BCG

【セミナー案内】タイ中部地域 中小企業対象 「中小企業の温室効果ガス排出実質ゼロ(NET ZERO)の為の準備」

ปลดล๊อคธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วย Net Zero ใครพร้อมได้ไปต่อ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. ร่วมกับ บริษัท เอฟ ดี ไอ แอคเค้าติ้งค์ แอนด์ แอดไวซเซอร์รี่ จำกัด และ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ จำกัด นำทัพที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน จัดงาน “การเตรียมความพร้อม SME ไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO)” ครั้งที่ 4 จ.ชลบุรี เข้าร่วมงานฟรี…พร้อมรับสิทธิพิเศษภายในงาน 🗓 วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2567⏰เวลา 09.00 – 15.00 น.📍ณ อาคารหอประชุมธำรงบัวศรี ห้อง 202 มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี พบกับกิจกรรมสุด Exclusive สัมมนาเพื่อสร้างความตระหนักและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) ให้กับผู้ประกอบการ SME ให้คำปรึกษาเชิงลึกระยะสั้นกับผู้ประกอบการ SME ในการวิเคราะห์ความพร้อมขององค์กรในด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) บรรยายพิเศษ Carbon Net ZERO 2065 และผลกระทบที่ SME ต้องเตรียมรับมือ คุณนันทพัชร ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กรและผู้ช่วยประธานบริหาร บริษัท FDI Accounting and Advisory ESG trend ความเสี่ยง หาก SME ไม่ปรับตัว คุณจริยวดี บุบผา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ ซิสเท็ม จำกัด Privilege and support from Government คุณอภิรักษ์ วิเศษศรีพงษ์ ผู้จัดการงาน อุตสาหกรรมวัสดุก้าวหน้า ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP) พิเศษสุด…..รับสิทธิ์การสนับสนุนที่ปรึกษาเชิงลึกระยะสั้น 50,000 บาท (จำนวนจำกัด) กลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารระดับสูง เจ้าของธุรกิจ SMEs บุคคลากรในภาคอุตสาหกรรมที่สนใจเกี่ยวกับความยั่งยืนและ Net Zero พลาดไม่ได้… ลงทะเบียนร่วมงานฟรี >> https://shorturl.asia/9hwcp แผนที่เดินทาง >> https://shorturl.asia/Kwojb สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ดร.ประภัสสร (หนิง) […]

タイにおける地球温暖化を抑制するための重要なメカニズム
「T-VER」とは

T-VER ย่อมาจาก Thailand Voluntary Emission Reduction Program หรือ โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย เป็นกลไกที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ องค์การ TGO พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย โดยความสมัครใจ เป้าหมาย ของโครงการ T-VER คือ ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมให้เกิดการลดมลพิษทางอากาศ สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ประเภทของโครงการ T-VER 1. โครงการ T-VER Standard มุ่งเน้นไปที่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ตรวจวัดได้จริง ถาวร และเพิ่มเติมจากที่ควรจะเป็น กิจกรรมที่ได้รับการรับรองในประเภทนี้ ได้แก่ โครงการพลังงานหมุนเวียน โครงการประหยัดพลังงาน โครงการจัดการขยะ โครงการป่าไม้ โครงการเกษตร 2. โครงการ T-VER Premium มุ่งเน้นไปที่ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติมจากมาตรฐาน T-VER ทั่วไปโดยคำนึงถึงหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนและป้องกันผลกระทบด้านลบ กิจกรรมที่ได้รับการรับรองในประเภทนี้ ได้แก่ โครงการพลังงานหมุนเวียนชุมชน โครงการเกษตรยั่งยืน โครงการป่าไม้เพื่อชุมชน ประเภทของกิจกรรม โครงการ T-VER รองรับกิจกรรมที่หลากหลายที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ พลังงานหมุนเวียน การผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน การลดการใช้พลังงานในภาคอาคาร อุตสาหกรรม เช่น การเปลี่ยนมาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง การปรับปรุงระบบทำความร้อนและเย็นอาคาร การจัดการของเสีย การลดการเกิดก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบ การบำบัดน้ำเสีย การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การรีไซเคิล การหมักปุ๋ย การเผาไหม้ของเสียอย่างถูกวิธี การจัดการในภาคขนส่ง เช่น การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การใช้รถร่วมกัน การเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า การปลูกป่าและการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า: เช่น การปลูกป่า การปลูกไม้ยืนต้น การฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม ขั้นตอนการดำเนินการโครงการ T-VER การเสนอโครงการ: ผู้สนใจสามารถเสนอโครงการ TVER ต่อองค์การ TGO การประเมินโครงการ: องค์การ TGO จะทำการประเมินโครงการว่ามีความเหมาะสมกับมาตรฐาน TVER หรือไม่ การดำเนินการโครงการ: เมื่อโครงการผ่านการประเมิน ผู้ดำเนินการโครงการสามารถดำเนินการโครงการได้ การติดตามและตรวจสอบ: องค์การ TGO จะทำการติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินการโครงการ การออกใบรับรอง: เมื่อโครงการบรรลุเป้าหมาย องค์การ […]

