Eco-friendly products คืออะไร ?
Eco-Friendly Products หมายถึง ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีการออกแบบมาและผลิตขึ้นโดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตของสินค้า ตั้งแต่กระบวนการจัดหา การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการหลังใช้งาน (End-of-Life Management) เช่น การรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ซึ่งสินค้าต่างๆที่ผลิตขึ้นมาต้องส่งผลกระทบต่อโลก ต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด หรือมีแนวทางในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อมน้อยลงหรือไม่ส่งผลเลย ซึ่งสินค้า
ลักษณะสำคัญของ Eco-Friendly Products ได้แก่
- ใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน (Sustainable Materials)
- ใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต
- ลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint)
- บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้
- เป็นมิตรต่อผู้ใช้และสัตว์ทดลอง (Cruelty-Free / Non-toxic)
“สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” แค่ชื่อดูดี หรือเปลี่ยนโลกสร้างความยั่งยืนได้จริง ?
จากข้อมูลรายงานของ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Environment Programme (UNEP) ระบุว่า อุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 45% ของการปล่อยทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคและธุรกิจไปสู่สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะส่งผลอย่างมากต่ออนาคตของโลก ที่ทำให้เห็นชัดมากขึ้น ว่าทำไมโลกยุคปัจจุบันต้องให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นที่น่าจับตาและต้องร่วมมือกันเพราะถ้ามีการส่งเสริม สนับสนุนสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้นจะเกิดผลดีต่าง ๆ อีกมากมายเลยทีเดียว
สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีการแผนทั้งห่วงโซ่ที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยวางแผนอย่างรัดกุมตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำ โดยยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน กล่าวคือ
- ต้นน้ำ (Upstream) : แหล่งวัตถุดิบที่ไม่รุกล้ำสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ฝ้ายออร์แกนิก ไม้ปลูกทดแทน หรือพลาสติกรีไซเคิล
- กลางน้ำ (Midstream) : โรงงานผลิตที่ใช้พลังงานสะอาด ลดของเสีย มีระบบจัดการน้ำเสีย
- ปลายน้ำ (Downstream) : ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ลดคาร์บอน เช่น การขนส่งแบบรวมศูนย์ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่สร้างขยะเพิ่ม
- หลังใช้งาน (End-of-Life) : การย่อยสลาย การรีไซเคิล หรือระบบ take-back มีการจัดการนำกลับมาสลายอย่างมีแนวทาง
ตัวอย่างแบรนด์สินค้าที่เราคุ้นเคย เช่น
- เสื้อผ้าจากขวดพลาสติกรีไซเคิล: แบรนด์เช่น Patagonia หรือ Adidas ได้พัฒนาเสื้อผ้ากีฬาและรองเท้าจากขวด PET ที่ผ่านการรีไซเคิล ซึ่งช่วยลดขยะพลาสติกและลดการใช้พลังงานเทียบกับการผลิตใหม่
- บรรจุภัณฑ์กระดาษแทนพลาสติก: Starbucks, McDonald’s และ Amazon กำลังเร่งเปลี่ยนระบบบรรจุภัณฑ์ของตนเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปราศจากสารพิษ: เช่นแบรนด์ Seventh Generation ที่เน้นความปลอดภัยต่อผู้ใช้และแหล่งน้ำ
ตลาดสีเขียวในประเทศไทย แนวโน้มและทิศทางของสินค้ารักษ์โลก ปี 2025
ในปีนี้แน่นอนว่าในประเทศไทย แบรนด์ใหญ่มีการพัฒนาสินค้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด เช่น Central ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ Green Product / Local Eco Products การทำโครงการ Hug The Earth , ThaiBev ใช้ขวดรีไซเคิลได้ 100% มีโครงการ “คืนขวด PET” และระบบหมุนเวียนขวด รวมถึงผลิตสินค้าจาก อลูมิเนียมรีไซเคิล และ กล่องกระดาษ FSC
สินค้ารักษ์โลกเริ่มเติบโตมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคและผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจออร์แกนิก ร้านค้า zero waste ไปจนถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องสำอางที่หันมาใช้วัตถุดิบธรรมชาติ
ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น แบรนด์ “ReReef” ที่ผลิตกระเบื้องปะการังจากวัสดุเหลือใช้ เพื่อลดของเสียและช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ หรือแบรนด์ “Happy Earth Farm” ที่จำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์พร้อมบรรจุภัณฑ์ย่อยสลาย หรือแบรนด์ที่ผู้ประกอบการอาหารคุ้นเคยอย่าง Gracz ภาชนะจากชานอ้อย ที่เป็นผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable) เช่น จาน ชาม กล่องข้าว ผลิตจากชานอ้อยเหลือใช้จากอุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาล รวมถึงยังมีแบรนด์ SME อีกมากมายที่มีผลิตภัณฑ์สินค้าที่น่าสนใจอีกมากมาย ในบทความถัดไปจะพาไปเจาะลึกกันต่อ รอติดตามได้เลย
ผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นในสังคม
- สร้างความตื่นตัวและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน
- การผลิตสินค้ามีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Emission) ในกระบวนการผลิต ซึ่ง GHG อย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดภาวะโลกเดือด
- เป็นการลดปริมาณขยะในระบบสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้แล้ว สามารถนำมาผ่านกระบวนการเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ หรือย่อยสลายได้เองในธรรมชาติ
- สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ (Green Economy) ให้เติบโตได้มากขึ้น สอดคล้องตามเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค และเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระดับสากลอีกด้วย
เปิด“มุมมองผู้บริโภค กับ 5 เหตุผล” ที่ตอบได้ว่า ทำไมเราจึงควรสนับสนุนสินค้า Eco-Friendly
- ด้วยเหตุผลที่ว่ากลุ่มสินค้าเหล่านี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ลดผลกระทบจาก Climate Change มีการใช้พลังงานสะอาด หรือปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งมีส่วนช่วยที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
- เป็นการลดขยะพลาสติก และปัญหาขยะทางทะเล ที่เป็นขยะจากการใช้งานครั้งเดียว จนเกิดเป็นปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย
- เป็นการสนับสนุน “Circular Economy” สินค้าที่หมุนเวียนทรัพยากรได้ เช่น สินค้าที่ใช้วัสดุรีไซเคิล, รีฟิล หรือสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำใหม่อีกครั้ง
- เป็นการผลักดันภาคธุรกิจให้เปลี่ยนแปลง อย่างที่ทราบกันดีว่าถ้าคนตัวเล็กทำก็อาจจะไม่มีพลังกระเพื่อมขนาดใหญ่เท่าคนตัวใหญ่ เมื่อผู้บริโภค “เลือกบริโภคด้วยกระเป๋าสตางค์” แบรนด์ย่อมปรับตัวเข้าหาผู้บริโภค ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเกิดผลที่ดีตามมา
- ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลดมลพิษทางอากาศ น้ำ และดิน ที่เกิดจากกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ลดสารเคมีตกค้างในผลิตภัณฑ์
บทสรุปกล่าวได้ว่า การสนับสนุน Eco-Friendly Products หรือ “สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือกที่ดูดีหรือเพื่อภาพลักษณ์เท่านั้น แต่เป็นการกระทำที่ทรงพลังของผู้บริโภคที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง การเลือกซื้ออสินค้าที่เป็นมิตรต่อโลก ลดการใช้พลาสติก สนับสนุนแบรนด์ที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบแหล่งที่มา การดำเนินการ การกำจัดของเสีย ตลอดจนกระบวนการนำกลับมาพัฒนา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันภาคธุรกิจให้ยึดแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น
ในฐานะที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน FDI Group ขอสนับสนุนให้ผู้บริโภคและองค์กรในไทย ร่วมมือกันให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ เพราะนอกจากจะส่งผลดีต่อโลก ยังสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสอดรับกับเทรนด์ ESG, SDGs และแนวนโยบาย BCG ของประเทศในอนาคตด้วย
หากคุณหรือองค์กร ต้องการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม FDI เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน พร้อมแนะนำกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจตามโมเดล BCG และขับเคลื่อนแนวทาง ESG โดยคำนึงจากกิจกรรมการดำเนินงานของลูกค้าและบริษัทของคู่ค้าเป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์และความยั่งยืนขององค์กรสูงสุด พร้อมคำแนะนำและข้อเสนอเกี่ยวกับโอกาสทางการค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
Contact Us
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
BlogArticles
ต้องรู้! เพิ่มโอกาส สร้างความเข้าใจสู่ความยั่งยืน ด้วยการจัดอบรมพนักงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ในวันที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกปี องค์กรที่ไม่ปรับตัว อาจจะคว้าโอกาสทางการค้าไม่ทัน...
Read Moreชี้พิกัด 10 สินค้า Green Product ในไทยสุดว๊าว ! สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมน่าสนใจอย่างไรไปดูกันเลย
ความน่าสนใจของ Green Product...
Read MoreSDGs x ESG เชื่อมโยงเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนของโลกและอนาคตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
เมื่อโลกเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อน ดูทีท่าจะแก้ยากมากขึ้น ทั้งความยากจน...
Read More