5 เทคนิค การทำบัญชีนิติบุคคลให้มีประสิทธิภาพ จดทะเบียนบริษัทใหม่ทำบัญชีเองดีไหม?

5 เทคนิค การทำบัญชีนิติบุคคลให้มีประสิทธิภาพ จดทะเบียนบริษัทใหม่ทำบัญชีเองดีไหม?

การทำบัญชีนิติบุคคล สำหรับบริษัทที่พึ่งเริ่มต้นธุรกิจ 

เมื่อจดทะเบียนบริษัทในรูปแบบของนิติบุคคลแล้ว การทำบัญชีบริษัท จะมีความยากและซับซ้อนในด้านเอกสาร การดำเนินงานมากขึ้น เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลต้องมีผู้จัดทำบัญชีตามหลักการบัญชี เพื่อส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ฯลฯ 

 

สิ่งที่ต้องดำเนินการหลังจากกิจการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล 

1.ดำเนินการแยกบัญชี 

โดยเปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัท โดยแยกออกจากบัญชีส่วนบุคคลให้ชัดเจน 

2.จดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

 สำหรับกิจการที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท หรือจดภาษีมูลค่าเพิ่มหลังจากจดบริษัทนิติบุคคลได้เลยเช่นกัน 

3.ขึ้นทะเบียนลูกจ้างในระบบประกันสังคม 

ถ้าหากมีพนักงานตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป โดยมีการจ่ายค่าจ้างเป็นเงินเดือน กิจการต้องไปขึ้นทะเบียนลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มจ้างงาน ที่สำนักงานประกันสังคม และนำส่ง ภ.ง.ด.1 และ ภ.ง.ด.1ก ในกรณีที่กิจการมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้สำหรับเงินเดือนของพนักงานที่ถึงเกณฑ์กำหนด 

4.เอกสารค่าใช้จ่ายของกิจการหรือบริษัท 

การซื้อของหรือเอกสารค่าใช้จ่ายของกิจการทุกอย่าง ต้องซื้อในนามบริษัทเท่านั้น ต้องออกเป็นใบเสร็จรับเงิน/ ใบกำกับภาษี หรือบิลเงินสดต้องมีชื่อ ที่อยู่ของผู้ขาย และต้องระบุชื่อบริษัทของเรา

5.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

ต้องมีการหัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในฐานะที่กิจการเป็นผู้จ่ายเงิน ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเอาไว้ส่วนหนึ่ง ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ตามอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย  0-5 % แตกต่างกันตามประเภทเงินที่จ่าย

6.การนำส่งภาษี 

จัดเตรียมเอกสารทางบัญชี ภาษี รวบรวมเอกสารทั้งรายรับและรายจ่ายของกิจการทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อสรุปข้อมูลและนำส่งภาษี ในปีแรกๆหากมีความพร้อมสามารถรวบรวมเอกสาร จากนั้นค่อยส่งให้สำนักงานบัญชีสรุปบัญชี เพื่อตรวจสอบงบการเงิน และยื่นภาษีที่เกี่ยวข้องของกิจการ หลังจากสิ้นปีแทนกิจการ (ทำบัญชีและปิดงบรายปี) หรืออาจจะเลือกจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อบันทึกบัญชีและนำส่งภาษีให้กิจการเป็นรายเดือน (บริการบัญชีรายเดือน) ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน 

7.ข้อมูลสวัสดิการพนักงาน 

หากเป็นคนไทยนายจ้างต้องปฏิบัติตามกฏหมายคุ้มครองแรงงานอย่างเคร่งครัด เช่น การกำหนดเวลาในการทำงาน ไม่เกิน 8 ชม/วัน หรือตามที่นายจ้าง ลูกจ้างตกลงกัน และไม่เกิน 48 ชม./สัปดาห์ มีวันลาต่าง ๆ ชัดเจน มีค่าตอบแทน ค่าล่วงเวลาตามเหมาะสม รวมถึงการปฏิบัติต่อกันและกัน โดยยึดถือข้อปฏิบัติตามที่กฏหมายได้ระบุเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นปัญหาตามมาภายหลัง

อ่านต่อเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง : กฏหมายคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน

