FDIニュース

เริ่มแล้วจัดเก็บภาษีคาร์บอน 200 บาท/ตัน มุ่งผลักดันไทยสู่ Net Zero ครม.ยืนยันไม่กระทบค่าครองชีพประชาชนอย่างแน่นอน

เริ่มแล้วขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยการเริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอน การจัดเก็บภาษีคาร์บอนเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่รัฐบาลไทยนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เข้าสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งเป็นพันธสัญญาต่อเวทีโลกว่าประเทศไทยจะช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง รวมถึงการร่างกฏหมายอื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาและคาดว่าจะประกาศใช้ในลำดับถัดมา รัฐบาลผลักดัน ครม.เห็นชอบหลักการออกกฎกระทรวง “เก็บภาษีคาร์บอน” 200 บาท/ตัน หนุนประเทศไทยสู่ Net Zero รมช.คลัง ยืนยันไม่กระทบราคาน้ำมัน-ต้นทุนผู้ประกอบการ  เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ หลักการร่างกฎกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับกลไกราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) ซึ่งจัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยร่างกฎกระทรวงนี้เป็นข้อเสนอจาก กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ที่มุ่งหมายให้การจัดเก็บภาษีเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นให้ ผู้ประกอบการและประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emissions) และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม รายละเอียดของฉบับร่างภาษีคาร์บอน  กลุ่มสินค้าที่เข้าข่ายการจัดเก็บภาษีคาร์บอนสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ถูกกำหนดให้มีภาษีคาร์บอน ได้แก่: น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกประเภท (E10, E20, E85) น้ำมันก๊าดและน้ำมันสำหรับให้แสงสว่าง น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น น้ำมันดีเซลและน้ำมันดีเซลผสมไบโอดีเซล (B5, B7, B10) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซโพรเพน น้ำมันเตาและน้ำมันที่คล้ายกัน อัตราภาษีคาร์บอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ จัดเก็บภาษีคาร์บอนที่อัตรา 200 บาทต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า โดยมีหลักเกณฑ์การคำนวณที่พิจารณาจาก ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor) ของเชื้อเพลิงแต่ละประเภท ผลกระทบและข้อได้เปรียบของมาตรการ ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาน้ำมันและภาคอุตสาหกรรมนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่ามาตรการภาษีคาร์บอนนี้ จะไม่กระทบราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ หรือภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ เนื่องจากโครงสร้างภาษีถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกลไกทางเศรษฐกิจและนโยบายของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากกว่าการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้อุตสาหกรรมปรับตัวสู่แนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานที่ถือเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักของประเทศ (คิดเป็น 70% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในประเทศไทย) การกำหนดกลไกราคาคาร์บอนในโครงสร้างภาษีจะช่วยให้ ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยคาร์บอน เช่น สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา สร้างความตระหนักและส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของภาคประชาชนนอกจากผู้ประกอบการแล้ว นโยบายภาษีคาร์บอนยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เกิดการตระหนักมากขึ้นถึงผลกระทบจากชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกใช้น้ำมันที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะนำไปสู่การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว  แนวโน้มและทิศทางของประเทศไทยต่อเป้าหมาย Net Zero […]

FDI Group ร่วมเป็นพันธมิตรให้การสนับสนุน สวทช. จัดงานใหญ่แห่งปี “NAC2025” ผนึกพลังวิจัย ‘ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย AI’

FDI Group  ร่วมเป็นพันธมิตรให้การสนับสนุน สวทช. จัดงาน การประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20 (20th NSTDA Annual Conference : NAC2025)  เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2568  ที่ผ่านมา คุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานกลุ่มบริษัท เอฟดีไอ ร่วมงานแถลงข่าวในฐานะพันธมิตรผู้ให้การสนับสนุน การจัดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20 (20th NSTDA Annual Conference: NAC2025) ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  โดยการจัดงานในปีนี้ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย AI เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน: AI-driven Science and Technology for Sustainable Thailand” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม 2568 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี   ภายในงานแถลงข่าวนำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) พร้อมด้วยทีมนักวิจัย สวทช. ภายใต้กระทรวง อว. และหน่วยงานพันธมิตรเข้าร่วมงานกันอย่างล้นหลาม  ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “สวทช.  เป็น ขุมพลังหลักของประเทศ “  ในการขับเคลื่อนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน หรือ S&T Implementation for Sustainable Thailand การจัดงาน NSTDA Annual Conference: NAC จึงเป็นอีกงานใหญ่ที่สำคัญ ในการนำเสนอความก้าวหน้าทาง วทน. ที่ สวทช. […]

