งบดุลคืออะไร ? How to การอ่านงบแสดงฐานะการเงินฉบับมือใหม่ !

งบดุลคืออะไร ? งบสำคัญที่คนทำธุรกิจควรรู้

งบดุล (Balance Sheet)  คือ เอกสารรายงานทางการเงินที่แสดงถึงฐานะทางการเงินของบริษัท ณ ช่วงเวลาใดเวลานึง ( ไตรมาส , ปี ) ที่จะโดยประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ สินทรัพย์ (Assets) คือสิ่งที่บริษัทมี , หนี้สิน (Liabilities) คือ สิ่งที่บริษัทเป็นหนี้ และส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholders’ Equity) คือสิ่งที่บริษัทเป็นของเจ้าของหลังจากหักหนี้แล้ว

โครงสร้างสมการงบดุล คือ สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของผู้ถือหุ้น

รู้หรือไม่ ? งบดุลเปลี่ยนชื่อแล้วนะ 

คำว่างบดุลนั้นเป็นคำที่ถูกยกเลิกไปแล้ว โดยตามมาตรฐานบัญชีได้เปลี่ยนคำว่างบดุล เป็น งบแสดงฐานะการเงิน เพื่อให้ชื่องบการเงินแสดงความหมายที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

อธิบายเพิ่มเติม : 

1.สินทรัพย์ (Assets)  หมายถึง  ทรัพยากรที่อยู่ในความควบคุมของกิจการและสามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจต่อได้ในอนาคต ซึ่งสินทรัพย์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 

1.1 สินทรัพย์หมุนเวียน เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เร็ว

1.2 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน จะเป็นสินทรัพย์ที่กิจการต้องถือไว้ยาวนานมากกว่าแบบ 1.1 ซึ่งจะเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องน้อย เช่น ที่ดิน อาคาร เป็นต้น 

2.หนี้สิน (Liabilities) หมายถึง ภาระผูกพันของกิจการในปัจจุบัน แต่ก็จะมีหนี้สินบางประเภทที่จะเกิดผลดีกับกิจการ เช่น หนี้สินทางการค้า เพราะเป็นหนี้สินระยะสั้นไม่มีดอกเบี้ย ทำให้กิจการมีกระแสเงินสดหมุนเวียนมากขึ้นในกิจการ โดยหนี้สินแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 

2.1 หนี้สินหมุนเวียน หมายถึง หนี้สินระยะสั้นที่ต้องชำระภายใน 1 ปี

2.2 หนี้สินไม่หมุนเวียน หมายถึง หนี้สินระยะยาวที่ต้องใช้เวลาในหารชำระมากกว่า 1 ปี

3.ส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholders’ Equity) หมายถึง ส่วนของที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสินทรัพย์ของกิจการหลังจากหนี้สินแล้ว 

ความสำคัญของงบดุล

ทำไมงบดุลถึงสำคัญ ? สำหรับผู้ประกอบการและคนทำธุรกิจ 

1. งบดุลสามารถทำให้เห็นภาพรวมการเงินได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
   งบดุลคือภาพรวมของ สินทรัพย์ (Assets), หนี้สิน (Liabilities) และ ส่วนของเจ้าของ (Equity) ในวันที่สิ้นงวดบัญชี งบดุลจะสามารถบอกได้ว่า “ตอนนี้” ธุรกิจของคุณมีศักยภาพแค่ไหน มีเงินสดพอหรือไม่ เป็นหนี้มากหรือน้อย เพื่อให้สามารถมองถึงภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 
2. ใช้เพื่อประกอบการวางแผนทางธุรกิจ
   ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหาร สามารถมองเห็นภาพที่คาดการณ์ได้ว่าจะลงทุนเพิ่มหรือได้ยัง ? ควรลดต้นทุนตรงไหน ? มีสินทรัพย์ใดไม่ก่อรายได้ ? ซึ่งข้อมูลในงบดุลช่วยตอบคำถามเหล่านี้ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 
3. ใช้เพื่อช่วยวางในการวางแผนกลยุทธ์ทางการเงิน การวางแผนภาษี และควบคุมต้นทุน
   การรู้ต้นทุนทางการเงินและรายการค้างชำระในงบดุล ช่วยให้คุณจัดการบัญชีและภาษีอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
4. เป็นหลักฐานสำคัญในการ “เสียภาษีและตรวจสอบบัญชี” เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสของธุรกิจ ตรวจสอบได้
5. เป็นเครื่องมือสื่อสาร “ความน่าเชื่อถือ” ต่อคู่ค้าและนักลงทุนงบดุลที่จัดทำอย่างถูกต้องและแสดงฐานะการเงินที่ดี จะสร้างความมั่นใจให้ คู่ค้า นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ เห็นว่าบริษัทมีความมั่นคงและพร้อมต่อการร่วมงานระยะยาวได้อย่างดี

