การวางระบบบัญชีบริษัท เกี่ยวกับการเปิดบัญชีนิติบุคคล สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี สำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้นกิจการมือใหม่ !

วางระบบบัญชี

การวางระบบบัญชีบริษัท เกี่ยวกับการเปิดบัญชีนิติบุคคล สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี สำหรับผู้ประกอบการเริ่มต้นกิจการมือใหม่ !

การดำเนินการวางแผนธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่คัญ ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนการเปิดบริษัทใหม่ ก็คือการเปิดบัญชีนิติบุคคล โดยแยกบัญชีออกจากบัญชีส่วนตัว โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการวางแผนภาษี และการเงิน การทำบัญชี โดยในส่วนนี้ก็จะมีบทบาทที่สำคัญในการทำธุรกิจในแทบทุกมิติ

คู่มือสำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ การวางระบบบัญชีบริษัท ก้าวแรกสู่การบริหารการเงินธุรกิจอย่างมืออาชีพ

ทำไมต้องเปิดบัญชีบริษัท ?

การวางแผนทางการเงินในการประกอบธุรกิจ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการทำธุรกิจสิ่งที่พ่วงตามมาด้วยคือการวางแผนภาษี มีการทำบัญชี ให้ทราบการเคลื่อนไหวทางการเงินบริษัท เมื่อทราบถึงการเงินก็จะสามารถวางแผนด้านอื่น ๆ ให้บรรลุเป้าหมายได้โดยง่าย ที่สำคัญการเปิดบัญชีบริษัทจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือมากกว่าบัญชีในนามบุคคล แต่ถึงจะใช้บัญชีนามบุคลก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือนั่นเอง เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ก็จะตอบโจทย์ในเรื่องของการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรอีกด้วย 

โดยการเปิดบัญชีบริษัทก็สามารถเปิดได้ด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำของแต่ละประเภท สามารถสมัครบริการทางออนไลน์ในแต่ละธนาคารไว้เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมทางธุรกิจ ที่ครอบคลุมทั้งด้านการชำระเงิน การจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน หรือแม้แต่การกู้ยืมในรูปแบบสินเชื่อที่จะใช้พัฒนาธุรกิจในอนาคต

 

เริ่มต้นธุรกิจด้วยความมั่นใจ การเปิดบัญชีนิติบุคคลคือก้าวแรกที่สำคัญ

ทำไมการแยกบัญชีจึงสำคัญ? แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ

การแยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจไม่เพียงช่วยในการจัดการการเงินที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย สร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ กิจการ 

 

5 เหตุผลข้อดี ที่ทำไมผู้ประกอบการมือใหม่ ต้องเปิดบัญชีแยก ! 

1.ทำให้การจัดการการเงินมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 

  • ความชัดเจนในรายรับ-รายจ่าย : ช่วยให้ติดตามรายรับและรายจ่ายของธุรกิจได้ง่ายขึ้น โดยไม่มีการปะปนกับค่าใช้จ่ายส่วนตัว
  • การตรวจสอบบัญชีง่าย : หากมีการตรวจสอบบัญชี (audit) หรือการจัดทำรายงานการเงิน จะช่วยให้ไม่เกิดความสับสนระหว่างรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับธุรกิจ

2.ช่วยในการคำนวณภาษีที่ถูกต้อง ง่ายมากขึ้น

  • การยื่นภาษีที่แม่นยำ: การแยกบัญชีช่วยให้การคำนวณรายได้สุทธิและค่าใช้จ่ายของธุรกิจชัดเจน และลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบภาษีจากกรมสรรพากร
  • การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี: ค่าใช้จ่ายทางธุรกิจสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ แต่ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน

3.สร้างความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ

  • ความเป็นมืออาชีพ: การใช้บัญชีธุรกิจแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีระบบและมืออาชีพ
  • สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและคู่ค้า: คู่ค้าหรือลูกค้ามักไว้วางใจธุรกิจที่แยกการเงินชัดเจน และสามารถออกใบแจ้งหนี้หรือรับเงินผ่านบัญชีธุรกิจโดยตรง

4. การป้องกันปัญหาทางกฎหมาย

  • ลดความเสี่ยงความรับผิดส่วนตัว: การปะปนรายได้ส่วนตัวและธุรกิจอาจทำให้เกิดปัญหาด้านกฎหมาย เช่น หากธุรกิจมีหนี้สิน เจ้าหนี้อาจอ้างสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนตัวได้
  • ความชัดเจนด้านกฎหมาย : โดยเฉพาะสำหรับบริษัทจำกัดที่ต้องรักษาความแยกจากทรัพย์สินส่วนตัว

5. การจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ

  • การวางแผนงบประมาณที่ดี: ช่วยให้สามารถวางแผนรายจ่ายและการลงทุนในธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การขอสินเชื่อธุรกิจ: ธนาคารมักพิจารณาบัญชีธุรกิจเพื่อประเมินศักยภาพและความน่าเชื่อถือของธุรกิจ

