CBAM Certificate คืออะไร ? ปี 69 “CBAM เริ่มภาคบังคับ” เอกสารสำคัญที่ผู้ส่งสินค้าไปยุโรปต้องรู้

CBAM Certificate คืออะไร ? ปี 69 “CBAM เริ่มภาคบังคับ” เอกสารสำคัญที่ผู้ส่งสินค้าไปยุโรปต้องรู้

จากบทความก่อนที่ FDI พาไปเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) หรือ มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นมาตรการของสหภาพยุโรปในการจัดการกับ Climate Change กันมาแล้ว โดยมาตรการนี้จะเริ่มบังคับใช้จริงในช่วงเดือนมกราคม 2569 นี้แล้ว ในกลุ่มสินค้า 6 กลุ่มระยะแรก ไม่ว่าจะเป็น ซีเมนต์ ไฟฟ้า ปุ๋ย เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม และไฮโดรเจน ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องซื้อใบรับรอง CBAM (CBAM Certificate) ตามปริมาณการนำเข้าและปริมาณการปล่อยคาร์บอนของสินค้าประเภทเดียวกันที่ผลิตในสหภาพยุโรป ยิ่งปล่อยมากยิ่งจ่ายแพง นั่นเป็นเหตุผลที่ราคาสินค้าก็จะแพงตามไปด้วย ในบทความนี้จะพาทุกท่านมาเจาะข้อมูล ทำความเข้าใจกันต่อว่า CBAM Certificate หรือใบรับรองที่ผู้นำเข้าสินค้าจากนอกสหภาพยุโรป (EU) ว่าคืออะไร ผู้ประกอบการต้องทำอย่างไรบ้าง และในระยะต่อไปจะมีสินค้าอะไรบ้างที่จะถูกปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ไปติดตามกันได้ในบทความนี้ 

CBAM Certificate คืออะไร ?

CBAM Certificate คือ ใบรับรองที่ผู้นำเข้าสินค้าจากนอกสหภาพยุโรป (EU) ต้องซื้อ เพื่อแสดงว่าได้ชำระ “ค่าธรรมเนียมคาร์บอน” ตามปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากกระบวนการผลิตสินค้าแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) หรือ “ภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน” ของ EU เพื่อป้องกันการรั่วไหลของคาร์บอน (Carbon Leakage) ซึ่งหมายถึง บริษัทที่ดำเนินการในยุโรป มีการย้ายฐานการผลิตที่ปล่อยมลพิษสูงไปยังประเทศนอกยุโรป ซึ่งในประเทศเหล่านั้นอาจจะมีกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่หละหลวมกว่า เพื่อลดต้นทุนให้ถูกลง แล้วนำเข้าสินค้ากลับมาขายใน EU  ใหม่อีกครั้ง ทำให้ต้องเข้มงวด จัดการปัญหานี้จริงจังมากขึ้น และเป็นการสร้างความเท่าเทียมทางต้นทุนคาร์บอนกับสินค้าที่ผลิตใน EU อยู่แล้วด้วยเช่นกัน

CBAM ระเบียบภาคบังคับ เริ่มใช้จริง 1 ม.ค. 2569 นี้ 

โดยจะมีสินค้า 6 กลุ่ม ในระยะแรก ไม่ว่าจะเป็น ซีเมนต์ ไฟฟ้า ปุ๋ย เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม และไฮโดรเจน รวมถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำบางตัวที่กำหนดซึ่งต่อเนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เช่น น็อตและสลักเกลียว ที่ต้องซื้อและยื่นใบรับรอง CBAM ตามปริมาณการปล่อยก๊าซ (embedded emissions) ของสินค้านำเข้า 

โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า สำหรับการนำเข้าสินค้านั้น ผู้นำเข้าหรือผู้ประกอบการ (ผู้ส่งออกไทย) ต้องตั้งผู้ดูแล Authorization ที่ได้รับอนุญาตในการนำเข้าสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับของ CBAM มายังเขตศุลกากรของสหภาพยุโรป ผู้นำเข้าหรือผู้ประกอบการส่งออกสินค้ามีหน้าที่ยื่น CBAM Declaration เพื่อรายงานว่าสินค้ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ หรือที่เรียกว่า Embedded Emissions ซึ่งค่า Embedded Emissions  จะถูกนำมาคิดค่าคาร์บอน (ปัจจุบันในไทยยังไม่ได้รายงานในระบบ Embedded Emissions แต่เป็นระบบ Carbon footprint)   จากนั้นจะถามหา CBAM Certificate  คือหลักฐานการชำระค่าคาร์บอนแล้ว หากไม่มีก็จะถูกเก็บค่าคาร์บอนจากประเทศที่ส่งสินค้า และเสียค่าปรับเกิดขึ้น ซึ่งในลำดับต่อไปอาจมีการขยายรายการสินค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ 

ประเทศไทยรับมือ CBAM Certificate  ภาคบังคับในปี 69 เริ่มแล้วอย่างไรบ้าง ?

