องค์กรต้องทำอย่างไร ? ให้ธุรกิจเติบโตได้ยั่งยืน ที่ไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่เปลี่ยนให้เป็นโอกาสแห่งธุรกิจ

องค์กรต้องทำอย่างไร ? ให้ธุรกิจเติบโตได้ยั่งยืน ที่ไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่เปลี่ยนให้เป็นโอกาสแห่งธุรกิจ

ถ้าหากพูดถึงความยั่งยืน (Sustainability) หลายคนอาจจะมองถึงการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) หรือโครงการรักษ์โลก โครงการทำเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปลูกป่า ที่มองว่าก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงในยุคปัจจุบัน “ความยั่งยืน” มีความหมายลึกซึ้งและเป็นได้มากกว่าขอบเขตนั้น เพราะความยั่งยืนไม่ได้ทำเพียงเพื่อให้ดูแลสิ่งแวดล้อมหรือช่วยเหลือสังคมในระยะเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น แต่ต้องทำต่อเนื่องในระยะยาว จนสิ่ง ๆ นั้นมีผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวได้ โดยความยั่งยืนที่กำลังจะพูดถึงนี้ กลายเป็นแกนหลักที่องค์กรเน้นให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะความยั่งยืนไม่ได้ตอบโจทย์แต่เพียงองค์กรเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงชีวิตประจำวันและการทำงานของคนทุกคนอีกด้วย 

Charles Darwin กล่าวไว้ว่า “It is not the strongest of the species that survives, nor the most intelligent that survives. It is the one that is the most adaptable to change.” “ไม่ใช่ว่าคนที่แข็งแรงที่สุดหรือฉลาดที่สุดที่จะอยู่รอด แต่คนที่ปรับตัวมากที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงต่างหากที่จะอยู่รอด” 

องค์กรธุรกิจหรือบุคคลก็เช่นเดียวกัน คนที่ปรับตัวได้ดีที่สุดคือคนที่อยู่รอด จากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อค่านิยมที่ถูกปลูกฝังลงภายใต้จิตสำนึก เกิดจากการมีทัศนคติที่ดีในระดับบุคคล ซึ่งสามารถนำไปสู่การตัดสินใจและการกระทำที่ส่งผลดีต่อทั้งตัวเองและสังคมรอบข้างได้โดยง่าย 

โดยในบทความนี้ จะพาทุกท่านมารู้ถึงผลกระทบของก๊าซเรือนกระจก ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต รวมถึงจะทำอย่างไรให้องค์กรเกิดแนวคิดแห่งความยั่งยืน และการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ที่โครงการต่าง ๆ นั้น จะสามารถเกิดขึ้นได้จริง ถ้าหากสิ่งที่ทำนั้น เกิดจากค่านิยม ทัศนคติแห่งความยั่งยืนของเราทุกคน ที่เริ่มจากจุดเล็ก ๆ หากรวมกันก็จะกลายเป็นแรงกระเพื่อมให้สำเร็จอย่างยั่งยืนได้โดยง่าย

ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมกับบทบาทในการร่วมผลักดัน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สถานการณ์ภาวะโลกร้อน (Global Warming) เป็นปัญหาที่มนุษยชาติต้องเผชิญมาหลายทศวรรษ แต่ปัจจุบันวิกฤติได้ทวีความรุนแรงจนถูกเรียกว่า “ภาวะโลกเดือด” (Global Boiling) ซึ่งสะท้อนถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและผลกระทบที่รุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และชีวิตของมนุษย์เอง ภาวะโลกเดือดไม่ใช่เพียงปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นวิกฤตระดับโลกที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่จำเป็นต้องตระหนักและลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อหยุดยั้งและชะลอความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อโลกและคนรุ่นหลัง 

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกเดือดในปัจุจบัน คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศก็มีหลายชนิดด้วยกัน ทั้งจากกิจกรรมของมนุษย์และที่มีอยู่ในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัสออกไซด์  กลุ่มก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน กลุ่มก๊าซเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ และ ไนโตรเจน ไตรฟลูออไรด์ ทุกวันนี้ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น มีปริมาณก๊าซเพิ่มขึ้นจำนวนมากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด ที่เป็นผลมาจากกิจกรรมต่างๆ จากพฤติกรรมการกระทำของมนุษย์ในแต่ละวัน ดังนั้นหนึ่งในทางออกที่สำคัญที่จำเป็นต้องทำของทุกองค์กรธุรกิจก็คือต้องเร่งร่วมมือกันในการดปริมาณการปล่อยก๊าซเรืนกระจกลง ซึ่งต้องทราบแหล่งที่มีการปล่อยให้แน่ชัดว่าปล่อยปริมาณเท่าใด จากแหล่งไหน จะสามารถจัดการควบคุม มีทางออกที่รองรับด้านใดบ้าง 

อ่านต่อ.. จากภาวะโลกร้อน สู่ภาวะโลกเดือด การเปลี่ยนแปลงที่เป็นวิกฤตของคนทั้งโลก ที่ต้องจับตา!

