FDIグループ 30周年記念
ก้าวสู่ 3 ทศวรรษ ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในวงการที่ปรึกษาธุรกิจ ความภูมิใจในการก้าวสู่ปีที่ 30 บริษัท เอฟ ดี ไอ แอคเคาน์ติ้ง แอนด์ แอดไวซอรี่ จำกัด ในฐานะบริษัทในเครือ เอฟ ดี ไอ กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาธุรกิจ สัญชาติญี่ปุ่น-ไทย ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 โดยให้บริการที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่หลากหลายอย่างครบวงจร จากความไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณภาพ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ครอบคลุมทุกประเภทธุรกิจที่มากมาย ด้วยการได้ดูแลบริษัทหลายพันองค์กร เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของเหล่าลูกค้าและคู่ค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในบริการของเรามาโดยตลอด กว่า30ปีเราได้มีการพัฒนาและขยายขอบเขตการให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อตอบโจทย์และตอกย้ำความเป็นบริษัทที่ปรึกษาครบวงจรเรื่องธุรกิจ และเพื่อส่งต่อคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับทุกธุรกิจในสังคมไทยต่อไปอย่างยั่งยืน คำแนะนำจากการดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 30 ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกธุรกิจ การแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องมีความคล่องตัวและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในหลากหลายมุมมองธุรกิจ ให้มีความแตกต่าง และมีจุดแข็งที่โดดเด่นจากบริษัทอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันทั้งในเรื่องของการกำกับดูแลคุณภาพสินค้า บริการ จริยธรรม และการใส่ใจสังคมตลอด 30 ปีที่ผ่านมาเราจึงมักเห็นหลากหลายบริษัทที่มีความสามารถในการปรับตัวให้รวดเร็วภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ สามารถผ่าคลื่นลมของวิกฤตภัยธรรมชาติ โรคระบาด สงครามเศรษฐกิจ และสงครามเทคโนโลยีต่างๆ มากได้ด้วยการปรับตัว และหมั่นปรับปรุงกลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ จึงอาจกล่าวได้ว่าการเตรียมความพร้อมธุรกิจให้เป็นองค์กรที่พร้อมแก่การปรับตัวตามสภาวะแวดล้อม แต่ยังคงหาจุดเด่นของตัวเองไม่หลงลืมตัวตนจะกลายเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตของธุรกิจในยุคปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ กลยุทธ์ในการปรับตัวสำหรับธุรกิจจาก FDI Group คือ 1.หมั่นจัดทำแผนประเมินความเสี่ยงธุรกิจและซ้อมรับมือจากแผนนั้นๆในทุกๆ มิติ เพื่อการเตรียมการรับมือในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดจากภัยต่างๆ 2.พัฒนาขีดความสามารถของบุคคลากรอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้พวกเขาหมดไฟในการที่จะพัฒนาตัวเอง เพราะการพัฒนาของพวกเขาคือการพัฒนาองค์กรในระยะยาว 3.กล้าที่จะพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาด การไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมเป็นเรื่องที่ท้าทายในหลายๆองค์กร แต่การสร้างวัฒนธรรมในการแสดงความกล้าลอง มักเป็นหนึ่งในทางรอดสำหรับธุรกิจในยามเกิดวิกฤตเสมอ 4.การลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ไม่ใช่แค่การทำ CSR ในยุกปัจจุบันการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อาจไม่ใช่แค่การลงทุนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร แต่อาจหมายถึงการที่คุณจะยังคงสามารถอยู่ในรายชื่อของผู้ให้บริการ หรือคู่ค้า กับบริษัทอื่นๆ ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย 5.อย่ามองว่าการให้ความรู้ด้านการบัญชีและภาษีเป็นเพียงแผนกบัญชีและภาษีที่ต้องรับผิดชอบ หลายบริษัทมักมีปัญหาในการจัดการบัญชีและภาษีระหว่างเดือน หรือ ระหว่างปี เป็นเพราะผู้ปฏิบัติงานไม่เข้าใจในการจัดการบัญชีและภาษี จึงไม่อาจมองในภาพรวมขององค์กรออก ส่งผลให้การจัดทำเอกสารส่งบัญชีมักมีปัญหาและสร้างความไม่ลงรอยกันระหว่างแผนกบ่อยครั้ง อีกครั้งความรู้ด้านการบัญชีและภาษีต่ำทำให้เขาเหล่านั้นไม่สามารถวางแผนการเงินของตนเองได้และส่งผลกระทบต่อความใส่ใจในการปฏิบัติงานมากขึ้น เพราะมีเรื่องส่วนตัวด้านการเงินให้คิดเยอะเกินไป และอาจส่งผลให้เกิดการ turn over สูงจากการซื้อตัวระหว่างบริษัทที่มีเม็ดเงินมาจูงใจเป็นเหตุผล จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเราพบว่าปัญหาต่างๆ มักถูกแก้ได้เบื้องต้นด้วยคำแนะนำทั้ง 5 ข้อนี้ โดยมีรายละเอียด ที่แต่ละบริษัทจะสามารถนำไปปรับใช้ได้ในมิติที่แตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญคือการสร้างความภาคภูมิใจในงาน และคุณค่าในตัวเองของทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดอีกส่วนหนึ่งที่ทุกธุรกิจจะมองข้ามไปไม่ได้เลย FDI Group ร่วมสร้างสังคมที่ดี อย่างยั่งยืน FDI มีนโยบายสนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมที่ดีอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในหลากหลายมิติ อาทิ การให้ความรู้ด้วยการจัดสัมนาต่างๆ ทั้งแบบไม่มีค่าใช้จ่าย […]