หัวใจสำคัญ ในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในยุคที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน” ด้วย และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่เจ้าของธุรกิจและผู้บริหารทุกคนควรรู้จัก คือ “งบการเงิน” โดยเฉพาะ “งบกระแสเงินสด” ที่มักถูกมองข้าม บทความนี้จะทำให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของ Cash Flow ว่ามาจากไหน มีความเคลื่อนไหวอย่างไร วิธีการอ่าน ที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์กัน
งบกระแสเงินสด (Cash Flow) คืออะไร ?
งบกระแสเงินสด (Statement of Cash Flow) คือ งบการเงินที่แสดงการได้มา การใช้ไปของเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดในกิจการ ซึ่งจะแสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดจากกิจกรรมต่าง ๆ ของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
- รายได้ (Income) คือ เงินที่บริษัทได้จากการดำเนินธุรกิจ เช่น เงินที่ได้จากการขายสินค้าหรือบริการ
- รายจ่าย (Expense) คือ เงินที่บริษัทต้องจ่ายในการดำเนินธุรกิจ อาทิ ค่าเช่าสถานที่ ค่าอุปกรณ์การทำงาน เงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบ
ทำไมต้องเข้าใจ “งบกระแสเงินสด” ?
เพราะว่า งบกระแสเงินสดจะช่วยตอบคำถามว่า “ธุรกิจมีเงินสดพอใช้หรือไม่” เพราะในความเป็นจริง ธุรกิจที่มีกำไรอาจล้มละลายได้ หากไม่มีเงินสดเพียงพอจ่ายหนี้ จ่ายเงินเดือน และทราบถึงโครงสร้างทางการเงินของกิจการ ว่ามีการกู้หนี้ การชำระหนี้ หรือการออกหุ้นปันผลอย่างไร
ตัวอย่างเช่น บริษัทหนึ่งมียอดขาย 10 ล้านบาท และกำไร 1 ล้านบาท แต่ลูกค้าที่ยังไม่จ่ายเงินมีถึง 8 ล้านบาท หากไม่สามารถเก็บเงินได้ในเวลาตามกำหนด บริษัทนั้นอาจประสบภาวะขาดเงินหมุนเวียน แม้จะดูเหมือนกำลัง “มีกำไร” อยู่ก็ตาม ซึ่งจะทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินไปด้วย
3 กิจกรรมในงบกระแสเงินสดมีอะไรบ้าง ?
ธนาคารกรุงไทย ให้ข้อมูลอย่างน่าสนใจว่า งบกระแสเงินสดแบ่งออกเป็น 3 กิจกรรมหลัก ที่สะท้อนถึงสภาพคล่อง แหล่งที่มา และการใช้จ่ายของเงินสดในกิจการ ดังนี้
1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (Cash Flow from operating activities – CFO)
หมายถึง กระแสเงินสดที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วยรายการรับและจ่ายเงินสดที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมหลักของกิจการ เช่น รายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ ต้นทุนขาย ค่าเสื่อมราคา ค่าเช่า ค่าจ้าง ค่าภาษี
2. กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (Cash Flow from investing activities – CFI)
หมายถึง กระแสเงินสดที่เกิดจากการลงทุนต่าง ๆ จากการได้มาและจำหน่ายสินทรัพย์ระยะยาวต่าง ๆ เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ ที่ดิน อาคาร หรือการลงทุนในหลักทรัพย์หรือกิจการอื่น
3. กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินทุน (Cash Flow from Financing Activities – CFF)
หมายถึง กระแสเงินสดที่เกิดจากการจัดหาเงินทุนจากภายนอกกิจการ หรือการใช้เงินทุนจากภายในกิจการ เช่น การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน การซื้อคืนหุ้น หรือการจ่ายปันผล
สรุปสมการงบกระแสเงินสด
สมการงบกระแสเงินสด คือ สมการที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ตั้งแต่ต้นงวดไปจนถึงปลายงวด โดยสมการงบกระแสเงินสด โดยสามารถเขียนได้ ดังนี้
เงินสดต้นงวด = เงินสดปลายงวด + กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (CFO) + กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (CFI) + กระแสเงินสดจากกิจกรรมการจัดหาเงิน (CFF)
วิธีอ่านงบกระแสเงินสดแบบเข้าใจง่าย ต้องอ่านอย่างไร ?