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ TGO หน่วยงานรัฐ ผู้รับผิดชอบในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย ได้พัฒนาระบบการรายงานในระบบ Embedded Emissions ซึ่งเน้นการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเฉพาะในกระบวนการผลิต ทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้สอดคล้องกับมาตรการ CBAM รวมถึงการเจรจาข้อตกลงกับสหภาพยุโรปให้ไทยสามารถใช้คาร์บอนเครดิตจากโครงการ  T-VERs หรือโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย เพื่อทดแทนหรือลดภาระการซื้อค่าคาร์บอน หรือ CBAM Certificate 

การรายงาน Embedded Emissions จะต้องรายงานทุกวันที่ 1 พ.ค. ของทุกปี โดยเริ่มรายงานครั้งแรกในปี 2570 (ใช้ข้อมูลของปี 2569 ในการคำนวณ)  และการทวนสอบข้อมูล จะต้องใช้ผู้ทวนสอบ/หน่วยงานทวนสอบที่ได้การรับรองโดย EU Accreditation Bodies 

ในอนาคตจะมีรายการสินค้าเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ? 

อาจมีการขยายรายการสินคามากขึ้น สินค้าที่ อยูในสาขาอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการขยายฐานการผลิต เช่น เคมีภัณฑ์อินทรีย์และ โพลิเมอร์

CBAM Consulting Service

บริการที่ปรึกษาให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญในการคำนวณค่าปล่อยก๊าซเรือนกระจก(Embedded Emission) และการจัดทำรายงานตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป เพิ่มโอกาสการแข่งขัน ลดขีดจำกัดทางการค้า ให้องค์กรของคุณมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น 

  • ให้คำปรึกษาด้านมาตรฐานและข้อกำหนดมาตรการ CBAM
  • บริการจัดอบรมภายในเชิงปฏิบัติการ เสริมความรู้ความเข้าใจเพื่อจัดทำรายงาน
  • ออกแบบแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นไปตามมาตรฐานสหภาพยุโรป
  • คำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจกของสินค้า จัดทำเอกสารและรายงาน CBAM 

FDI ที่ปรึกษาคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรและผลิตภัณฑ์

โดยสรุปแล้ว ผู้ประกอบการต้องเริ่มทำการเก็บข้อมูล ประเมินการปล่อยคาร์บอนขององค์กร ผลิตภัณฑ์ โดยสามารถปรึกษา FDI ซึ่งเราสามารถให้คำปรึกษา องค์กร ผู้ผลิต ได้ทุกอุตสาหกรรม โดยให้คำปรึกษาพร้อมบริการที่ปรึกษาในการอบรมภายในการทำ Workshop ให้คำแนะนำในการเตรียมข้อมูลเพื่อจัดทำ ในการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร หรือ Carbon Footprint for Organization (CFO) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ หรือ Carbon Footprint of Products (CFP) ​การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ ไปจนถึงช่วยให้คุณคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดของการทําบัญชีก๊าซเรือนกระจก โดยใช้มาตราฐานตามหน่วยงานของประเทศไทยและในระดับสากล เช่น TGO , GHG Protocol , PCAF , IPCC   พร้อมกับการให้คำแนะนำการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนที่ให้การรับรองโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) 

 FDI ได้เริ่มให้คำปรึกษาบริษัทต่าง ๆ โดยได้เริ่มบริการด้านสิ่งแวดล้อม ในปี 2023 เป็นต้นมา ซึ่งได้ให้คำปรึกษาไปแล้วมากกว่า 60 บริษัท จำนวนโครงการมากกว่า 70 โครงการ ในปีที่ผ่านมา ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

  1. กลุ่มบริษัทที่กำลังอบรมภายใน เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์
  2. กลุ่มบริษัทที่กำลังอยู่ในขั้นตอนจัดเตรียมข้อมูล และประเมินในการขึ้นทะเบียน
  3. กลุ่มบริษัทที่ได้รับการประเมินและขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นที่เรียบร้อย

หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาในการร่วมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เราคือคำตอบที่ดีสำหรับคุณ บริการโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ราคามาตรฐาน มีผลงานสำเร็จที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ติดต่อเราได้เลยตอนนี้ 

ช่องทางติดต่อ 

  • Facebook : FDI Group – Business Consulting
  • Line : @fdigroup
  • Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
  • E-mail : infojob@fdi.co.th
  • Website : www.fdi.co.th

บทความที่น่าสนใจ