กรณีที่มีแรงงานต่างด้าวทำงานในบริษัท การจ้างแรงงานต่างด้าวในไทย โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ต้องใช้แรงงาน ซึ่งจะทำการจ้างงานภายใต้ข้อตกลงร่วมกันระหว่างประเทศ (MOU) สำหรับต่างด้าวจาก 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม แต่ที่สำคัญแรงงานต่างด้าวนั้นสามารถประกอบอาชีพได้จำกัดเท่าที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้น โดยปัจจุบันตามมติคณะรัฐมนตรี ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (พม่า ลาว และกัมพูชา) ทำงานได้ 2 อาชีพ คือ 1. งานกรรมกร และ 2. งานบ้าน และส่วนค่าตอบแทนขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง และต้องขึ้นทะเบียนให้ถูกตองตามที่กฏหมายไทยกำหนด

กิจการที่มีลูกจ้างต่างด้าว ในการเข้ามาประกอบธุรกิจหรือทำงานในประเทศไทยนั้น สำหรับชาวต่างชาติหรือต่างด้าวจะมีข้อกำหนดทางด้านกฏหมาย รวมถึงขั้นตอนที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ สำหรับการขอใบอนุญาตหรือใบประกอบกิจการสำหรับธุรกิจที่มีผู้ถือหุ้นต่างชาติในประเทศไทยจะเกี่ยวข้องกับสองประเภทหลักๆ คือ Foreign Business Certificate (FBC) และ Foreign Business License (FBL) ซึ่งนี้มีความแตกต่างกันในแง่ของการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจและประเภทของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต 

 

ปรึกษาการขอ FBC และ FBL สำหรับชาวต่างชาติและใบอนุญาตอื่น ๆ  ฟรี !! 

 

ทำไมผู้ประกอบการถึงต้องมีการทำบัญชี ? 

ในทุกการทำธุรกิจ การทำบัญชีไม่ใช่เพียงแค่การบันทึกข้อมูล หรือการจัดการเอกสาร เก็บหลักฐานใบเสร็จต่าง ๆ แต่ยังเป็นหัวใจของการบริหารธุรกิจที่ช่วยให้ผู้ประกอบการควบคุมและพัฒนากิจการอย่างยั่งยืนในระยะยาว การทำบัญชีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการและการตัดสินใจในธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

เหตุผลหลักที่ต้องมีการทำบัญชีอย่างรัดกุม 

1.ติดตามรายรับรายจ่าย และการวางแผนทางการเงินของบริษัท 

การทำบัญชีช่วยบันทึกและตรวจสอบรายรับรายจ่ายทั้งหมด ทำให้ผู้ประกอบการทราบสถานะการเงินของธุรกิจอย่างแม่นยำและทันเวลาในแต่ละช่วงเดือนของบริษัท ด้วยข้อมูลบัญชีที่เป็นระบบ ข้อมูลทางบัญชีเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจ เช่น การตั้งราคาสินค้า การลงทุน หรือการลดต้นทุน ผู้ประกอบการสามารถวิเคราะห์แนวโน้มทางการเงิน กำหนดงบประมาณ และวางแผนการขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจ 

2. การยื่นภาษีหรือตรวจสอบบัญชี

การทำบัญชีช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย เช่น การยื่นภาษี การตรวจสอบบัญชี หรือการรายงานการเงินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

3. เป็นกลไกในการตรวจสอบ ป้องกันการทุจริตภายในองค์กรให้รัดกุมมากขึ้น

การทำบัญชียังมีประโยชน์ในการช่วยตรวจสอบและควบคุมการทำงานภายในองค์กร ช่วยให้ระบบทางการเงิน ตรวจสอบได้ มีความโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมไปถึงการป้องกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั่นเอง

4.เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทมากยิ่งขึ้น

การมีบัญชีที่โปร่งใสและเป็นระเบียบช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ลงทุน คู่ค้า หรือธนาคาร หากต้องการขอสินเชื่อหรือหาพันธมิตรธุรกิจ

5. ใช้ในการวัดผลการดำเนินงานของบริษัทที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

ผู้ประกอบการสามารถใช้ข้อมูลบัญชีวิเคราะห์ผลประกอบการ เปรียบเทียบรายได้กับเป้าหมาย และปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้เหมาะสม

โดยสรุปแล้ว การทำบัญชีนั้น มีความจำเป็น และมีความสำคัญมาก ในการประกอบธุรกิจ ถ้าหากทำธุรกิจแล้วขาดข้อมูลทางบัญชีอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างไม่รู้สภาพที่แท้จริง ซึ่งจะส่งผลทำให้ยากต่อการบริหารจัดการ การวางแผนทางการเงิน และที่สำคัญเลยก็คือการไม่ทำบัญชี ถือว่าเป็นการทำผิดกฏหมายอีกด้วย 

หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาบัญชีและภาษีที่มีประสบการณ์ตรง มีความสามารถในการดูแล ตรวจสอบ บัญชี รวมถึงการวางแผนภาษีในระยะยาว ขอแนะนำ FDI Accounting & Advisory ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ให้คำปรึกษามานานกว่า 30 ปี เราพร้อมให้บริการ ให้คำปรึกษาฟรี 

5 เทคนิคการทำบัญชีบริษัทให้มีประสิทธิภาพ

การทำบัญชีของบริษัท หรือนิติบุคคล ต้องมีความระมัดระวังและต้องมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีโดยตรง การจัดทำงบการเงินที่ต้องมีความถูกต้องและโปร่งใส การทำบัญชีที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้บริษัทสามารถจัดการการเงินได้ดีและลดความเสี่ยงทางกฎหมาย 

1. จัดระเบียบเอกสารและข้อมูลทางการเงิน รวมถึงใช้โปรแกรมบัญชีที่เหมาะสม 

  • ระบบเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชี เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน สัญญา หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเงินทั้งหมดให้อยู่ในที่เดียวและเรียงตามหมวดหมู่
  • ใช้ระบบดิจิทัลในการจัดการเอกสาร : การใช้ระบบจัดเก็บเอกสารแบบดิจิทัล (เช่น โปรแกรมบัญชีหรือคลาวด์) สามารถลดความยุ่งยากในการจัดเก็บ และทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วและง่ายขึ้น
  • เลือกใช้โปรแกรมบัญชีที่เหมาะกับธุรกิจ : สำหรับบริษัทนิติบุคคล ควรใช้โปรแกรมบัญชีที่รองรับการจัดทำงบการเงินที่ซับซ้อน เช่น การบันทึกบัญชีหลายประเภท การคำนวณภาษี การจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน
  • ซอฟต์แวร์ที่รองรับมาตรฐานบัญชีไทย (TFRS) : ควรเลือกโปรแกรมที่สามารถรองรับมาตรฐานบัญชีไทยเพื่อให้การจัดทำงบการเงินเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและภาษี

2. การแยกประเภทบัญชีอย่างชัดเจนและบันทึกบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

  • การแยกประเภทบัญชี: ควรแยกบัญชีออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น บัญชีรายรับ, บัญชีรายจ่าย, บัญชีสินทรัพย์, บัญชีหนี้สิน, และบัญชีทุน เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามและการจัดทำงบการเงิน
  • การบันทึกการทำธุรกรรมอย่างละเอียด: ทุกธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นต้องมีรายละเอียด เช่น วันที่, จำนวนเงิน, รายละเอียดการทำธุรกรรม และประเภทบัญชีที่เกี่ยวข้อง
  • บันทึกบัญชีทุกวัน: การบันทึกบัญชีอย่างสม่ำเสมอทุกวันหรือทุกสัปดาห์จะช่วยให้ข้อมูลทางการเงินถูกต้องและทันสมัย ไม่เกิดความผิดพลาดในการคำนวณภายหลัง
  • การบันทึกธุรกรรมทุกประเภท: ไม่ควรละเลยการบันทึกธุรกรรมที่เล็กน้อย เพราะทุกธุรกรรมมีผลต่อการคำนวณงบการเงิน

3. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานการบัญชี

  • การตรวจสอบบัญชีภายใน: ควรตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจสอบรายการบัญชีให้ตรงกับเอกสารที่ได้รับมา และการตรวจสอบความสมดุลของงบการเงิน
  • การเปรียบเทียบงบการเงิน: เปรียบเทียบข้อมูลจากงบการเงินในแต่ละเดือนหรือไตรมาส เพื่อหาความผิดปกติหรือความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
  • ปฏิบัติตามกฎหมายภาษี: การทำบัญชีต้องปฏิบัติตามกฎหมายภาษีของไทย เช่น การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และการยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) ภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • ใช้มาตรฐานการบัญชีที่ถูกต้อง: ปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีไทย (TFRS) ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ใช้ในการจัดทำงบการเงินให้มีความถูกต้องและตรงตามมาตรฐานระดับสากล