温室効果ガス排出量の測定と報告のための規格
~ISO 14064~

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อโลก การวัดและรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) อย่างถูกต้องและโปร่งใสกลายเป็นภารกิจสำคัญสำหรับองค์กรทุกประเภท มาตรฐาน ISO 14064 จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นกรอบแนวทางสากลในการจัดการกับประเด็นนี้ บทความนี้มุ่งนำเสนอภาพรวมของมาตรฐานISO 14064 อธิบายความสำคัญ และเจาะลึกถึงประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ มาตรฐาน ISO 14064 คืออะไร ? มาตรฐานISO 14064 เป็นชุดมาตรฐานสากลที่กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับการวัด การจัดการ และรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ขององค์กร มาตรฐานนี้พัฒนาโดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม (ISO)  มุ่งหวังช่วยให้องค์กรต่างๆ วัดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนได้อย่างถูกต้องและโปร่งใส จัดการ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ รายงาน ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อสาธารณะ หรือผู้มีส่วนได้เสีย มาตรฐานISO 14064 ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ISO 14064-1 การรายงานและการตรวจสอบของโปรโตคอลที่เป็นการยอมรับทั่วไป (GHG Inventory) มาตรฐานนี้ระบุข้อกำหนดและแนวทางสำหรับการรายงานและการตรวจสอบ GHG ที่เกิดจากกิจกรรมขององค์กร เช่น การวัดและการรายงาน GHG ที่เกิดขึ้นจากการใช้พลังงาน การผลิต และกระบวนการอื่น ๆ เป็นต้น ISO 14064-2 การรายงานและการตรวจสอบของโปรโตคอลสำหรับโครงการที่มีการรายงานโดยระดับโปรเจกต์ (GHG Project) มาตรฐานนี้เน้นไปที่การรายงานและการตรวจสอบ GHG ที่เกิดขึ้นจากโครงการที่มีการลดการปล่อย GHG หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อย GHG โดยระดับโปรเจกต์ เช่น โครงการเมืองเชิงพาณิชย์ที่มีการลดการใช้พลังงานหรือโครงการป่าไม้เพื่อดัดแปลงการดักก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น ISO 14064-3 การตรวจสอบและการรับรองของโปรโตคอลสำหรับรายงานโดยอาศัยการตรวจสอบและการรับรองของบุคคลภายนอก (GHG Verification and Validation) มาตรฐานนี้ระบุข้อกำหนดและแนวทางสำหรับการตรวจสอบและการรับรองของข้อมูล GHG โดยอาศัยการตรวจสอบและการรับรองจากบุคคลภายนอก เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่รายงานเป็นเชิงบวกและมีความน่าเชื่อถือ ประโยชน์ของการนำมาตรฐาน ISO 14064 องค์กรที่นำมาตรฐานISO 14064 มาใช้จะได้รับประโยชน์มากมาย ดังนี้ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการก๊าซเรือนกระจก: มาตรฐานนี้ช่วยให้องค์กรระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ติดตามประสิทธิภาพการดำเนินงาน และริเริ่มกลยุทธ์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร: การแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการวัดและรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ดี เพิ่มความน่าเชื่อถือต่อลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ สร้างโอกาสทางธุรกิจ: องค์กรที่มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โอกาสในการเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิต และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด เตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบ: หลายประเทศทั่วโลกเริ่มออกกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก องค์กรที่นำมาตรฐานISO 14064 มาใช้ จะสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ […]