 

ขั้นตอนการเปิดบัญชีบริษัท

การเปิดบัญชีธนาคารสำหรับบริษัทในประเทศไทยต้องเตรียมเอกสารและดำเนินการตามขั้นตอนที่ธนาคารกำหนด ในแต่ละธนาคารจะมีข้อกำหนด เงื่อนไขต่างกันออกไปในบางกรณี โดยแนะนำให้อ่านละเอียดแต่ละธนาคารได้ที่เว็บไซต์ธนาคารที่สนใจ ซึ่งลำดับขั้นตอนการเปิดบัญชีบริษัท จะมีลำดับขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนการเปิดบัญชีบริษัทที่ธนาคารสำหรับบริษัทในประเทศไทย

1. การเตรียมเอกสารของบริษัทและเอกสารเจ้าของกิจการ กรรมการที่มีอำนาจให้พร้อม โดยตรวจสอบและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนก่อนติดต่อธนาคารเพื่อความเรียบร้อย รวดเร็ว 

เอกสารที่ต้องเตรียม 

  • หนังสือรับรองการจดทะเบียนธุรกิจ ที่นายทะเบียนรับรอง ไม่เกิน 6 เดือน
  • รายงานการประชุม หรือหนังสือแจ้งความประสงค์ขอเปิดบัญชี
  • หนังสือบริคณห์สนธิ
  • เอกสาร ที่นายทะเบียนรับรองไม่เกิน 6 เดือน
    • แบบ บอจ.3 รายการจดทะเบียนจัดตั้ง
    • แบบ บอจ.4 รายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมและหรือมติพิเศษ (ถ้ามี)
    • แบบ บอจ.5/บมจ.006 สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือเอกสารแสดงการถือหุ้น ที่ออกโดยหน่วยราชการ
  • เอกสารแสดงตนของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
    • ผู้ที่ลงนามเปิดบัญชีและผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่าย
      • บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดที่ยังไม่หมดอายุ (คนต่างด้าวใช้หนังสือเดินทาง)
      • บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ (คนต่างด้าวใช้สำเนาหนังสือเดินทาง)
        หากไม่มี ให้ใช้บัตรที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ ที่มีรูปถ่ายพร้อมระบุเลขประจำตัวประชาชน ที่ยังไม่หมดอายุ เช่น บัตรประจำตัวข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานองค์การของรัฐ หนังสือเดินทาง (Passport) ใบอนุญาตขับรถ เป็นตัน
    • ผู้มีอำนาจลงนามแทนนิติบุคคลทุกราย ผู้มีตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงสุด ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการตั้งแต่ร้อยละ 25 ขึ้นไป หากไม่มี ใช้เอกสารแสดงตนของผู้มีอำนาจควบคุมกิจการ หรือ ผู้มีตำแหน่งบริหารระดับสูงสุดของกิจการ) ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ (คนต่างด้าวใช้สำเนาหนังสือเดินทาง) และรับรองสำเนา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ธนาคารกรุงไทย 

 

2. การเลือกธนาคารและสาขา

  • เลือกธนาคารที่ตอบโจทย์ความต้องการของบริษัท เช่น มีบริการธุรกรรมออนไลน์ รองรับการออกเช็ค หรือมีบริการพิเศษสำหรับธุรกิจ
  • ตรวจสอบเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมของธนาคารแต่ละแห่ง
  • นัดเข้าจัดทำเอกสารและเปิดบัญชี

3. การตรวจสอบบัญชีและการใช้งาน

  • ตรวจสอบข้อมูลบัญชีที่ได้รับ เช่น ชื่อบัญชีและหมายเลขบัญชี
  • ทดลองใช้งานบริการต่าง ๆ เช่น การทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร
  • จัดเก็บเอกสารและข้อมูลบัญชีเพื่ออ้างอิงในอนาคต

4. คำแนะนำด้านอื่นเพิ่มเติม

  • หากบริษัทมีลักษณะเฉพาะ เช่น มีผู้ถือหุ้นต่างชาติหรือธุรกิจข้ามชาติ ควรปรึกษาธนาคารเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม หรือ ปรึกษา FDI ในส่วนของหุ้นต่างชาติหรือธุรกิจข้ามชาติที่ต้องมีการขอใบอนุญาต เรายินดีให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ 
  • ตรวจสอบนโยบายเกี่ยวกับการรายงานทางการเงินและภาษีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีธนาคารของบริษัท

 

ข้อดีและข้อเสียของการเปิดบัญชีธนาคารในนามนิติบุคคล

โดยสรุปแล้วการเปิดบัญชีธุรกิจเป็นสิ่งที่แนะนำให้ผู้ประกอบการควรทำ 

การเปิดบัญชีบริษัท ก็มีทั้งข้อดี – ข้อเสีย ที่สามารถประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจได้เช่นกัน ดังนี้