ASEANでの給与ランキングTOP5 タイはシンガポールに次いで2位 勤労者必読!各国のワークパーミット手続き

เปิดอันดับ 5 ประเทศที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูง ! ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ภูมิภาคที่ถูกจับตาจากนักลงทุนจากทั่วโลก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทั้งจากทรัพยากรทางธรรมชาติ ประชากร ศักยภาพในการเติบโตและพัฒนาได้  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่กำลังถูกบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก จับตาละหันมาลงทุนอย่างต่อเนื่อง           จากนโยบายความร่วมมือของภูมิภาคอาเซียนที่มีการลงนามร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้เป็นตลาดและฐานผลิตเดียวกัน เช่น การลงทุน สินค้าและบริการ ต่าง ๆ รวมทั้งแรงงานฝีมือ และมีการลงทุนอย่างเสรี ซึ่งทำให้การถ่ายเทแรงงานด้านฝีมือเพื่อให้สามารถทำงานในประเทศสมาชิกได้ง่ายขึ้นใน 8 สาขาอาชีพ คือ  วิศวกรรม การสำรวจ สถาปัตยกรรม แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล บัญชี การบริการ/การท่องเที่ยว         ในส่วนอาชีพอิสระที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรองสามารถเคลื่อนย้ายไป ทำงานในประเทศแถบอาเซียนได้ทันที โดยไม่มีการปิดกั้น อาชีพที่ได้ตกลงไว้คือ แพทย์ พยาบาล บัญชี สถาปนิก วิศวกร ซึ่งการไปทำงานในต่างประเทศหรือชาวต่างชาติมาทำงานในไทยก็จำเป็นที่จะต้องมี การขอต่อ Work Permit ซึ่งในอาเซียนจะแตกต่างกันไปตามกฎหมายแรงงานและข้อกำหนดของแต่ละประเทศ  ความสำคัญต่อ work permit ของการทำงานในต่างชาติ  ทำงานในต่างประเทศต้องรู้ work permit  คืออะไร  Work Permit หรือ ใบอนุญาตทำงาน คือ เอกสารทางกฎหมายที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐบาลให้กับบุคคลที่เป็นชาวต่างชาติ ที่ต้องการทำงานในประเทศนั้น ๆ โดยที่ไม่ใช่พลเมืองของประเทศนั้น ๆ ซึ่งในกรณีของประเทศไทย ใบอนุญาตทำงานนี้จะออกโดย กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถทำงานในประเทศไทยได้ตามกฎหมาย อ่านต่อ คลิก ! ทำไมต้องมี Work Permit ? ในหลาย ๆ ประเทศ เช่น ประเทศไทย การจ้างชาวต่างชาติทำงานโดยไม่มี Work Permit ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และอาจได้รับโทษทั้งนายจ้างและลูกจ้างได้ นอกจากนี้การมี Work Permit ยังช่วยให้การจ้างงานชาวต่างชาติเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบสิทธิ์ในการทำงานของบุคคลนั้นได้ อ่านต่อคลิก !  เปิดอันดับ 5 ประเทศรายได้สูงในอาเซียน ไทยติดอันดับ 2 รองสิงคโปร์  Time Doctor ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า เงินเดือนเฉลี่ยในเอเชียอยู่ที่ประมาณ […]

