จดทะเบียนนิติบุคคล

เรื่องนี้ต้องรู้ ! ต่างชาติจดทะเบียนนิติบุคคล ถือหุ้น 100% ได้หรือไม่ ?

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะ และนโยบายสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ทำให้ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยสนใจเข้ามาลงทุนในไทย แต่ก่อนจะเริ่มธุรกิจอย่างเป็นทางการ หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ คือ “การจดทะเบียนนิติบุคคล” บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจประเด็นสำคัญที่ชาวต่างชาติควรรู้ก่อนเริ่มต้นจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายไทยกำหนดให้ชาวต่างชาติมีข้อจำกัดในการถือหุ้นบริษัทบางประเภท บทความนี้จึงจะมาแนะนำขั้นตอนและ วิธีจดบริษัท สำหรับชาวต่างชาติ รวมไปถึงข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ  บริการจดทะเบียนนิติบุคคล ต่างชาติต้องการถือหุ้น 100% ได้หรือไม่ ? สามารถทำได้ ในกรณีที่  ได้รับการส่งเสริมจาก BOI หรือ ลงทุนในพื้นที่หรือธุรกิจที่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย หรือ ลงทุนในธุรกิจที่ไม่อยู่ในหมวดหมู่ที่มีข้อจำกัด โดยการลงทุนในลักษณะเหล่านี้ ต้องมีการดำเนินการขออนุญาตหรือยื่นคำร้องเพื่อขอสิทธิพิเศษจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ หรือ BOI ซึ่งจะมีข้อกำหนดทางด้านกฏหมายที่ต้องจดทะเบียนบริษัทให้ถูกต้อง โดยมีรายละเอียดที่ซับซ้อน หลายขั้นตอน แนะนำให้ศึกษาโดยละเอียดหรือปรึกษา FDI ผู้เชี่ยวชาญด้านจดจัดตั้งบริษัท เพื่อให้ได้คำตอบที่ตรงจุด รวมถึงการทำงานที่โดนใจ  จดทะเบียนนิติบุคคลของชาวต่างชาติแบ่งได้กี่กรณี  ในการจดทะเบียนบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้น จะคล้ายกับแบบที่คนไทยจดทะเบียนบริษัท แต่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณี มีรายละเอียดคือ  1.ชาวต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49 % บริษัทจะยังคงจัดอยู่ในสถานะเป็นบริษัทในสัญชาติไทย สามารถดำเนินกิจการได้ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ เพราะอัตราส่วนของการถือหุ้น 49% ของชาวต่างชาติถือว่าน้อยกว่าหุ้นคนไทย  2.ชาวต่างชาติถือหุ้นมากกว่า 50 % จะถือว่าเป็นบริษัทต่างชาติ ซึ่งต้องมีการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งมีข้อจำกัดในบางส่วน คือ ห้ามถือครองที่ดิน และ ห้ามประกอบธุรกิจบางประเภท  หรือห้ามประกอบธุรกิจนอกจากได้รับอนุญาต (ในบัญชี 2 และ 3)  ของพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เข้าใจได้ง่ายนิดเดียวกับ  ” พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542  (Foreign Business Act B.E. 2542 (1999) “ หนึ่งในกฎหมายหลักที่ควบคุมการลงทุนของชาวต่างชาติ คือ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า FBA ซึ่งกำหนดประเภทของธุรกิจที่ชาวต่างชาติ ห้าม ประกอบ และธุรกิจที่สามารถทำได้ แต่ต้องขอใบอนุญาตก่อน โดยธุรกิจจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก บัญชี 1 : ห้ามชาวต่างชาติทำโดยเด็ดขาด (เช่น กิจการที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทย การทำเกษตร ฯลฯ) […]

ทำธุรกิจอยู่แต่เป็นบุคคลธรรมดา กับจดทะเบียนนิติบุคคล แบบไหนตอบโจทย์มากกว่า ?

