จากภาวะโลกร้อน สู่ภาวะโลกเดือด ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นวิกฤตของคนทั้งโลกต้องจับตา!

จากภาวะโลกร้อน สู่ภาวะโลกเดือด ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นวิกฤตของคนทั้งโลกต้องจับตา!

ภาวะโลกเดือดไม่ใช่แค่เรื่องของ “ความร้อน” แต่เป็นวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบทั้งในระดับปัจเจกและระดับโลก ความรุนแรงนี้ทำให้การแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้อย่างรวดเร็วที่สุด

ความรุนแรงจากภาวะโลกร้อนสู่ภาวะโลกเดือด ผลกระทบหนักต่อสิ่งมีชีวิตในหลากหลายมิติ

“ภาวะโลกเดือด” เริ่มได้รับความสนใจเมื่อผู้นำหรือองค์กรระดับนานาชาติ เช่น องค์การสหประชาชาติ (UN) และนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศ ใช้คำนี้เพื่อสร้างจุดสนใจให้เห็นถึงความรุนแรงของวิกฤตภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้น และกระตุ้นให้ทุกคนเร่งแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานหมุนเวียน

คำนี้สะท้อนถึงความรุนแรงที่ไม่ใช่แค่ “ความร้อน” แต่ยังรวมถึงผลกระทบที่ครอบคลุมทุกด้านของชีวิตบนโลกใบนี้ หากไม่มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ

ความรุนแรงที่เห็นได้ชัด จากวิกฤตไฟป่าแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ข่าวร้ายต้นปี 2025 (7 ม.ค. 2568) คร่าชีวิตมนุษย์และสัตว์ เสียหายทางเศรษฐกิจราว 1.73 ล้านล้านบาท 

ถือเป็นข่าวเศร้ารับต้นปีเลยทีเดียว กับสถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา โดย BCC NEW ไทย ได้ให้ข้อมูลว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย และต้องอพยพประชาชนกว่า 1.37 แสนคน ออกจากพื้นที่ ขณะที่ต้องระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 1,400 คน ท่ามกลางอุปสรรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลมกระโชกแรง ความแห้งแล้งในพื้นที่ และขาดแคลนน้ำเพื่อนำมาช่วยดับเพลิง  มีพื้นที่ที่เกิดไฟป่าอย่างน้อย 7 แห่ง สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน พื้นที่เพราะปลูกอย่างมหาศาล 

ปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟป่าใหญ่ครั้งนี้เกิดจากอะไร 

ผลการวิจัยของรัฐบาลสหรัฐฯ ชี้ว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดไฟป่าครั้งนี้ กระแสลมที่พัดแรงและความแห้งแล้งเป็นสาเหตุหลักของไฟป่ากลางฤดูหนาว ทำให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางของไฟได้ จนเกิดเหตุไม่คาดฝันที่คร่าชีวิตคน สัตว์พร้อมความเสียหายครั้งใหญ่นี้ 

ถอดบทเรียนอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ของวิกฤตที่ทวีความรุนแรงของภัยพิบัติธรรมชาติ !!

ปัจจัยหลักอะไรบ้าง ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกเดือด สาเหตุที่ทำให้วิกฤตภาวะโลกเดือดรุนแรงขึ้น ?

จากปัจจัยด้านพฤติกรรมของมนุษย์

1. การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emissions) 

  • การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และก๊าซมีเทน (CH₄) ในปริมาณมหาศาล
  • การทำปศุสัตว์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งสำคัญของก๊าซมีเทน
  • การตัดไม้ทำลายป่า ลดความสามารถของธรรมชาติในการดูดซับ CO₂
  • กระบวนการผลิตที่ไม่มีคุณภาพ ไม่สามารถควบคุมและจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 

1.1 วัฒนธรรมการบริโภคที่ไม่ยั่งยืน

การบริโภคอาหารที่ไม่ยั่งยืนจากพฤติกรรมของมนุษย์

  • การบริโภคอาหารที่มาจากการผลิตที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การบริโภคเนื้อสัตว์จากฟาร์มที่มีการใช้ทรัพยากรในการผลิตสูง หรือการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกค่อนข้างสูง
  • การสูญเสียและทิ้งอาหาร (food waste) ทั้งจากอุตสาหกรรมการผลิต และภาคครัวเรือน ซึ่งการทิ้งอาหารที่ยังสามารถบริโภคได้ หรือการบริโภคในปริมาณมากเกินไปโดยไม่คิดถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ 

การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยและการบริโภคการใช้แล้วทิ้ง

