่อการเติบโตไปพร้อมกันอย่างมั่นคง  FDI Accounting & Advisory ที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างครบวงจร ง่าย ครบ จบ ในที่เดียว ทุกธุรกิจเติบโตได้ ง่ายนิดเดียว! เพียงปรึกษา FDI บริการครบ ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์เชิงลึกในหลากหลายธุรกิจ ตอบโจทย์ในทุกธุรกิจ ทันสมัย รวดเร็ว บริการทุกท่านด้วยความยินดี เราพร้อมที่จะมอบประสบการณ์และส่งต่อคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน ช่องทางติดต่อ Facebook : FDI Group – Business Consulting Line : @fdigroup Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895 E-mail […]

FDI Group ร่วมสนับสนุนงาน NAC 2025 และร่วมให้คำปรึกษา คนร่วมงานหลายพันคน เน้นย้ำ! มุ่งพัฒนา AI ขับเคลื่อนประเทศไทยที่ยั่งยืน

สวทช. จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กับงาน AI แห่งปี  NAC 2025  ผู้เข้าร่วมชมงานหลายพันคน !  เมื่อวันที่ 26 – 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา สวทช. พร้อมหน่วยงานหลักร่วมกันจัดงาน ประชุมวิชาการ NAC 2025 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย AI เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน (AI-driven Science and Technology for Sustainable Thailand) ซึ่งเน้นย้ำถึงศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เป็นปัจจัยในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย เพราะ AI ไม่เพียงช่วยเร่งการดำเนินงานและการตัดสินใจที่แม่นยำขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่สำคัญของนวัตกรรม ซึ่งจะยกระดับความสามารถของประเทศไทยในเวทีโลกได้  มีผู้ที่สนใจในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้าร่วมชมงานและร่วมสัมมนาในหัวข้อต่าง ๆ อย่างล้นหลาม เต็มอิ่มความรู้ FDI ร่วมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน  โดยภายในงานตลอดทั้ง 3 วัน FDI Group มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน NAC2025 ซึ่งเราได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ร่วมให้คำปรึกษา แนะนำแนวทาง และหาคำตอบให้ผู้ประกอบการ โดยผู้เชี่ยวชาญ คุณนันทพัชร ณ สงขลา (Business Development Manager ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน) ที่ Advisory Clinic ร่วมออกบูธ ให้คำแนะนำในการวางแผนประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO) และ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) , การวางแผนคาร์บอนเครดิต,การทำรายงาน ESG และ Maturity Assessment , การวางแผนการทำ BCM – BCP การจัดการรับมือกับความเสี่ยงขององค์กร รวมถึงบริการด้านอื่น ๆ ของเรา พร้อมกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยไขข้อสงสัยให้ผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้สนใจได้เป็นอย่างดี กิจกรรมสำคัญภายในงานที่จัดขึ้นได้อย่างน่าสนใจ ที่ปีหน้าคุณต้องมางานนี้ !!  งานประชุมวิชาการ NAC 2025 มุ่งเน้นการนำ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) […]

1 2 3 4