เริ่มแล้วจัดเก็บภาษีคาร์บอน 200 บาท/ตัน มุ่งผลักดันไทยสู่ Net Zero ครม.ยืนยันไม่กระทบค่าครองชีพประชาชนอย่างแน่นอน
เริ่มแล้วขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยการเริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอน การจัดเก็บภาษีคาร์บอนเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่รัฐบาลไทยนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เข้าสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งเป็นพันธสัญญาต่อเวทีโลกว่าประเทศไทยจะช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง รวมถึงการร่างกฏหมายอื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาและคาดว่าจะประกาศใช้ในลำดับถัดมา รัฐบาลผลักดัน ครม.เห็นชอบหลักการออกกฎกระทรวง “เก็บภาษีคาร์บอน” 200 บาท/ตัน หนุนประเทศไทยสู่ Net Zero รมช.คลัง ยืนยันไม่กระทบราคาน้ำมัน-ต้นทุนผู้ประกอบการ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ หลักการร่างกฎกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับกลไกราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) ซึ่งจัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยร่างกฎกระทรวงนี้เป็นข้อเสนอจาก กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ที่มุ่งหมายให้การจัดเก็บภาษีเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นให้ ผู้ประกอบการและประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emissions) และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม รายละเอียดของฉบับร่างภาษีคาร์บอน กลุ่มสินค้าที่เข้าข่ายการจัดเก็บภาษีคาร์บอนสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ถูกกำหนดให้มีภาษีคาร์บอน ได้แก่: น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกประเภท (E10, E20, E85) น้ำมันก๊าดและน้ำมันสำหรับให้แสงสว่าง น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น น้ำมันดีเซลและน้ำมันดีเซลผสมไบโอดีเซล (B5, B7, B10) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซโพรเพน น้ำมันเตาและน้ำมันที่คล้ายกัน อัตราภาษีคาร์บอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ จัดเก็บภาษีคาร์บอนที่อัตรา 200 บาทต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า โดยมีหลักเกณฑ์การคำนวณที่พิจารณาจาก ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor) ของเชื้อเพลิงแต่ละประเภท ผลกระทบและข้อได้เปรียบของมาตรการ ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาน้ำมันและภาคอุตสาหกรรมนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่ามาตรการภาษีคาร์บอนนี้ จะไม่กระทบราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ หรือภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ เนื่องจากโครงสร้างภาษีถูกออกแบบให้สอดคล้องกับกลไกทางเศรษฐกิจและนโยบายของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากกว่าการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้อุตสาหกรรมปรับตัวสู่แนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานที่ถือเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักของประเทศ (คิดเป็น 70% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในประเทศไทย) การกำหนดกลไกราคาคาร์บอนในโครงสร้างภาษีจะช่วยให้ ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและการลดการปล่อยคาร์บอน เช่น สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา สร้างความตระหนักและส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของภาคประชาชนนอกจากผู้ประกอบการแล้ว นโยบายภาษีคาร์บอนยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เกิดการตระหนักมากขึ้นถึงผลกระทบจากชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกใช้น้ำมันที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะนำไปสู่การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว แนวโน้มและทิศทางของประเทศไทยต่อเป้าหมาย Net Zero […]