ตัวอย่างงบแสดงฐานะทางการเงิน 

บริษัท เอฟดี มีสินทรัพย์เป็นสำนักงานราคา 500,000 บาท เงินสดอีก 1,000,000 บาท มีคอมพิวเตอร์และเฟอร์นิเจอร์ 300,000 บาท มีหนี้สินกับทางธนาคาร 400,000 บาท โดยบริษัท เอฟดี จัดตั้งโดยหุ้นส่วนจำนวน 2 คน โดยนางเอฟ และนายดีดี ซึ่งร่วมหุ้นกันคนละ 700,000 บาท 

สินทรัพย์ของบริษัท เอฟดี 

สำนักงาน 500,000 บาท

เงินสด 1,000,000 บาท

คอมพิวเตอร์และเฟอร์นิเจอร์ 300,000 บาท

รวม 1,800,000 บาท

หนี้สิน

เงินกู้ธนาคาร 400,000 บาท

ส่วนของเจ้าของ

นายเอฟ 700,000 บาท

นายดีดี 700,000 บาท

รวม 1,400,000 บาท

โดยสามารถแทนสูตรดูความสัมพันธ์ ได้ดังนี้ 

สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ

แทนสูตร 1,800,000 = 400,000 + 1,400,000

หากบันทึกรายการทางการเงินอย่างถูกต้องตามหลักการบัญชี การคำนวณยอดรวมของหนี้สินบวกกับส่วนของเจ้าของจะต้องเท่ากับสินทรัพย์เสมอ

How to วิธีอ่านงบดุลสำหรับมือใหม่

สามารถเริ่มจากการอ่านงบตามลำดับขั้นตอนนี้ได้เลย

1. อ่านยอดรวมของแต่ละส่วน

• ตรวจสอบว่ายอด สินทรัพย์ เท่ากับ หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ หรือไม่
• สินทรัพย์หมุนเวียนมากกว่าหนี้สินหมุนเวียนหรือไม่ → ธุรกิจคล่องตัวหรือไม่
  

2. เปรียบเทียบปีต่อปี

• สินทรัพย์เพิ่มขึ้น → บริษัทขยายตัวหรือไม่?
• หนี้สินลดลง → มีการบริหารจัดการหนี้ได้ดี?
• กำไรสะสมเพิ่มขึ้น → บริษัททำกำไรต่อเนื่องหรือไม่?

3. สังเกตแนวโน้มใน “กำไรสะสม”

• ถ้าติดลบสะสมหลายปี → อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทมีปัญหาเชิงโครงสร้าง

โดยสรุปแล้ว งบดุล” (Balance Sheet) จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าของกิจการและผู้บริหารสามารถประเมินภาพรวมของธุรกิจได้ในแง่ของทรัพย์สิน หนี้สิน และความมั่นคงของเงินทุน การอ่านงบดุลให้เข้าใจจึงเป็นทักษะพื้นฐานที่ “มือใหม่ทุกคน” ควรเริ่มเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น SME, สตาร์ทอัพ หรือองค์กรขนาดใหญ่ก็ตาม 

ถ้าหากคุณอ่านแล้ว ชอบบทความนี้ อย่าลืมที่จะกดแชร์หรือส่งต่อ เพื่อมอบความรู้ดีๆแบบนี้ให้กับเพื่อนของคุณด้วยนะ  และถ้าหากว่ากำลังมองหาที่ปรึกษาระบบบัญชีและภาษี สำหรับนิติบุคคล ทีมผูัเชี่ยวชาญของ FDI ก็พร้อมที่จะดูแล ให้คำปรึกษาในทุกธุรกิจกิจเช่นกัน ติดต่อเราได้เลยตอนนี้ 

 FDI ที่ปรึกษาด้านการบัญชีและวางแผนภาษี สำหรับนิติบุคคล

เรามีความพร้อมมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจของคุณสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยบริการที่ปรึกษาด้านบัญชีและการวางแผนภาษีในระยะยาว ทีมผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์และความรู้เชิงลึก พร้อมช่วยคุณเพื่อบรรลุเป้าหมายสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนได้  เราสามารถให้คำแนะนำ จัดเตรียมเอกสาร ยื่นแบบภาษี และติดต่อประสานงานกับกรมสรรพากร ทำให้บริษัทของคุณดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดความกังวลเรื่องภาษีของบริษัทได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถให้คำแนะนำ พร้อมคำปรึกษาในการวางแผนธุรกิจในระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจเติบโตด้วยความมั่นคงได้อย่างดี

ช่องทางติดต่อ

• Facebook : FDI Group – Business Consulting
• Line : @fdigroup
• Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
• E-mail : infojob@fdi.co.th
• Website : www.fdi.co.th