FDI ร่วมออกงาน 𝗦𝗠𝗖 𝗢𝗽𝗲𝗻 𝗛𝗼𝘂𝘀𝗲 𝟮𝟬𝟮𝟰 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ได้จัดงาน 𝗦𝗠𝗖 𝗢𝗽𝗲𝗻 𝗛𝗼𝘂𝘀𝗲 𝟮𝟬𝟮𝟰 ! เปิดบ้านศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ณ อาคาร D เขตนวัตกรรม ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) จังหวัดระยอง FDI ร่วมให้การสนับสนุนและออกบูธนิทรรศการให้คำแนะนำด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนแก่ผู้เข้าร่วมงาน  โดยในปีนี้มาในแนวคิด 𝗦𝘂𝘀𝘁𝗮𝗶𝗻𝗮𝗯𝗹𝗲 𝗗𝗶𝗴𝗶𝘁𝗮𝗹 𝗧𝗿𝗮𝗻𝘀𝗳𝗼𝗿𝗺𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 “เทคโนโลยีดิจิทัลเปลี่ยนอุตสาหกรรม…สู่อนาคตที่ยั่งยืน ” ซึ่งภายในงานมีการร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย โดยภายในงานนี้ 𝗙𝗗𝗜  ในฐานะสมาชิกสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย FDI ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม และได้ออกบูธให้คำปรึกษาฟรี แก่ผู้เข้าร่วมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ  ความมุ่งมั่นของศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC)  เดินหน้าภารกิจหนุนภาคอุตสาหกรรม สู่การเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเป้าหมายสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่มาตรฐาน Thailand i4.0 Index และแผนงาน Digital Transformation (DX Roadmap) ที่ครอบคลุมทั้งการวางกลยุทธ์ การลงมือปฏิบัติจริง และการสร้างความยั่งยืน  โดยไฮไลต์ในงานมีหลายส่วนที่น่าสนใจทั้งการสัมมนาในหัวข้อต่าง ๆ การเยี่ยมชม SMC Testbed เยี่ยมชม SMC Testbed: ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Motion capture, Plant simulator for digital twins ฯลฯ DX Roadmap: การวางแผนกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการผลิต: การประยุกต์ใช้ IoT, AI, LLM, Cyber Security แคมเปญพิเศษ รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่อภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ  ภายในงาน FDI ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรม และได้ออกบูธให้คำปรึกษาฟรี แก่ผู้เข้าร่วมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ พร้อมความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมไทย ทั้งการร่วมออกบูธ นิทรรศการจากสมาชิก พันธมิตร และคณะนักวิจัยของ SMC นำเสนอโซลูชัน นวัตกรรม สินค้า บริการ และประสบการณ์ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างกัน  FDI พร้อมร่วมสนับสนุน […]

