ESG (Environment, Social, Governance)
ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนมองหาในยุคตลาดทุนยั่งยืน
ภูมิทัศน์การลงทุนในศตวรรษที่ 21 ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนสถาบันและรายบุคคลในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการสร้างผลตอบแทนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบที่บริษัทมีต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี การเติบโตของกองทุน ESG (Environmental, Social, and Governance) ทั่วโลกสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์นี้อย่างชัดเจน จากข้อมูลของ ESG Today ระบุว่ากองทุนยั่งยืนทั่วโลกมีมูลค่ารวมถึง 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2024 ขณะที่ในประเทศไทย Bangkok Post รายงานว่าปี 2024 เป็นปีที่มีการเติบโตอย่างมากของกองทุน ESG ในตลาดทุนไทย แนวโน้มดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการบูรณาการหลักการ ESG เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบต่อสังคม แต่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดเงินทุนและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน คำถามสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ทำไมนักลงทุนจึงเลือกจัดสรรเงินทุนไปยังบริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG ที่เข้มแข็งมากกว่าบริษัททั่วไป และปัจจัยใดที่ขับเคลื่อนการตัดสินใจลงทุนในมิตินี้
ความหมายและความสำคัญของ ESG สำหรับนักลงทุน
ESG ประกอบด้วยสามเสาหลักที่สะท้อนถึงความยั่งยืนและความรับผิดชอบขององค์กร ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ซึ่งครอบคลุมการจัดการทรัพยากร การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านสังคม (Social) ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อพนักงาน ห่วงโซ่อุปทาน สิทธิมนุษยชน และความสัมพันธ์กับชุมชน และด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance) ที่ครอบคลุมโครงสร้างคณะกรรมการ ความโปร่งใส การควบคุมภายใน และจริยธรรมทางธุรกิจ
สำหรับนักลงทุน ESG มิใช่เพียงเครื่องมือคัดกรองทางจริยธรรม แต่เป็นกรอบการวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาสที่ครอบคลุมมิติที่งบการเงินดั้งเดิมไม่สามารถสะท้อนได้ บริษัทที่มีการดำเนินงาน ESG ที่แข็งแกร่งมักมีความสามารถในการลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย เช่น การถูกฟ้องร้องเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือแรงงาน ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงจากการประกอบธุรกิจที่ไม่โปร่งใส และความเสี่ยงในการดำเนินงานจากการขาดแคลนทรัพยากรหรือการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้พัฒนาระบบ SET ESG Ratings 2024 เพื่อประเมินและจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนตามหลักการนี้ ขณะที่สถาบันไทยพัฒน์ได้คัดเลือกบริษัท ESG100 ประจำปี 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนสามารถอ้างอิงข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น
พฤติกรรมนักลงทุนกับ ESG
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักลงทุนต่อ ESG สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนทั้งในระดับสถาบันและรายบุคคล นักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนรวมขนาดใหญ่ ได้นำหลักการ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการลงทุนอย่างเป็นทางการ สาเหตุหลักมาจากการที่สถาบันเหล่านี้มีภาระผูกพันระยะยาวต่อผู้รับผลประโยชน์ จึงต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือความไม่สมดุลทางสังคม ข้อมูลจาก Morningstar ในรายงาน U.S. Sustainable Funds Landscape 2024 ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนสู่กองทุนยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความผันผวนในบางช่วงเวลา แต่ทิศทางโดยรวมยังคงเป็นบวก นอกจากนี้ Morningstar ยังรายงานว่ากองทุน ESG ทั่วโลกดึงดูดเงินลงทุน 10.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืน
สำหรับนักลงทุนรายย่อย การให้ความสำคัญกับ ESG เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากหลายปัจจัย ประการแรก คือการตระหนักรู้ว่าบริษัทที่มี ESG ที่ดีมักมีความมั่นคงและความสามารถในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวสูงกว่า เนื่องจากการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีกว่าและการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ประการที่สอง คือปัจจัยด้านคุณค่าส่วนบุคคล นักลงทุนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z มีแนวโน้มที่จะเลือกลงทุนในบริษัทที่สอดคล้องกับค่านิยมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม สิทธิแรงงาน หรือความเท่าเทียมทางเพศ
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนในบริษัทที่มี ESG สามารถจำแนกได้เป็นสี่ประการ หนึ่ง การลดความเสี่ยงระยะยาว บริษัทที่ดูแลสิ่งแวดล้อมมีโอกาสน้อยที่จะเผชิญกับค่าปรับหรือข้อจำกัดทางกฎหมายในอนาคต สอง ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล บริษัทที่รายงาน ESG อย่างครบถ้วนแสดงให้เห็นถึงการกำกับดูแลที่ดีและความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น สาม ผลตอบแทนที่ยั่งยืน งานวิจัยเรื่อง “ESG Performance Impacting on Systematic Risk of the Listed Companies on the Stock Exchange of Thailand” ชี้ให้เห็นว่าประสิทธิภาพ ESG มีผลต่อความเสี่ยงเชิงระบบของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สี่ ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ บริษัทที่มีคะแนน ESG สูงมักได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และนักลงทุน
กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือบริษัทไทยที่ติดอันดับ ESG100 ของสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งมักเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ขับเคลื่อนตลาดทุนไทยด้วย ESG อย่างจริงจัง เพื่อยกระดับมาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยในเวทีโลก ในระดับสากล บริษัทเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดที่มีนโยบาย ESG ชัดเจนมักได้รับการจัดสรรเงินทุนจากกองทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
การวิเคราะห์กลยุทธ์และข้อเสนอแนะโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG
การดำเนินงานด้าน ESG ที่แท้จริงช่วยเพิ่มความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของบริษัทในหลายมิติ ทั้งการสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจในสถานการณ์วิกฤต การลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันจากภาพลักษณ์ที่ดี รายงานของ Deloitte ใน 2024 Sustainability Action Report เน้นย้ำว่าองค์กรที่บูรณาการความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์หลักมีแนวโน้มที่จะสร้างมูลค่าระยะยาวได้ดีกว่า ในขณะที่ Bloomberg Intelligence ใน ESG Market Outlook 2024 ก็มองว่าตลาด ESG จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับความท้าทายบางประการ
อย่างไรก็ตาม การประเมิน ESG ยังคงมีข้อจำกัดสำคัญที่นักลงทุนและบริษัทต้องตระหนัก นั่นคือปัญหาความไม่สอดคล้องกันของคะแนน ESG ระหว่างหน่วยงานจัดอันดับต่าง ๆ (ESG Ratings Inconsistency) บริษัทหนึ่งอาจได้คะแนนสูงจากหน่วยงานหนึ่ง แต่ได้คะแนนต่ำจากอีกหน่วยงานหนึ่ง เนื่องจากความแตกต่างของวิธีการประเมิน น้ำหนักของเกณฑ์ และแหล่งข้อมูลที่ใช้ สถานการณ์นี้สร้างความสับสนให้กับนักลงทุนและอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ขาดประสิทธิภาพ
สำหรับบริษัทไทย การพัฒนา ESG ควรเป็นไปอย่างแท้จริงและสอดคล้องกับบริบททางธุรกิจ ไม่ใช่เพียงการสร้างภาพลักษณ์หรือ “Greenwashing” บริษัทควรเริ่มจากการประเมินผลกระทบที่สำคัญที่สุด (Materiality Assessment) กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้ และรายงานความก้าวหน้าอย่างโปร่งใส การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะ ESG ไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องผสานเข้ากับกลยุทธ์องค์กรโดยรวม
บทสรุปของ ESG ที่ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นและโอกาสของธุรกิจ
การที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับ ESG สะท้อนถึงวิวัฒนาการของตลาดทุนที่ไม่ได้มองเพียงผลกำไรในงบการเงิน แต่พิจารณาถึงความสามารถในการสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืนและการบริหารจัดการความเสี่ยงในทุกมิติ ESG ได้กลายเป็นหนึ่งในเกณฑ์หลักของการประเมินมูลค่าบริษัทในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต เมื่อข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลและมาตรฐานความยั่งยืนมีความเข้มงวดมากขึ้นทั่วโลก
สำหรับบริษัทที่ต้องการดึงดูดเงินทุนในยุคใหม่ การผสาน ESG เข้ากับกลยุทธ์หลักไม่ใช่ตัวเลือก แต่เป็นความจำเป็น การลงทุนในด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างระบบกำกับดูแลที่โปร่งใสจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ลดต้นทุนของทุน และเปิดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ในท้ายที่สุด ESG ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนและสังคม
FDI Group: ที่ปรึกษาคาร์บอนฟุตพริ้นท์และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร
FDI Group ได้มุ่งมั่นพัฒนาบริการด้านต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าเสมอมา เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการให้ครอบคลุมในทุกมิติมากยิ่งขึ้นในอีกระดับ ปลดล็อกทุกศักยภาพของทุกธุรกิจให้เติบโตไปแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าทุกองค์กรที่ได้เริ่มจัดการลดก๊าซเรือนกระจก ล้วนเล็งเห็นในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ต้องร่วมมือกันในทุกภาคส่วน เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสังคมไทย สังคมโลก FDI ได้เริ่มให้คำปรึกษาบริษัทต่าง ๆ โดยได้เริ่มบริการด้านสิ่งแวดล้อม ในปี 2023 เป็นต้นมา ซึ่งได้ให้คำปรึกษาไปแล้วมากกว่า 60 บริษัท จำนวนโครงการมากกว่า 70 โครงการ ในปีที่ผ่านมา
ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มบริษัทที่กำลังอบรมภายใน เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์
2.กลุ่มบริษัทที่กำลังอยู่ในขั้นตอนจัดเตรียมข้อมูล และประเมินในการขึ้นทะเบียน
3.กลุ่มบริษัทที่ได้รับการประเมินและขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นที่เรียบร้อย
FDI ขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาประเภทบุคคลและนิติบุคคลกับ อบก. แล้ว
- เราพร้อมให้บริการ ให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และด้านความยั่งยืน ครบวงจรในที่เดียว
- อบรมพนักงานเฉพาะด้าน (ตามสาขาอุตสาหกรรม) โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
- ประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร Carbon Footprint for Organization (CFO) และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ Carbon Footprint for Product
- การจัดทำระบบ ESG / SDGs / Net Zero Roadmap
- ที่ปรึกษาสำหรับ CBAM Certificate และ Carbon Credit
- รวมถึงโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนภายในองค์กร
ช่องทางติดต่อเรา
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
บทความที่น่าสนใจ
ความสำคัญ “Green Finance” เมื่อการเงินกลายเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change)...
Read Moreธุรกิจกับผู้บริโภค จะสร้างการมีส่วนร่วมลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างไร ?
ในยุคที่วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)...
Read MoreThailand Taxonomy คืออะไร ? มาตรฐานใหม่สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
เคยสงสัยกันหรือไม่ ? ว่าการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละธุรกิจดำเนินการกันจริงจังหรือทำเพื่อกล่าวอ้าง...
Read More