  • การบริโภคสินค้าผลิตจากวัสดุที่ไม่ยั่งยืน เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น (Fast fashion) ที่ผลิตในปริมาณมาก ปรับเปลี่ยนการใช้ไปตามกระแส เทรนด์ และถูกทิ้งเมื่อไม่เป็นที่นิยม
  • การซื้อสินค้าโดยไม่มีความจำเป็น เช่น การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยที่ทำให้เกิดการผลิตมากเกินไป ซึ่งจะทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจใช้พลังงานที่ไม่ยั่งยืน รวมถึงการขยายเขตเมืองและอุตสาหกรรม 

  • ระบบพลังงานที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลมากเกินไป
  • การผลิตไฟฟ้า การขนส่ง และอุตสาหกรรมที่ไม่ได้ใช้พลังงานหมุนเวียน

2.1 การขยายตัวของเมืองและอุตสาหกรรม

  • การขยายตัวของเมืองใหญ่และการพัฒนาอุตสาหกรรมเพิ่มความร้อนในท้องถิ่นและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • การแปลงพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ธรรมชาติไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรมหรือเมือง ทำให้ดินปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
  • การผลิตขยะมูลฝอยและการจัดการขยะที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทน

2.2 การทำลายป่าและพื้นที่สีเขียว (Deforestation) เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

  • การตัดไม้เพื่อเกษตรกรรม การสร้างที่อยู่อาศัย และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการลดลงของป่าไม้ ซึ่งเป็นตัวดูดซับคาร์บอนตามธรรมชาติลดน้อยลงตามไปด้วย  

2.3 อุตสาหกรรมการผลิตและการบริโภคที่เกินพอดี

  • การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในปริมาณมากและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินขีดจำกัด
  • ระบบห่วงโซ่อุปทานที่มีการขนส่งระยะไกล ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซ CO₂ เพิ่มขึ้น

2.4  กิจกรรมการเกษตร

  • การใช้ปุ๋ยเคมีในกิจกรรมทางการเกษตรปริมาณมาก  ทั้งในระบบอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N₂O) เพิ่มมากขึ้น 

2.5 กิจกรรมการปศุสัตว์

  • กระบวนการเลี้ยงสัตว์ ในระบบอุตสาหกรรมทำให้ปล่อยก๊าซมีเทนในปริมาณสูง
  • การจัดการมูลสัตว์ การเก็บและจัดการมูลสัตว์ โดยเฉพาะในระบบที่มีการเก็บมูลในที่ชื้นแฉะ เช่น บ่อหมักหรือบ่อเก็บมูล จะเกิดกระบวนการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน ทำให้ปล่อยก๊าซมีเทนในปริมาณมาก 
  • การผลิตอาหารสัตว์  การปลูกพืชอาหารสัตว์ต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ซึ่งกระบวนการผลิตและการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนจะปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์
  • การขนส่งและกระบวนการแปรรูป  การขนส่งอาหารสัตว์ สัตว์มีชีวิต และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ตลอดจนกระบวนการแปรรูปและเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น

การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่น่ากังวลจนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบนิเวศและมนุษยชาติในหลากหลาย ที่เป็นความจำเป็นเรื่องเร่งด่วนในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังต้องปรับตัวและสร้างความร่วมมือระดับโลกเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ผลกระทบที่เกิดขึ้นในภาวะโลกเดือด

1.เกิดคลื่นความร้อนที่ร้อนมากขึ้นกว่าเดิม วิกฤตจากภูมิอากาศที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เช่น ผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ เพิ่มอัตราการเสียชีวิตจากโรคและการแพร่ระบาดของโลก 

2.การละลายของน้ำแข็งขั้วโลก  NASA พบว่า น้ำแข็งในขั้วโลกเหนืออย่างกรีนแลนด์ และขั้วโลกใต้แอนตาร์กติกา ละลายเร็วขึ้นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายไวขึ้น 6-7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน และ น้ำแข็งกรีนแลนด์ได้หายไปถึง 4,700 ล้านตัน มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 1.2 เซนติเมตร เมื่อน้ำทะเลสูงเพิ่มขึ้น พนที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลก็จะท่วมง่ายมากขึ้น 

3.ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ผลพวงจากน้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้น ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งเกิดความเสียหายจากคลื่นที่กระทบอย่างรุนแรง 

4.ภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ  เกิดภัยพิบัติที่มีความรุนแรง นับว่าเป็นวิกฤตเลยก็ว่าได้  เช่น พายุ น้ำท่วม และไฟป่าที่เพิ่มความถี่และความรุนแรง ซึ่งในบางพื้นที่ไม่เคยถูกน้ำท่วม แต่ปัจจุบันน้ำท่วมทุกปี หรือการเกิดไฟป่าที่ทำให้สิ่งมีชีวิตหลายชนิดสูญพันธุ์หรือตายลง