รายได้เท่าไหร่ถึงเสียภาษี ปรึกษาภาษี คนทำงานต้องรู้ ฉบับเข้าใจง่าย 2024

รวมข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับภาษี ภาษีเงินได้ ปรึกษาภาษีฟรี! รายละเอียดข้อมูลที่ FDI พาไปทำความเข้าใจในบทความนี้ เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะมีความน่าสนใจอย่างไรนั้นไปติตตามกันได้ในบทความนี้ ภาษีคืออะไร  ภาษีคือ การเก็บเงินจากประชาชนหรือองค์กรโดยภาครัฐเป็นผู้จัดเก็บ ซึ่งภาษีเป็นรายได้ที่สำคัญของภาครัฐแทบทุกประเทศ เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศและให้บริการสาธารณะ เช่น การศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในสังคมในประเทศไทย ซึ่งการจ่ายภาษีอากรเป็นหน้าที่ของบุคคลที่ต้องจ่ายหรือชำระให้แก่รัฐ เพื่อที่จะเป็นรายได้ให้รัฐได้นำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างสรรค์โอกาสให้แก่ผู้ด้อยโอกาสและบุคคลอื่นๆ ในสังคม การตั้งใจไม่ชำระภาษี หลบเลี่ยงการชำระ ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญมีโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา  ภาษีแบ่งเป็นกี่ประเภท  สำหรับการจัดเก็บภาษีนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม  ภาษีทางตรง (Direct Tax) คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากรายได้หรือทรัพย์สินของบุคคลหรือองค์กร โดยที่ผู้เสียภาษีจะต้องชำระภาษีตามจำนวนรายได้หรือมูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริง ภาษีทางตรงจะมีลักษณะการเก็บที่ชัดเจน มีความแน่นอน และสามารถคำนวณได้ง่ายจากข้อมูลทางการเงินที่มีอยู่  ตัวอย่างของภาษีทางตรง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: เก็บจากรายได้ของบุคคล เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าลิขสิทธิ์ และรายได้อื่น ๆ ภาษีเงินได้นิติบุคคล: เก็บจากรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน ภาษีมรดก: เรียกเก็บจากทรัพย์สินที่ตกทอดจากผู้เสียชีวิต ภาษีทรัพย์สิน: เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเรียกเก็บจากเจ้าของทรัพย์สิน ภาษีทางอ้อม (Indirect Tax) คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการ โดยไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับรายได้ของผู้เสียภาษี ผู้บริโภคจะต้องชำระภาษีนี้ เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการ และผู้ประกอบการจะเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งภาษีไปยังรัฐบาล ซึ่งภาษีทางอ้อมนี้สามารถจัดเก็บได้ง่าย รวดเร็ว เนื่องจากอยู่ในกระบวนการซื้อขาย ถูกรวมไว้ในราคาสินค้าและบริการอยู่แล้ว  ตัวอย่างของภาษีทางอ้อม ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): เรียกเก็บจากการขายสินค้าและบริการ โดยทั่วไปอยู่ที่ 7% ภาษีสรรพสามิต: เก็บจากสินค้าบางประเภท เช่น เหล้า บุหรี่ น้ำมัน  ภาษีการค้า: เช่น ภาษีที่เรียกเก็บจากการนำเข้าสินค้าหรือการส่งออก เงินเดือนเท่าไหร่ ต้องจ่ายภาษีอย่างไรบ้าง ?   เงินเดือนเท่าไหร่ ต้องเสียภาษีอย่างไร? โดยกรมสรรพากรได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ตามระเบียบของสรรพากรได้ระบุว่า ผู้ที่มีรายได้ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินปันผลจากการดำเนินกิจการ เงินค่าเช่าบ้าน รวมถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน […]

Thailand ESG ลงทุนแบบใหม่ กองทุน ESG กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน พร้อมลดหย่อนภาษี !

ความสำคัญของการลงทุนในกองทุน ESG  การลงทุนในกองทุน ESG กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน การสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน: การลงทุนในกองทุน ESG ช่วยสนับสนุนธุรกิจที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีความรับผิดชอบ โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน: บริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG มักจะมีการบริหารจัดการที่ดีในระยะยาว ซึ่งสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน การตอบสนองต่อแนวโน้มโลก: แนวโน้มการลงทุนตามหลัก ESG กำลังเติบโตในระดับโลก เนื่องจากนักลงทุนและบริษัทต่างให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลงทุน กองทุน ESG ในประเทศไทยมีการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ลงทุนโดยพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างเข้มงวด การลงทุนในกองทุน Thailand ESG จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและในขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทหรือสินทรัพย์ที่มีการดำเนินการตามหลัก ESG คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social), และธรรมาภิบาล (Governance อันนำไปสู่ความยั่งยืนในหลากหลายมิติ ซึ่งมีข้อดีจากการดำเนินการดังกล่าวทั้งการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว รวมถึงความมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแต่ละด้านมุ่งเน้นให้ความสำคัญดังนี้ Environmental (สิ่งแวดล้อม): บริษัทที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานทดแทน หรือการรีไซเคิล Social (สังคม): บริษัทที่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของพนักงาน ชุมชน หรือสังคม เช่น การสนับสนุนสิทธิแรงงาน การสร้างความเท่าเทียม หรือการมีส่วนร่วมในโครงการสังคม Governance (ธรรมาภิบาล): บริษัทที่มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส มีการตรวจสอบการดำเนินงานที่ดี เช่น การคุ้มครองสิทธิผู้ถือหุ้น การจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจ และการมีการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นธรรม ความน่าสนใจของกองทุน  Thai ESG  สำหรับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน มีสิทธิพิเศษให้ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเหมือนกับการลงทุนใน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ขณะที่ ESG Bond มีรูปแบบคล้ายกับตราสารหนี้ปกติทั่วไป แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ของการระดมทุน ที่ต้องการนำเงินไปใช้เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยมุ่งเน้นในด้านของสิ่งแวดล้อม (Green Bond) ด้านสังคม (Social Bond) และด้านความยั่งยืน (Sustainability Bond) ความสำคัญของการลงทุนในกองทุน Thailand ESG: การสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน: การลงทุนในกองทุน ESG ช่วยสนับสนุนธุรกิจที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน: บริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG มักจะมีการบริหารจัดการที่ดีในระยะยาว ซึ่งสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน การตอบสนองต่อแนวโน้มเทรนด์โลก: แนวโน้มการลงทุนตามหลัก ESG […]

