การย้ายที่อยู่ของกิจการ บริษัท องค์กร สามารถทำได้ แต่ต้องมีการดำเนินการในการแจ้งต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สะดวกต่อการดำเนินกิจการทั้งเรื่องของเอกสาร การยื่นภาษี การยื่นประกันสังคมของพนักงาน เป็นต้น ซึ่งการแจ้งย้ายนั้นสามารถทำได้ ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้ ที่จะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าต้องติดต่อหน่วยงานใดบ้าง เอกสาร ค่าธรรมเนียม ระยะเวลาดำเนินการ สามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ในบทความนี้ 

ย้ายที่อยู่บริษัทต้องแจ้งหน่วยงานใดบ้าง ?

สำหรับธุรกิจที่มีการย้ายที่อยู่/ที่ตั้ง ของกิจการไปที่ใหม่ ต้องแจ้งต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ 

1. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในเขตที่บริษัทตั้งอยู่ 
2. กรมสรรพากรพื้นที่ ในเขตที่บริษัทตั้งอยู่ 
3. สำนักงานประกันสังคม ในเขตที่บริษัทตั้งอยู่ 

FDI ขอแนะนำ “ทำตามขั้นตอนนี้ สำหรับการย้ายที่อยู่บริษัท”

เงื่อนไขที่ต้องรู้สำหรับผู้ประกอบการ 

1. การย้ายที่อยู่บริษัท ต้องไปแจ้งย้ายที่อยู่กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก่อนอันดับแรก ซึ่งควรจะแจ้งย้ายภายใน 14 วัน นับแต่วันที่มีการย้ายจริง และนำหนังสือรับรองที่ได้ไปดำเนินการแจ้งเปลี่ยนแปลงต่อหน่วยงานอื่น ๆ ในลำดับถัดไป  และสำหรับกิจการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องไปแจ้งที่สรรพากรพื้นที่เดิมในการย้ายออก และแจ้งย้ายเข้าต่อสรรพากรพื้นที่อยู่ใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีต่าง ๆ 
2. การแจ้งประกันสังคม ให้แจ้งต่อสำนักงานประกันสังคมพื้นที่เดิมและพื้นที่ใหม่
3. กรณีกิจการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถแจ้งย้ายที่อยู่ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในเขตที่บริษัทตั้งอยู่ได้

เอกสารที่ต้องใช้ในการดำเนินการ ระยะเวลา และค่าดำเนินการ

สำหรับการย้ายก็จะมีทั้งย้ายในจังหวัดเดียวกันและย้ายไปจังหวัดอื่นๆจากเขตพื้นที่เดิม โดยทั้ง 2 แบบ ก็จะมีรูปแบบ เงื่อนไข รายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

สำหรับขั้นตอนการย้ายที่อยู่บริษัท ในจังหวัดเดียวกัน 

โดยการย้ายที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน บริษัทสามารถดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องมีการอ้างอิงมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นหรือที่ประชุมคณะกรรมการ สามารถจัดทำยื่นคำขอจดทะเบียนและยื่นเอกสารขอจดทะเบียน หลังจากนั้นนายทะเบียนจะรับจดทะเบียนเป็นลำดับถัดมา 

โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้ข้อมูลไว้ว่า เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอจดทะเบียน มีดังนี้ 

ข้อมูลที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มที่ตั้งสำนักงาน

1. ที่ตั้งแห่งใหม่ของสำนักงานแห่งใหญ่
2. เลขรหัสประจำบ้าน 

เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มที่ตั้งสำนักงาน

1. คำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด (แบบ บอจ.1) 
2. แบบคำรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำกัด 
3. รายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม และ/หรือมติพิเศษ (แบบ บอจ.4) 
4. หลักฐานการอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่หรือสำนักงานสาขาจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง (ใช้เฉพาะในการประกอบธุรกิจที่มีกฎหมายพิเศษควบคุม) 
5. แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสถานที่สำคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป
6. สำเนาบัตรประจำตัวของกรรมการที่ลงชื่อในคำขอจดทะเบียน
7. สำเนาหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อ (ถ้ามี) 
8. หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) 

*** หมายเหตุ : การแก้ไขเพิ่มเติม สำนักงานสาขาให้ใช้เอกสารตามข้างต้น ยกเว้นข้อ 5 *** 

สำหรับกิจการที่ย้ายที่อยู่บริษัทไปจังหวัดอื่น 

ตามกฏหมายระบุไว้ว่าให้มีการออกหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้นโดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับหรือส่งมอบถึงตัวแทนผู้ถือหุ้น เฉพาะกรณีที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นหรือมีข้อบังคับกำหนดเอาไว้ โดยให้ออกหนังสือก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วันหรือตามที่กำหนดในข้อบังคับบริษัท และ ให้โฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอย่างน้อย 1 ครั้ง 