4. การวิเคราะห์และรายงานผลการเงินและการควบคุมภายในและการตรวจสอบ

  • การสร้างรายงานทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ: รายงานทางการเงินที่สำคัญ เช่น งบกำไรขาดทุน, งบแสดงฐานะการเงิน และงบกระแสเงินสด ต้องมีความถูกต้องและสะท้อนผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างชัดเจน
  • การวิเคราะห์ทางการเงิน: การใช้ข้อมูลจากงบการเงินในการวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร, ความเสี่ยงทางการเงิน, หรือการวิเคราะห์กระแสเงินสดที่มีผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
  • การจัดทำระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ: มีการแยกหน้าที่ระหว่างพนักงานที่รับผิดชอบการทำบัญชีและพนักงานที่ตรวจสอบบัญชีเพื่อป้องกันการทุจริตและข้อผิดพลาด
  • การตรวจสอบจากภายนอก: บริษัทควรตรวจสอบบัญชีโดยผู้ตรวจสอบภายนอก (External Auditor) เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดทำงบการเงินเป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

5. การวางแผนภาษีและการบริหารภาษี

  • การวางแผนภาษีที่มีประสิทธิภาพ: บริษัทควรมีการวางแผนภาษีอย่างรอบคอบเพื่อให้สามารถบริหารภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เสียภาษีเกินควร
  • การยื่นภาษีอย่างตรงเวลา: การยื่นภาษีทั้งภาษีเงินได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีอื่น ๆ ต้องทำให้ตรงตามกำหนดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับ

 

ควรเลือกแบบไหน ทำเองหรือจ้างผู้มีประสบการณ์ดูแล ? 

เป็นคำถามที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้ง สำหรับกิจการ บริษัทที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ซึ่งจากคำถาม FDI ขอแนะนำว่า ขึ้นอยู่กับขนาดบริษัท และประเภทธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ด้วย ถ้าหากเป็นกิจการขนาดเล็ก ที่มีรายได้หมุนเวียนต่อเดือนไม่มาก การทำบัญชีเองก็อาจจะเป็นการบริหารงานที่เหมาะสมมากกว่าการจ้างสำนักงานบัญชีดูแล แต่ถ้าหากกิจการเริ่มมีรายได้ที่มากขึั้น รายได้จากหลายช่องทาง นั่นหมายถึงกิจการเริ่มมีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น จะดีกว่าไหม? ถ้าหากคุณบริหารเวลาไปดูแลกิจการในส่วนอื่นให้ธุรกิจโตไปได้ไกลกว่าที่เป็น แล้วหาผู้มีประสบการณ์ทางด้านบัญชีและภาษี หรือสำนักงานบัญชี ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอยู่แล้ว เข้ามาวางแผนระบบบัญชี ภาษี ทำให้การทำงานในส่วนนี้ง่ายขึ้น มีความเป็นระบบ ตรวจสอบได้ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น การเลือกใช้บริการสำนักงานบัญชีก็อาจจะตอบโจทย์ในตรงนี้นั่นเอง

 

FDI Accounting & Advisory ที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างครบวงจร ง่าย ครบ จบ ในที่เดียว!

ทุกธุรกิจเติบโตได้ ง่ายนิดเดียว เพียงปรึกษา FDI บริการครบ ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์เชิงลึกในหลากหลายธุรกิจ ตอบโจทย์ในทุกธุรกิจ

ทันสมัย รวดเร็ว บริการทุกท่านด้วยความยินดี เราพร้อมที่จะมอบประสบการณ์และส่งต่อคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับทุกท่าน

 

ช่องทางติดต่อ 

  • Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
  • E-mail : reception@fdi.co.th
  • Website : www.fdi.co.th

 

Blogที่น่าสนใจ

5 เทคนิค การทำบัญชีนิติบุคคลให้มีประสิทธิภาพ จดทะเบียนบริษัทใหม่ทำบัญชีเองดีไหม?

การทำบัญชีนิติบุคคล สำหรับบริษัทที่พึ่งเริ่มต้นธุรกิจ  เมื่อจดทะเบียนบริษัทในรูปแบบของนิติบุคคลแล้ว...

Read More
วางระบบบัญชี

การวางระบบบัญชีบริษัท เกี่ยวกับการเปิดบัญชีนิติบุคคล สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี สำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้นกิจการมือใหม่ !

การดำเนินการวางแผนธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่คัญ ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนการเปิดบริษัทใหม่ ก็คือการเปิดบัญชีนิติบุคคล...

Read More