FDI Group ร่วมสนับสนุน AIT จัดงานบรรยายพิเศษ “รำลึก 20 ปีธรณีพิบัติภัยสึนามิ เหลียวหลังเพื่อแลหน้า พัฒนาการจัดการภัยพิบัติ”

สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology) ได้จัดงานบรรยายพิเศษ “รำลึก 20 ปีธรณีพิบัติภัยสึนามิ เหลียวหลังเพื่อแลหน้า พัฒนาการจัดการภัยพิบัติ” ด้วยความร่วมมือระดับอุดมศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และภาคีเครือข่าย ซึ่งได้จัดขึ้นในวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ณ หอประชุมโรเบิร์ต บีแบงค์ส สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เสด็จร่วมงาน และทรงมีพระราชดำรัสปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ภารกิจที่กรมวิทยาศาสตร์ทหารบกทำ ในธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) พ.ศ. 2547” ในโอกาสนี้ผู้บริหาร FDI Group เข้าร่วมรับเสด็จ พร้อมรับฟังบรรยายพิเศษในครั้งนี้ด้วย ซึ่งงานในครั้งนี้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียและภาคีเครือข่าย ได้จัดขึ้นเพื่อร่วมรำลึกถึงผู้ประสบภัย ผู้เสียชีวิต รวมถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์สึนามิเมื่อ 26 ธันวาคม 2547 โดยภายในงานบรรยายครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนผลการปฏิบัติงานในภาคสนามในครั้งที่เกิดภัยพิบัติ การรับมือ ตลอดจนแผนการดำเนินงานการรับมือในห้วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาในภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทย  ซึ่งมีการสะท้อนผล การรับฟังความคิดเห็น จากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรมทางการศึกษา ภายในงานได้ร่วมเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมากด้วยประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็น การร่วมเสวนาหัวข้อ “การจัดการศพและการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลในธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) พ.ศ. 2547” โดย แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์โรจนสุนันท์  พลโท นายแพทย์ปราโมทย์อิ่มวัฒนา และคุณอรุณสวัสดิ์  ภูริทัตพงศ์ ร่วมเสวนาหัวข้อ “(20 ปี สึนามิจากภาครัฐสู่การจัดการภัยพิบัติระดับชุมชน)” โดยรองศาสตราจารย์ทวิดา กมลเวชช และคุณไมตรี จงไกรจักร์ ศาสตราจารย์ เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ บรรยายหัวข้อ “การเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติสึนามิในอนาคต” ซึ่งได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวในการจัดการภัยพิบัติในเหตุการณ์ครั้งนั้น รวมถึงการถอดบทเรียน เรียกร้องการหาแนวทางการรับมือ สะท้อนปัญหาเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ทางภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต จากการจัดงานดังกล่าวนั้น ถือเป็นความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมการศึกษาระดับสูง เพื่อความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ (HEIP-CR) ซึ่งริเริ่มโดย DPMM และมุ่งเน้นการเสริมสร้างการวิจัย นวัตกรรม และการสร้างขีดความสามารถด้านภัยพิบัติและความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยผ่านความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม คุณพัชราภรณ์ เวชวิทยาขลัง ประธานกลุ่มบริษัท เอฟดีไอ กรุ๊ป ในฐานะภาคีเครือข่ายเข้าร่วมสนับสนุน และร่วมรับฟัง งานบรรยายพิเศษ “รำลึก 20 ปีธรณีพิบัติภัยสึนามิ เหลียวหลังเพื่อแลหน้า พัฒนาการจัดการภัยพิบัติ” […]

