ใบ ภ.พ. 20 คืออะไร สำคัญอย่างไรสำหรับคนทำธุรกิจ
การจดทะเบียนภ.พ. 20 คือ กระบวนการที่ผู้ประกอบการธุรกิจยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับ กรมสรรพากร เพื่อให้ธุรกิจของตนได้รับการยอมรับตามกฎหมายในการจัดเก็บและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม เหมาะสำหรับธุรกิจและกิจการที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
ใบ ภ.พ. 20 คืออะไร
ใบ ภ.พ. 20 เป็นใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าบริษัทนั้นได้จด Vat หรือเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว นั่นหมายความว่าผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องมีหน้าที่เพิ่มเติมดังนี้
- ยอดขายทุกๆรายการที่เกิดขึ้นจะต้องคิด Vat 7% และนำส่งภาษีขายให้แก่กรมสรรพากร
- ภาษีซื้อที่เกิดจากยอดซื้อต่างๆ บริษัทต้องเก็บใบกำกับภาษีเอาไว้ เพื่อเป็นหลักฐานในการเครดิตภาษี (คือการนำภาษีซื้อมาหักออกจากภาษีขาย)
- จะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มโดยใช้แบบ ภพ.30 เป็นประจำทุกเดือน
ตัวอย่าง บริษัท AAA จำกัด มียอดขายทั้งเดือนที่ 10,000 บาท มีภาษีขาย 7% คือ 700 บาท และบริษัทมียอดซื้อทั้งเดือนที่ 8000 บาท มีภาษีซื้อที่ 7% ที่ 560 บาท ดังนั้นยอดที่ทางบริษัทต้องนำส่ง ภพ 30 ให้แก่กรมสรรพากรคือ 700 – 560 = 140 บาท นั่นเอง แต่หากภาษีขาย น้อยกว่า ภาษีซื้อ ยอดที่ติดลบสามารถนำมาเป็นเครดิตภาษีใช้ในเดือนถัดไปได้
ข้อมูลที่มีใน ใบ ภ.พ. 20 มีรายละเอียดที่สำคัญอะไรบ้าง
- คำว่า ภพ 20 ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
- ชื่อผู้ประกอบการ
- ชื่อสถานประกอบการ
- เลือกแสดงว่าเป็นสำนักงานใหญ่ หรือสาขา
- ที่อยู่ของบริษัท
- เบอร์ติดต่อของบริษัท
- วันที่ให้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ชื่อและตำแหน่งเจ้าหน้าที่สรรพากรของผู้ออกทะเบียนนี้
เพิ่มเติม : ตัวอย่าง ใบ ภ.พ. 30 FDI ให้บริการขอใบอนุญาตนี้เช่นเดียวกัน
วิธีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในประเทศไทยเป็นกระบวนการที่ผู้ประกอบการธุรกิจต้องดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายภาษีอากร และเพื่อความสะดวกในการจัดเก็บและนำส่งภาษี หากคุณต้องการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถปรึกษา FDI เพื่อรับคำปรึกษาและช่วยดำเนินการได้ด้วยความสะดวกครบครัน พร้อมค่าบริการที่เหมาะสม !
1.ตรวจเช็คความพร้อมในการจดทะเบียน
หากไม่สามารถจดเองได้ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดำเนินการให้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น
2.ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ประกอบการ
ว่าเป็นธุรกิจที่มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีหรือไม่ และหรือมีความประสงค์จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็สามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้
3.ยื่นคำขอจดทะเบียน:
- นำเอกสารที่เตรียมไว้มายื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
- กรอกข้อมูลในแบบคำขอจดทะเบียนให้ครบถ้วน และตรวจสอบความถูกต้องก่อนยื่น
4.สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนได้ 2 ช่องทาง คือ
- ยื่นแบบคำขอผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ rd.go.th
- ยื่นแบบคำขอด้วยแบบฟอร์ม ณ หน่วยจดทะเบียนที่ตั้งสถานประกอบการ
เอกสารอะไรบ้างที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ?
รายละเอียดเอกสารขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทธุรกิจและสรรพากรตามพื้นที่ที่จะจดทะเบียน
โดยมีเอกสารหลัก ดังนี้
- แบบคำขอจดทะเบียน ภ.พ.01 จำนวน 3 ฉบับ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านกรรมการผู้มีอำนาจ หรือผู้ประกอบการ 1 ฉบับ
- สำเนาทะเบียนบ้านที่ใช้ตั้งเป็นสถานประกอบการ 1 ฉบับ
- รูปภาพสำนักงานทั้งภายในและภายนอก อย่างน้อย 4 ภาพ จำนวน 2 ชุด
- แผนที่สำนักงาน 2 ชุด
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ / สำเนาใบทะเบียนพาณิชย์ / ภาพถ่ายหนังสือการจัดตั้งคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล 1 ฉบับ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) กรณีให้บุคคลอื่นยื่นจดทะเบียนแทนผิมีอำนาจของกิจการ 1 ฉบับ
- สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของสถานที่ 1 ฉบับ (กรณีผู้มีอำนาจกิจการไม่ใช่เจ้าของสถานที่)
- หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ 1 ฉบับ (กรณีผู้มีอำนาจกิจการไม่ใช่เจ้าของสถานที่)
- สัญญาเช่า 1 ฉบับ (กรณีเช่าสถานที่ตั้งสำนักงาน)
คลิ๊ก! ปรึกษา FDI บริการให้คำปรึกษาและดำเนินการแทนด้วยความเชี่ยวชาญ !!
ทำไมธุรกิจต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ประโยชน์และโอกาสที่เกิดขึ้น
1.แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินงานของกิจการ : ว่ามีระบบบริหารจัดการธุรกิจที่ดี มีการวางแผนระบบกิจการ และบัญชี ภาษี อย่างชัดเจน
2.ขอคืนภาษีซื้อได้ : เมื่อธุรกิจจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มที่จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ (ภาษีซื้อ) มาหักออกจากภาษีขายที่ต้องชำระ ทำให้ต้นทุนสินค้าหรือบริการลดลง
3.การจัดการบัญชีเป็นระบบและตรวจสอบได้ง่าย : การจดทะเบียน VAT ทำให้ธุรกิจต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อและภาษีขาย รวมถึงออกใบกำกับภาษี ซึ่งช่วยให้การจัดการบัญชีมีความเป็นระบบและง่ายต่อการตรวจสอบ
4.เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดไว้ : ธุรกิจที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปีและไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน หากธุรกิจมีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปีและไม่ดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภายใน 30 วัน ก็จะมีการโดนโทษทางอาญาตามที่กฏหมายกำหนดไว้ได้
5.เพิ่มโอกาสในการขายและความน่าเชื่อถือ : ลูกค้าหรือคู่ค้าที่เป็นนิติบุคคล ต้องมีการขอใบกำกับภาษีเพื่อนำไปใช้ในการขอคืนภาษีซื้อ ดังนั้นการจดทะเบียน VAT ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของเราได้อย่างดี
FDI ให้บริการจดทะเบียน ใบ ภ.พ. 20 และใบอนุญาตอื่น ๆ ครบวงจร
FDI เราคือผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาด้านการจดทะเบียนบริษัท และให้บริการจดทะเบียนใบอนุญาต ภพ.20 | ภพ.30 | และใบอนุญาตธุรกิจทุกประเภทในการดำเนินการในประเทศไทย บริการดำเนินการรวดเร็ว ถูกต้องตามกฎหมาย ให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ ดูแลครบทุกขั้นตอน พร้อมให้คำปรึกษา สามารถติดต่อเราเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของคุณอย่างมั่นใจ
ช่องทางติดต่อ
- Facebook : FDI Group – Business Consulting
- Line : @fdigroup
- Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895
- E-mail : infojob@fdi.co.th
- Website : www.fdi.co.th
บทความที่น่าสนใจ
หลังจดทะเบียนบริษัทแล้ว เจ้าของธุรกิจจะต้องทำบัญชี – ภาษีอย่างไร ?
ทำไมผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจต้องทำบัญชีบริษัทและยื่นภาษี ไม่ทำได้หรือไม่...
Read Moreรู้หรือไม่ ? การพัฒนาอย่างสมดุลตามกรอบ SDGs ในไทยพัฒนาไปถึงไหนแล้ว
SDGs ไทย กับแนวทางขับเคลื่อนโลกที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ...
Read MoreSME ต้องรู้ วาง”ระบบบัญชี”ให้มีประสิทธิภาพ เริ่มอย่างไรให้ธุรกิจโตไวอย่างยั่งยืน
ระบบบัญชีที่ดี คือหัวใจของธุรกิจที่ยั่งยืน พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษี ...
Read More