เมื่อเปิดงบกระแสเงินสด ควรเริ่มต้นจากการดูภาพรวม “เงินสดสุทธิ” ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงจากทั้ง 3 กิจกรรมข้างต้น โดยสังเกตว่า
- ธุรกิจสร้างกระแสเงินสดได้จากกิจกรรมหลักหรือไม่
- กิจกรรมลงทุนเป็นเชิงรุก (ซื้อทรัพย์สินเพิ่ม) หรือถอย (ขายทรัพย์สิน)
มีการพึ่งพาเงินกู้หรือไม่ และอยู่ในระดับปลอดภัยหรือไม่
หากกรณีที่พบว่า
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน : เป็นบวก
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน : ติดลบ (เพราะซื้อของลงทุน)
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน : ติดลบหรือสมดุล
ถ้าหากครบถ้วนทั้ง 3 กิจกรรมข้างต้น จะถือว่าเป็นโครงสร้างเงินสดที่ดี สะท้อนว่าธุรกิจสามารถสร้างรายได้เองได้ มีความรอบคอบ มีความสามารถในการทำกำไรให้เกิดขึ้นและใช้เงินเพื่อพัฒนาขยายกิจการได้อย่างดี
งบกระแสเงินสดที่ดีควรจะเป็นอย่างไร
สำหรับงบกระแสเงินสดหรือ Cash Flow ที่ดีขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจการ และวัตถุประสงค์ของผู้อ่านงบ ทั้งนี้งบกระแสเงินสดที่ดีควรจะมีลักษณะดังนี้
1.มีกระแสเงินสดสุทธิเป็นบวก สะท้อนถึงความสามารถจากการดำเนินงานและการลงทุนของกิจการ ทำให้เห็นว่ามีความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการจ่ายหนี้
2.มีกระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานเป็นบวก ทำให้เห็นถึงว่ากิจการนั้นมีความสามารถในการสร้างรายได้และกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจ ส่งผลดีต่อสภาพคล่องของกิจการ
3.กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุนของกิจการสอดคล้องกับแผนการลงทุนของกิจการ
4.กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินทุนสอดคล้องกับแผนทางเงินของกิจการ
งบกระแสเงินสดช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างไร?
- ใช้ประเมินสภาพคล่องของกิจการ
ช่วยให้เจ้าของธุรกิจรู้ว่ามีเงินพอใช้จ่ายในแต่ละเดือนหรือไม่ - วางแผนการกู้เงินหรือขยายกิจการ
หากธุรกิจมีเงินสดไม่พอ อาจต้องหาทางกู้เพิ่ม หรือบริหารต้นทุนให้ดีขึ้น - กำหนดนโยบายเครดิตกับลูกค้า
ถ้าเงินสดเข้าช้า อาจพิจารณาให้ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่จ่ายเร็ว หรือปรับเงื่อนไขเครดิต - วางแผนการจ่ายเงินปันผล
หากกำไรเยอะแต่ไม่มีเงินสดเพียงพอ อาจต้องชะลอการจ่ายเงินปันผลไว้ก่อน
คำแนะนำและเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ประกอบการ
- การตรวจสอบงบกระแสเงินสด ทุกไตรมาส ไม่ใช่แค่งบกำไรขาดทุน เพื่อให้ทราบถึงสถานะ โครงสร้าง รวมถึงความสามารถทางการเงินในปัจจุบัน
- ใช้ข้อมูลนี้เป็นเครื่องมือในการวางแผนการเงิน เช่น วางแผนซื้อของ จ้างพนักงาน หรือการลงทุนเพิ่ม
- หากต้องการความถูกต้อง รวดเร็ว และจัดทำบัญชีนิติบุคคลด้วยความเชี่ยวชาญ สามารถติดต่อบริการจากผู้เชี่ยวชาญ ในการให้คำปรึกษาได้
FDI ที่ปรึกษาด้านการบัญชีและวางแผนภาษี สำหรับนิติบุคคล
มุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจของคุณสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยบริการที่ปรึกษาด้านบัญชีและการวางแผนภาษีในระยะยาว ทีมผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์และความรู้เชิงลึก พร้อมช่วยคุณเพื่อบรรลุเป้าหมายสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนได้ เราสามารถให้คำแนะนำ จัดเตรียมเอกสาร ยื่นแบบภาษี และติดต่อประสานงานกับกรมสรรพากร ทำให้บริษัทของคุณดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดความกังวลเรื่องภาษีของบริษัทได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถให้คำแนะนำ พร้อมคำปรึกษาในการวางแผนธุรกิจในระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจเติบโตด้วยความมั่นคงได้อย่างดี
ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
บทความที่น่าสนใจ
หลังจดทะเบียนบริษัทแล้ว เจ้าของธุรกิจจะต้องทำบัญชี – ภาษีอย่างไร ?
ทำไมผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจต้องทำบัญชีบริษัทและยื่นภาษี ไม่ทำได้หรือไม่...
Read Moreรู้หรือไม่ ? การพัฒนาอย่างสมดุลตามกรอบ SDGs ในไทยพัฒนาไปถึงไหนแล้ว
SDGs ไทย กับแนวทางขับเคลื่อนโลกที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ...
Read MoreSME ต้องรู้ วาง”ระบบบัญชี”ให้มีประสิทธิภาพ เริ่มอย่างไรให้ธุรกิจโตไวอย่างยั่งยืน
ระบบบัญชีที่ดี คือหัวใจของธุรกิจที่ยั่งยืน พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษี ...
Read More