พัฒนาธุรกิจให้ทันเทรนด์ปี 2025 รวมเทรนด์พัฒนาธุรกิจที่น่าสนใจ

เทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2025 พัฒนาธุรกิจให้ทันเทรนด์ นับถอยหลังเพียงอีก 1 เดือน ก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2025 แต่ละองค์กรต่างเตรียมความพร้อมพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และความท้าทายใหม่ๆ ก็เข้ามาทดสอบธุรกิจทุกประเภท ซึ่งหากท่านใดที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนหรือสร้างธุรกิจใหม่อยู่นั้น การทำความเข้าใจเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจในปี 2025 FDI เชื่อว่าในบทความนี้จะสามารถสร้างไอเดียใหม่ ให้ความเข้าใจในโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้สำหรับนักลงทุนหรือคนที่กำลังอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี เทรนด์ที่น่าสนใจและลงทุน เทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning  เทคโนโลยี AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรมมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หรือการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น พัฒนาซอฟต์แวร์ AI, บริการที่ปรึกษา AI, และแอปพลิเคชันที่ใช้ AI จะมีโอกาสเติบโตอย่างมาก ยกตัวอย่าง บริษัทโทรศัพท์ค่ายสีเขียวได้พัฒนาธุรกิจ ใช้ AI Voice Bot ในการติดต่อลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เช่น การโทรแจ้งนัดหมาย การโทรติดตามหนี้ การโทรนัดรับสินค้า ซึ่งการนำ AI มาใช้กับธุรกิจ ช่วยลดต้นทุนเวลาและทรัพยากรบุคคลไปได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว  เทรนด์ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในระยะยาว รับผิดชอบต่อสังคม และมีธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ จะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมากขึ้น สำหรับเทรนด์ธุรกิจสีเขียวนี้ FDI ให้ความเห็นว่าเป็นธุรกิจที่น่าจับตามาเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากการพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์สีเขียวนั้น จะช่วยตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ สร้างความยั่งยืน ลดต้นทุนได้ในระยะยาว อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐอีกด้วย  เทรนด์อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT)   IoT หรืออินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things) หมายถึงเครือข่ายรวมของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกันและเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์กับระบบคลาวด์ ตลอดจนระหว่างอุปกรณ์ด้วยกันเอง อุปกรณ์ต่างๆ จะเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้เกิดข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ IoT ที่สามารถเป็นไอเดียได้ เช่น เซ็นเซอร์, ระบบควบคุมอัตโนมัติ, และแพลตฟอร์ม IoT เป็นต้น จะเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ยกตัวอย่างธุรกิจ เช่น ระบบปลูกพืชด้วยน้ำสามารถใช้เซ็นเซอร์ IoT เพื่อจัดการสวน โดยการเปิดปิดระบบน้ำ ไฟ ด้วยเซ็นเซอร์โดยสามารถระบุเวลา หรือปิดอุปกรณ์ที่ไม่ใช้เเล้วได้  เทรนด์สุขภาพและ Wellness  ยุคของเทรนด์สุขภาพและการดูแลตัวเอง ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้สูงอายุ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและ […]

FDI Group : จัดอบรม”Fostering Teamwork and Collaboration” ให้กับบริษัท โอแลม (ประเทศไทย) จำกัด