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ เปิดร้านค้าหรือให้บริการต่าง ๆ จะนิยมดำเนินธุรกิจในรูปแบบ “บุคคลธรรมดา” มากกว่า ซึ่งมีความสะดวกและไม่ยุ่งยากในการเริ่มต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป รายได้เริ่มมากขึ้น ธุรกิจมีการขยายตัว การวางแผนทางภาษีและความน่าเชื่อถือก็กลายเป็นประเด็นสำคัญ จึงเกิดคำถามว่า ควรจดทะเบียนนิติบุคคลดีหรือไม่ ? แล้วแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของเรา  ในบทความนี้จะพาไปวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย พร้อมให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ธุรกิจของตนเองในปัจจุบันเพื่อให้เกิดความราบรื่นในการดำเนินธุรกิจให้มากที่สุด  จดทะเบียนนิติบุคคลแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของเรา ? ทำความเข้าใจในความแตกต่างพื้นฐานระหว่าง “บุคคลธรรมดา” กับ “นิติบุคคล”  บุคคลธรรมดา หมายถึง การที่บุคคลคนหนึ่งประกอบธุรกิจในนามตนเอง เช่น ขายของออนไลน์ เปิดร้านซ่อมมือถือ รับงานกราฟิก ฯลฯ ซึ่งสามารถจดทะเบียนพาณิชย์ในชื่อร้านได้ แต่เจ้าของยังคงเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในทุกด้านของธุรกิจ ทั้งผลกำไร หนี้สิน และภาระภาษี นิติบุคคล หมายถึง องค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายแยกจากตัวบุคคล เช่น บริษัทจำกัด หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยต้องมีการ จดทะเบียนนิติบุคคล กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีการจัดทำบัญชีแบบเป็นระบบ และมีความรับผิดจำกัดตามเงินลงทุน เป็นต้น เปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสียของแต่ละรูปแบบที่ควรพิจารณา  สิ่งที่คุณต้องพิจารณาก่อนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยใช้เกณฑ์พิจารณาโดยใช้ปัจจัยด้านบัญชีและภาษี  1.พิจารณาจากอัตราภาษีที่เสียในปัจจุบัน  ต้องเทียบอัตราที่เราเสียภาษีในนามบุคคลธรรมดาว่ายื่นเสียภาษีในอัตราเท่าใดในช่วง 5%-35% จากนั้นให้ทำการเทียบกับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดที่ 20% ถ้าอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่า 20% ก็อาจเป็นอีกเหตุผลที่ต้องเริ่มมีการจดทะเบียนบริษัท  2.การเป็นนิติบุคคลแบบ SMEs  สรรพากรกำหนลักษณะเฉพาะสำหรับ SMEs ขึ้นมาเพื่อบรรเทาภาระทางภาษี และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่นิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งกำหนดเงื่อนไขเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน มีเงื่อนไขหลัก คือ  2.1 ทุนจดทะเบียนและชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท และ  2.2 มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกิน 30 ล้านบาท  3.รายได้กิจการถึงเกณฑ์จดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ 1.8 ล้าน แล้ว  ซึ่งเมื่อมีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แล้ว จะพิจารณาจากรายได้ไม่ใช่กำไรของกิจการ ซึ่งไม่ว่าจะบุคคลหรือนิติบุคคลหากมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในปีเกิน 1.8 ล้าน ต้องมีการจด VAT ซึ่งมีผลต่อภาระทางภาษีต้องทำเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น ออกใบกำกับภาษีเมื่อขายสินค้า ทำรายงานภาษีซื้อภาษีขาย นำส่งแบบ ภ.พ.30 ให้สรรพากรในทุกเดือน  ซึ่งจากประเด็นหลัก 3 ประเด็นด้านบัญชีและภาษี จะช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจได้ว่าควรจดบริษัทหรือเป็นนิติบุคคลธรรมดาต่อไปนั่นเอง  วิเคราะห์ในมุม “ภาษี”  ปัจจัยที่หลายคนมองข้าม หนึ่งในข้อแตกต่างที่สำคัญคือ […]