การจัดประชุมผู้ถือหุ้นมีผู้เข้าประชุมไม่น้อยกว่า 2 คน และมีจำนวนหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อบกว่า 1 ใน 4 แห่งทุน ที่ประชุมมีมติพิเศษด้วยคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดที่มาประชุม จากนั้นจัดทำคำขอจดทะเบียนและยื่นขอจดทะเบียนตามลำดับ 

เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มที่ตั้งสำนักงาน

1. คำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด (แบบ บอจ.1) 
2. แบบคำรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำกัด 
3. รายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม และ/หรือมติพิเศษ (แบบ บอจ.4) 
4. หนังสือบริคณห์สนธิ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ชำระค่าอากรแสตมป์ 50 บาท 
5. หลักฐานการอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่หรือสำนักงานสาขาจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง (ใช้เฉพาะในการประกอบธุรกิจที่มีกฎหมายพิเศษควบคุม) 
6. แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสถานที่สำคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป
7. สำเนาบัตรประจำตัวของกรรมการที่ลงชื่อในคำขอจดทะเบียน
8. สำเนาหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อ (ถ้ามี) 
9. หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)

ปรึกษา FDI สำหรับการแก้ไขที่อยู่บริษัท เอกสาร และการดำเนินการ 

สถานที่จดทะเบียน ยื่นคำขอจดทะเบียน ณ หน่วยงานในสังกัดของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานพาณิชย์ จังหวัดทั่วประเทศ ตามที่สำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ ดังนี้ 

1. บริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นขอจดทะเบียนที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สนามบินน้ำ) สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 (ปิ่นเกล้า พหลโยธิน รัชดาภิเษก สี่พระยา ศรีนครินทร์ (ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค) และแจ้งวัฒนะ (ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา)) เฉพาะธุรกิจหลักทรัพย์ให้ยื่นขอจดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สนามบินน้ำ) **ดูรายละเอียดที่ตั้ง** 
2. บริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่นขอจดทะเบียนที่สำนักงาน พาณิชย์จังหวัด ในจังหวัดที่บริษัทจำกัดนั้นมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่

หากย้ายสถานประกอบการแล้วแต่ไม่แจ้งหน่วยงานราชการจะส่งผลอย่างไรบ้าง ?

หากไม่แจ้งย้ายที่อยู่บริษัท จะมีความผิดทางกฎหมายในฐานะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกรมสรรพากร ซึ่งผู้กระทำผิดต้องชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด โดยการไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดอาจมีโทษปรับทางแพ่งตามกฎหมาย

บทลงโทษทางกฎหมายความผิดตามกฎหมายแพ่ง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า 

• หากไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท จะถือเป็นความผิดทางแพ่งและต้องชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอาจมีค่าปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะความผิด

ความผิดตามกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากร ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า 

• ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่สถานประกอบการต่อกรมสรรพากรตามแบบ ภ.พ.09 ก่อนวันย้ายสถานประกอบการไม่น้อยกว่า 15 วัน ตามมาตรา 85/8 แห่งประมวลรัษฎากร
• หากไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ถือว่ามีความผิดทางพินัย และต้องชำระค่าปรับเป็นพินัย
• นอกจากนี้ การไม่แจ้งย้ายที่อยู่บริษัท อาจทำให้บริษัทเสียสิทธิ์ในการติดต่อรับเอกสารสำคัญจากหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

ปัจจุบัน FDI ที่ปรึกษาด้านการจดทะเบียนบริษัทและยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ได้ให้บริการด้วยความเชี่ยวชาญมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น เรามีความพร้อมให้บริการไม่ว่าจะผู้ประกอบการในประเทศ รวมถึงต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในการให้คำแนะนำการประกอบธุรกิจ การขอใบอนุญาตประกอบการลงทุน รวมถึงการยื่นเอกสารต่าง ๆ ที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย สามารถติดต่อบริการจากเราได้ ให้เราช่วยดูแลให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายเพียงคุณปรึกษาเรา 

ทำไมต้องเลือกใช้บริการจากเรา ?

• เรามีประสบการณ์ตรงในด้านจดทะเบียนบริษัท เปลี่ยนแปลง/แก้ไขเอกสารข้อมูล การขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจครบวงจร 
• ทีมงานเชี่ยวชาญ มีความเข้าใจด้านข้อกฏหมาย สามารถดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง ประสานงานเร็ว ไม่ต้องรอนาน เราพร้อมให้คำแนะนำตั้งแต่ต้นจนจบขั้นตอน
• ราคาเหมาะสม บริการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำอย่างตรงจุด

ช่องทางติดต่อ 

• Facebook : FDI Group – Business Consulting
• Line : @fdigroup
• Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
• E-mail : infojob@fdi.co.th