FDI รับจัดอบรม ! เพิ่มขีดความสามารถ Up Skills การทำงานร่วมกันในองค์กร  เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา FDI Group ได้จัดอบรม In-house Training โดยได้รับเกียรติและความร่วมมือให้พัฒนา เพิ่มทักษะที่สำคัญในการทำงานของบุคลากร บริษัท โอแลม (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้จัดอบรม Up Skill ในหัวข้อ “Fostering Teamwork and Collaboration”  หลักสูตรฝึกอบรมการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมได้จัดขึ้นอย่างน่าสนใจ เพื่อส่งเสริมทัศนคติในการทำงานร่วมกันเชิงบวกอย่างสร้างสรรค์ โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ที่มากด้วยประสบการณ์เชิงลึกให้คำแนะนำ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมที่สร้างประสบการณ์ เติมเต็มทักษะใหม่ให้กับผู้เข้าอบรม ซึ่งผู้เข้าร่วมอบรมให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการอบรมหัวข้อดังกล่าว การจัดอบรมพัฒนาบุคลากรครั้งนี้ ในหัวข้อ “Fostering Teamwork and Collaboration”  หลักสูตรฝึกอบรมการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกัน จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งการสร้างทัศนคติเชิงบวกทั้งการสื่อสาร ความเข้าใจในธรรมชาติของการเป็นมนุษย์ ผ่านการทำอบรมทั้งทฤษฏี และปฏิบัติ ผ่านกิจกรรม Work Shop ที่สร้างสรรค์ตลอดทั้งวัน  โดยใช้หลักการความเข้าใจในความแตกต่างของบุคคลิกภาพทางจิตวิทยาพื้นฐาน ขอขอบคุณ บริษัท โอแลม (ประเทศไทย) จำกัด ที่มอบความไว้วางใจให้แก่เราได้ดูแล  #HRD #HRDservice #OlamThailand ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการอบรม  บุคลากรมีทักษะ ทัศนคติเชิงบวก ทั้งการทำงานร่วมกัน การสื่อสารได้ดีมากขึ้น มีความไว้วางใจ มีความเชื่อมั่นระหว่างการทำงานร่วกันมากยิ่งขึ้น สามารถนำความรู้ที่ได้ นำมาปรับใช้ในการทำงานทั้งต่อตนเอง และการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี   FDI Group ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาและความเชี่ยวชาญด้าน In-House Training  การพัฒนาองค์กรไม่ใช่เพียงแต่การปรับปรุงในด้านการทำงานเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์และการสื่อสารที่ดีในองค์กร รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต และการเรียนรู้ของบุคลากรทุกคน การพัฒนาองค์กรให้เติบโตระยะยาว ไม่เพียงแต่พัฒนาเพียงด้านใดด้านหนึ่ง แต่ต้องพัฒนาให้สอดคล้องกันในทุกมิติ  โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรที่สำคัญ ที่ทุกองค์กรจะมองข้ามไปเลยไม่ได้ อย่าง “ทรัพยากรมนุษย์“ ตัวอย่างหัวข้อการจัดอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญอย่าง FDI ขอแนะนำ  การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) กลยุทธ์การบริหารงานและบริหารคนขั้นสูง การสร้างสัมพันธภาพที่ดีในการทำงานร่วมกัน โดยแต่ละหัวข้อการอบรมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามโครงสร้างตามบริบท ของแต่ละองค์กร เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้  สำหรับองค์กรใดที่มีความสนใจจัดอบรมภายในองค์กร  FDI Group มีความพร้อม และยินดี ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการการอบรมรูปแบบต่าง ๆ  […]