ทำไมต้องใช้บริการจากที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม 

  • สามารถให้คำแนะนำเชิงลึกในการวางกลยุทธ์การดำเนินงาน วางแผน วิเคราะห์กระบวนการทำงานขององค์กรหรือธุรกิจ เสนอแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ตอบโจทย์สิ่งที่องค์กรต้องการเร่งแก้ไขอย่างตรงจุดภายในเวลาที่จำกัด นำเสนอแผนการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
  • เราให้คำแนะนำสามารถปฏิบัติตามกฏหมายและมาตรฐานสากลที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องหลายประเทศและองค์กรมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจก เช่น ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) , มาตรฐาน ISO 14064 และ CBAM เป็นต้น 
  • สามารถดำเนินการได้เร็วมากขึ้น จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรของ FDI Group
  • ช่วยออกแบบและส่งเสริมการมีส่วนร่วม สร้างองค์ความรู้ รวมถึงทัศนคติที่ดีในการทำเพื่อสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนที่ต้องการให้เกิดขึ้น โดยมองเห็นเป้าหมายในการทำร่วมกันในทั้งองค์กร ในทุกระดับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง

คลิกชมตัวอย่าง Success Case ในการได้รับฉลาก Carbon Label

การให้คำปรึกษาด้านประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับองค์กรและผลิตภัณฑ์ 

FDI ให้บริการที่เกี่ยวข้องในด้านใดบ้าง 

  • บริการให้คำปรึกษา BCG (Bio-circular-Green Economy Business Model) ตามแนวทางนโยบาย
  • บริการประเมินเเละจัดทำให้คำปรึกษาคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization, CFO) และ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product, CFP) สร้างการเติบโตในธุรกิจ เพิ่มความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคม 
  • บริการจัดเก็บข้อมูล Green House Gas Report รายเดือน และวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมการติดตาม ประเมินผลลัพธ์โดยผู้เชี่ยวชาญ
  • ให้คำปรึกษาโครงการ BCG-ESG ในระยะยาว สำหรับทุกองค์กร ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรม
  • บริการ Carbon Net Zero Event ครอบคลุมตอบโจทย์ Event ยุคใหม่ 
  • บริการ Energy Dashboard Platform ครอบคลุม Scope 1 , 2 และ 3
  • บริการจัดการฝึกอบรมเกี่ยวกับ Carbon Management และการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

การดำเนินการจะเกิดผลลัพธ์ได้ดีที่สุด สร้างความยั่งยืนที่ครอบคลุมได้ในหลากหลายมิติ ถ้าหากเริ่มจาก Mindset 

หากวัดผลจากข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลดลงก็อาจจะถือว่าสำเร็จในการดำเนินการระดับองค์กร แต่ไม่จบเพียงเท่านั้น การสร้าง Mindset แห่งความยั่งยืนให้ทุกคนในองค์กรนั้นสำคัญยิ่งกว่า สำคัญกว่าการทำโครงการ CSR เพียงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเสียด้วยซ้ำ เพราะความยั่งยืนที่แท้จริง คือเพื่อสร้างโอกาสใหม่ในการดำเนินธุรกิจให้เพิ่มขึ้น รวมถึงการต่อยอดให้ความยั่งยืนนี้ สามารถเชื่อมโยงกันในทุกมิติ โดยเริ่มจากทัศนคติ ความเชื่อ หรือที่เราคุ้นเคยกันใน “ Mindset “  แล้วสิ่งนี้จะสามารถต่อยอด เสริมสร้างแนวคิดความยั่งยืนนี้ได้อย่างไรบ้าง 

1.การมองภาพรวมที่จะเกิดขึ้นและเห็นภาพในระยะยาว 

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเชื่อมโยงกัน การกระทำใด ๆ  ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ถ้าหากเรามองภาพรวมเชื่อมโงกันได้ก็ช่วยให้สามารถตัดสินใจในเรื่องเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนได้เหมาะสมมากขึ้น 

2.การวางแผนสร้างประโยชน์ในระยะยาว 

แน่นอนว่าทุกการทำธุรกิจ ธุรกิจจะอยู่รอดได้ถ้าหากมีกำไร ที่ส่งเสริมการดำเนินงานให้มีสภาพคล่องมากขึ้น แต่ต้องควบคู่ไปกับการไม่มุ่งหวังเพียงผลประโยชน์ในระยะสั้น แต่เป็นการวางแผนและดำเนินการเพื่อสร้างผลประโยชน์ที่ยั่งยืนในระยะยาวให้เกิดขึ้น ทั้งจากการลงทุนในทรัพยากรที่ใช้ได้อย่างยาวนาน การพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนชุมชนและสังคมให้เติบโตไปพร้อม ๆ กับการดำเนินธุรกิจ

3.การปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง

ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบของเราในทุก ๆ การกระทำที่มีผลต่อส่วนอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทรัพยากร การบริหารจัดการของเสีย ธรรมาภิบาล หรือการสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ด้วยเหตุผลที่ว่าความยั่งยืนไม่ได้เกิดขึ้นเพียงพริบตา สร้างไม่ได้ในคืนเดียว แต่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและสังคม

การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มจาก Mindset แห่งความยั่งยืนนั้น จะช่วยส่งเสริมให้การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นไปด้วยประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้มีส่วนได้เสีย คู่ค้า องค์กรภายใน ชุมชน และสังคมส่วนรวม 

เริ่มเปลี่ยนองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งสีเขียว !! 

อยากเริ่มทำไม่รู้จะเริ่มอย่างไรให้ถูกต้อง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ตอนนี้ 

ช่องทางติดต่อ 

  • Facebook : FDI Group – Business Consulting
  • Line : @fdigroup
  • Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
  • E-mail : infojob@fdi.co.th
  • Website : www.fdi.co.th

บทความที่น่าสนใจ

เข้าใจคาร์บอนเครดิตใน 5 นาที! กลไกสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจก

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง จึงจำเป็นและเป็นเรื่องที่สำคัญในการจัดการปัญหานี้โดยเร่งด่วน ซึ่ง...

Read More

“คาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้” ข้อกำหนดและกลไก รวมถึงตัวอย่างโครงการในไทย

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวิกฤตโลกร้อนกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนของมนุษยชาติ ที่เราต่างต้องร่วมมือกันหาทางออกในการลดปัญหานี้โดยเร็ว ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน...

Read More