ผลกระทบทางตรงต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม 

  1. ผลกระทบต่อมนุษย์ในภาวะโลกเดือด
  • ด้านสุขภาพ คลื่นความร้อนที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ เช่น การเกิดโรคลมแดด (Heat Stroke) โรคทางเดินหายใจ และโรคหัวใจ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของสารก่อภูมิแพ้ในอากาศยังทำให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และหอบหืดมีอาการรุนแรงขึ้น
  • ด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง เช่น การแห้งแล้งและน้ำท่วมที่ทำลายพืชผล การขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกษตรกรรมยังส่งผลต่อปริมาณอาหารในตลาดโลก
  • ด้านความเป็นอยู่และที่อยู่อาศัย ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้ชุมชนชายฝั่งหลายแห่งถูกน้ำท่วม ต้องย้ายถิ่นฐาน และเผชิญกับความเสี่ยงจากพายุที่รุนแรงมากขึ้น
  1. ผลกระทบต่อสัตว์ป่าในภาวะโลกเดือด
  • ด้านการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทำให้สัตว์หลายชนิดสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย เช่น หมีขั้วโลกที่ต้องพึ่งพาน้ำแข็งในทะเล หรือสัตว์ทะเลที่ต้องเผชิญกับการฟอกขาวของปะการัง
  • ด้านการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการอพยพ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้สัตว์บางชนิดต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการอพยพ ซึ่งอาจส่งผลต่อการอยู่รอดและการสืบพันธุ์
  • ด้านความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ทำให้จำนวนประชากรลดลงจนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เช่น นกเพนกวินบางสายพันธุ์และกบในเขตร้อน
  1. Impact on the ecosystem
  • การเสื่อมสภาพของปะการัง  ปะการังที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลหลายชนิดกำลังเสื่อมสภาพจากการฟอกขาวเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อาหาร  การลดลงของสัตว์บางชนิดในระบบนิเวศ เช่น ปลาเล็กในมหาสมุทร ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสัตว์ที่อยู่ในระดับสูงกว่าในห่วงโซ่อาหาร
  • การเปลี่ยนแปลงของลักษณะทางกายภาพของระบบนิเวศ เช่น การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชุ่มน้ำไปเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง
  1. ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
  • ความเสื่อมโทรมของดินและแหล่งน้ำ  การแห้งแล้งและการใช้น้ำเกินพอดีทำให้แหล่งน้ำจืดลดน้อยลงและดินเสื่อมคุณภาพ
  • มหาสมุทรที่ร้อนขึ้น  ส่งผลต่อสัตว์ทะเล เช่น การลดจำนวนของปลาที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญของมนุษย์
  • การเปลี่ยนแปลงของพืชพรรณธรรมชาติ  อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้พืชบางชนิดเติบโตได้ยากและสูญพันธุ์ในบางพื้นที่

เราจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร ?

การแก้ไขปัญหาภาวะโลกเดือดเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องมีส่วนร่วม โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่แต่ละคนทำในชีวิตประจำวัน เมื่อรวมกันแล้วสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกในระยะยาวได้ เป็นการทำงานร่วมกันทั้งในระดับบุคคล ชุมชน ประเทศและระดับโลกจะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ได้

ร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ดียิ่งขึ้น

FDI ในฐานะที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เรามุ่งผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม  โดยการให้คำปรึกษาภาคธุรกิจในการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับองค์กรและผลิตภัณฑ์ 

ในบริการนี้ ถือเป็นการจัดการคาร์บอนให้ลดน้อยลง we are committed to providing consulting for every business to grow sustainably while caring for the environment. Our goal is to pass on sustainability to both the environment and society, as well as to support long-term business operations. 

FDI Group ขอเชิญชวนทุกองค์กร ร่วมกันตั้งเป้าหมายและขับเคลื่อนสู่ Net Zero ร่วมกันสร้างโลกสีเขียวเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจไปด้วยกัน

FDI Accounting & Advisory,

Comprehensive business consulting services!

Website : www.fdi.co.th

Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895

E-mail :  infojob@fdi.co.th

Facebook : FDI Group – Business Consulting

Line Official : @fdigroup

BlogArticles

What is Thailand Taxonomy? A new standard for a low-carbon society.

เคยสงสัยกันหรือไม่ ? ว่าการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของแต่ละธุรกิจดำเนินการกันจริงจังหรือทำเพื่อกล่าวอ้าง...

Read More