FDIグループ 30周年記念

ก้าวสู่ 3 ทศวรรษ ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในวงการที่ปรึกษาธุรกิจ  ความภูมิใจในการก้าวสู่ปีที่ 30 บริษัท เอฟ ดี ไอ แอคเคาน์ติ้ง แอนด์ แอดไวซอรี่ จำกัด ในฐานะบริษัทในเครือ  เอฟ ดี ไอ กรุ๊ป  ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาธุรกิจ สัญชาติญี่ปุ่น-ไทย ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 โดยให้บริการที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่หลากหลายอย่างครบวงจร จากความไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณภาพ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ครอบคลุมทุกประเภทธุรกิจที่มากมาย ด้วยการได้ดูแลบริษัทหลายพันองค์กร เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของเหล่าลูกค้าและคู่ค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในบริการของเรามาโดยตลอด กว่า30ปีเราได้มีการพัฒนาและขยายขอบเขตการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อตอบโจทย์และตอกย้ำความเป็นบริษัทที่ปรึกษาครบวงจรเรื่องธุรกิจ และเพื่อส่งต่อคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับทุกธุรกิจในสังคมไทยต่อไปอย่างยั่งยืน   คำแนะนำจากการดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 30 ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกธุรกิจ การแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องมีความคล่องตัวและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในหลากหลายมุมมองธุรกิจ ให้มีความแตกต่าง และมีจุดแข็งที่โดดเด่นจากบริษัทอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันทั้งในเรื่องของการกำกับดูแลคุณภาพสินค้า บริการ จริยธรรม และการใส่ใจสังคมตลอด 30 ปีที่ผ่านมาเราจึงมักเห็นหลากหลายบริษัทที่มีความสามารถในการปรับตัวให้รวดเร็วภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ สามารถผ่าคลื่นลมของวิกฤตภัยธรรมชาติ โรคระบาด สงครามเศรษฐกิจ และสงครามเทคโนโลยีต่างๆ มากได้ด้วยการปรับตัว และหมั่นปรับปรุงกลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ จึงอาจกล่าวได้ว่าการเตรียมความพร้อมธุรกิจให้เป็นองค์กรที่พร้อมแก่การปรับตัวตามสภาวะแวดล้อม แต่ยังคงหาจุดเด่นของตัวเองไม่หลงลืมตัวตนจะกลายเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตของธุรกิจในยุคปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ กลยุทธ์ในการปรับตัวสำหรับธุรกิจจาก FDI Group คือ 1.หมั่นจัดทำแผนประเมินความเสี่ยงธุรกิจและซ้อมรับมือจากแผนนั้นๆในทุกๆ มิติ เพื่อการเตรียมการรับมือในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดจากภัยต่างๆ 2.พัฒนาขีดความสามารถของบุคคลากรอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้พวกเขาหมดไฟในการที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะการพัฒนาของพวกเขาคือการพัฒนาองค์กรในระยะยาว 3.กล้าที่จะพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาด การไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมเป็นเรื่องที่ท้าทายในหลายๆองค์กร แต่การสร้างวัฒนธรรมในการแสดงความกล้าลอง มักเป็นหนึ่งในทางรอดสำหรับธุรกิจในยามเกิดวิกฤตเสมอ 4.การลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ไม่ใช่แค่การทำ CSR ในยุกปัจจุบันการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อาจไม่ใช่แค่การลงทุนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร แต่อาจหมายถึงการที่คุณจะยังคงสามารถอยู่ในรายชื่อของผู้ให้บริการ หรือคู่ค้า กับบริษัทอื่นๆ ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย 5.อย่ามองว่าการให้ความรู้ด้านการบัญชีและภาษีเป็นเพียงแผนกบัญชีและภาษีที่ต้องรับผิดชอบ หลายบริษัทมักมีปัญหาในการจัดการบัญชีและภาษีระหว่างเดือน หรือ ระหว่างปี เป็นเพราะผู้ปฏิบัติงานไม่เข้าใจในการจัดการบัญชีและภาษี จึงไม่อาจมองในภาพรวมขององค์กรออก ส่งผลให้การจัดทำเอกสารส่งบัญชีมักมีปัญหาและสร้างความไม่ลงรอยกันระหว่างแผนกบ่อยครั้ง อีกครั้งความรู้ด้านการบัญชีและภาษีต่ำทำให้เขาเหล่านั้นไม่สามารถวางแผนการเงินของตนเองได้และส่งผลกระทบต่อความใส่ใจในการปฏิบัติงานมากขึ้น เพราะมีเรื่องส่วนตัวด้านการเงินให้คิดเยอะเกินไป และอาจส่งผลให้เกิดการ turn over สูงจากการซื้อตัวระหว่างบริษัทที่มีเม็ดเงินมาจูงใจเป็นเหตุผล จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเราพบว่าปัญหาต่างๆ มักถูกแก้ได้เบื้องต้นด้วยคำแนะนำทั้ง 5 ข้อนี้ โดยมีรายละเอียด ที่แต่ละบริษัทจะสามารถนำไปปรับใช้ได้ในมิติที่แตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญคือการสร้างความภาคภูมิใจในงาน และคุณค่าในตัวเองของทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดอีกส่วนหนึ่งที่ทุกธุรกิจจะมองข้ามไปไม่ได้เลย FDI Group ร่วมสร้างสังคมที่ดี อย่างยั่งยืน FDI มีนโยบายสนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมที่ดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในหลากหลายมิติ อาทิ การให้ความรู้ด้วยการจัดสัมนาต่างๆ ทั้งแบบไม่มีค่าใช้จ่าย […]

1 2 3 4