ข้อดี

1. ความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ : การใช้บัญชีนิติบุคคลสำหรับรับเงินและจ่ายเงิน ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่มืออาชีพในสายตาลูกค้าและคู่ค้า
  • ง่ายต่อการทำธุรกรรมการค้า  : สามารถออกใบแจ้งหนี้และรับเงินในชื่อบริษัทโดยตรง

2. การจัดการทางการเงิน

  • แยกการเงินส่วนตัวออกจากธุรกิจ : ลดความสับสนและช่วยบริหารจัดการการเงินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยในการตรวจสอบบัญชี : การจัดการรายรับ-รายจ่ายที่แยกชัดเจนช่วยให้การตรวจสอบบัญชีและการยื่นภาษีเป็นไปได้อย่างราบรื่น

3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี

  • การลดหย่อนภาษี : ค่าใช้จ่ายที่จ่ายผ่านบัญชีนิติบุคคลสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ หากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
  • การยื่นแบบภาษีที่ถูกต้อง : บัญชีนิติบุคคลช่วยจัดการเอกสารภาษี เช่น ภ.พ.30 และ ภ.ง.ด.50 ได้ง่ายขึ้น

4. โอกาสในการขยายธุรกิจ

  • การขอสินเชื่อธุรกิจ : การมีบัญชีนิติบุคคลที่มีประวัติการเงินดีช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจ
  • เข้าถึงบริการพิเศษ : ธนาคารมักมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนิติบุคคล เช่น การเปิด L/C (Letter of Credit)

 

ข้อเสีย

1. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

  • ค่าธรรมเนียมบัญชี : บัญชีนิติบุคคลมักมีค่าธรรมเนียมในการดูแลบัญชีสูงกว่าบัญชีส่วนบุคคล
  • ค่าดำเนินการเริ่มต้น : เช่น ค่าประทับตราและค่าเอกสารต่าง ๆ

2. กระบวนการซับซ้อน

  • การเปิดบัญชีที่ยุ่งยาก : ต้องใช้เอกสารจำนวนมาก เช่น หนังสือรับรองบริษัท บัญชีผู้ถือหุ้น และตราประทับบริษัท
  • การทำธุรกรรมต้องมีการอนุมัติ : โดยเฉพาะหากมีกรรมการหลายคน อาจต้องใช้มติที่ประชุมหรือเอกสารเพิ่มเติม

3. ความยืดหยุ่นน้อยกว่า

  • การเข้าถึงเงินทุน: การถอนเงินจากบัญชีนิติบุคคลมักต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าบัญชีส่วนบุคคล
  • ข้อกำหนดทางกฎหมาย: ต้องดำเนินการตามข้อกำหนด เช่น การรายงานบัญชีและยื่นภาษีตามระยะเวลาที่กำหนด

4. การดูแลบัญชี

  • ความยุ่งยากในการบริหาร : ต้องเก็บบันทึกรายการทั้งหมดเพื่อการตรวจสอบและการยื่นภาษี
  • ข้อผิดพลาดทางกฎหมาย : หากไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บัญชีและภาษี อาจถูกปรับหรือตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ

การลดข้อเสียในการเปิดบัญชีนิติบุคคลสามารถทำได้ด้วยการวางแผนล่วงหน้า เลือกธนาคารที่เหมาะสม และใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เพียงเท่านี้ปัญหาข้อเสียที่เกิดขึ้นก็จะมีทางออก พร้อมวิธีป้องกันรับมือแล้ว 

 

ข้อคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการวางแผนบัญชีและภาษี 

จากประสบการณ์ในการดูแล วางแผนระบบบัญชีบริษัท บัญชีนิติบุคคลให้กับองค์กร บริษัทต่าง ๆ FDI ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการวางแผนการเงิน วางแผนภาษีตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ เพื่อให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวทางการเงิน สามารถตรวจสอบ พิสูจน์ได้ เพื่อความโปร่งใส รวมถึงมีข้อมูลให้สามารถใช้ในการวางแผนเพื่อต่อยอดพัฒนาธุรกิจ ที่อาจจะเกิดขึ้นในโอกาสอันใกล้นี้ของผู้ประกอบการทุกท่าน 

 

หากต้องการที่ปรึกษาการทำบัญชี การวางแผนภาษีสำหรับนิติบุคคล FDI ยินดีให้คำปรึกษาพร้อมให้บริการการทำบัญชีรายเดือน-รายปี จากประสบการณ์กว่าหลายพันบริษัทที่ให้ความไว้วางใจให้เราได้ดูแล เราเชื่อว่าจะสามารถทำให้บัญชีบริษัทคุณเป็นไปอย่างง่ายดาย ตรงตามหลักทางบัญชีและกฏหมาย 

 

 

FDI Accounting & Advisory

ที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่างครบวงจร !

 

🌐Website : www.fdi.co.th

📞 Phone : 02-642-6866, 02-642-6869, 02-642-6895

 E-mail : reception@fdi.co.th

 Facebook : FDI Group – Business Consulting

Line Official : @fdigroup

บทความที่น่าสนใจ