GHG 排出量の削減による
ネットゼロに向けた主要な企業戦略

วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อโลก ส่งผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคม หลายประเทศทั่วโลกจึงต่างเร่งมือแก้ไข สนับสนุนให้ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ มุ่งสู่เป้าหมาย “Net Zero Emissions” หรือ “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” (GHG Emissions) บทความนี้ จะพาทุกท่านไปเจาะลึกกลยุทธ์สำคัญที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกใช้ขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ที่ยั่งยืน กลยุทธ์การลด GHG Emissions 1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย องค์กรชั้นนำจะกำหนดเป้าหมายการลด GHG Emissions ที่ชัดเจน วัดผลได้ และมีความท้าทาย โดยอ้างอิงจากหลักวิทยาศาสตร์และความตกลงปารีส (Paris Agreement) ตัวอย่างเช่น Microsoft ตั้งเป้าหมายที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2030 และจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเชิงลบภายในปี 2050 Google ตั้งเป้าหมายที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับศูนย์ข้อมูลและสำนักงานทั่วโลกภายในปี 2030 2. วัดและติดตามมลพิษคาร์บอนอย่างละเอียด องค์กรชั้นนำจะวัดและติดตามผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(GHG) ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ  ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และหาแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภายในองค์กร องค์กรชั้นนำมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ภายในองค์กร เช่น เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน : องค์กรต่างๆ เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานชีวมวล แทนพลังงานฟอสซิล เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน : ปรับปรุงระบบต่างๆ ภายในองค์กรเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน ลดการเดินทาง : ส่งเสริมการทำงานจากบ้าน การประชุมทางไกล และการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ จัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ : ลดปริมาณขยะ ส่งเสริมการรีไซเคิล และนำขยะไปใช้ประโยชน์ 4. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก Supply Chain องค์กรชั้นนำยังมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก Supply Chain ทำงานร่วมกับ Supplier : กระตุ้นให้ Supplier ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เลือก Supplier ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : พิจารณาประสิทธิภาพการใช้พลังงานและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ Supplier 5. ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหลือ องค์กรบางแห่งเลือกที่จะชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหลือด้วยวิธีต่างๆ เช่น ปลูกป่า : ป่าไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน : สนับสนุนการผลิตพลังงานสะอาด การใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCU) […]

持続可能な未来を推進するための企業の役割

ในยุคที่โลกเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง บทบาทของ บริษัทสิ่งแวดล้อม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืน บริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาและบริการต่างๆ แก่ภาคธุรกิจ องค์กรภาครัฐ และประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทสิ่งแวดล้อม ทำอะไรบ้าง ? 1. ให้คำปรึกษาและบริการด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทสิ่งแวดล้อมนำเสนอบริการที่หลากหลายแก่ธุรกิจ องค์กรภาครัฐ และประชาชนทั่วไป บริการเหล่านี้รวมถึง การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม การออกแบบและดำเนินการแผนการจัดการสิ่งแวดล้อม การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว การฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม 2. พัฒนาวิธีการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ บริษัทสิ่งแวดล้อมมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และประหยัดค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเทคโนโลยีที่บริษัทสิ่งแวดล้อมพัฒนา ได้แก่ เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสีย เทคโนโลยีการจัดการขยะ เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีการเกษตรยั่งยืน 3. ส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทสิ่งแวดล้อมช่วยให้ธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม บริการเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย ปรับปรุงภาพลักษณ์ขององค์กร และสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน บริษัทสิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทเหล่านี้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอบรม การประชุม และโครงการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา 5. รายงานข้อมูลและผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทสิ่งแวดล้อมมีหน้าที่รายงานข้อมูลและผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัท และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ประโยชน์ของการใช้บริการ บริษัทสิ่งแวดล้อม ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ที่ใช้บริการบริษัทสิ่งแวดล้อมจะได้รับประโยชน์ดังนี้ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: บริษัทสิ่งแวดล้อมช่วยให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งนี้ช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์ขององค์กร สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และช่วยให้ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม ประหยัดค่าใช้จ่าย: บริษัทสิ่งแวดล้อมช่วยให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ประหยัดค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น บริษัทสิ่งแวดล้อมสามารถช่วยให้ธุรกิจประหยัดพลังงาน น้ำ และทรัพยากรอื่นๆ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน: บริษัทสิ่งแวดล้อมช่วยให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะดึงดูดลูกค้าและนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืน: บริษัทสิ่งแวดล้อมช่วยให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน สิ่งนี้ช่วยให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาวและประสบความสำเร็จ บทบาทของบริษัทสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ในประเทศไทย บริษัทสิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ บริษัทเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจไทยปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ช่วยให้ชุมชนพัฒนาโครงการจัดการสิ่งแวดล้อม และช่วยให้รัฐบาลพัฒนานโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน บริษัทสิ่งแวดล้อม มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่โลกที่ยั่งยืน บริการและเทคโนโลยีที่บริษัทเหล่านี้เสนอนั้นช่วยให้ธุรกิจ องค์กรภาครัฐ และประชาชนทั่วไปสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน ท่านใดที่กำลังมองหาบริษัทสิ่งแวดล้อมมืออาชีพ FDI ช่วยคุณได้ FDI Accounting and […]

【セミナー案内】タイ南部地域 中小企業対象 「中小企業の温室効果ガス排出実質ゼロ(NET ZERO)の為の準備」

ปลดล๊อคธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วย Net Zero ใครพร้อมได้ไปต่อ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. ร่วมกับ บริษัท เอฟ ดี ไอ แอคเค้าติ้งค์ แอนด์ แอดไวซเซอร์รี่ จำกัด และ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ จำกัด นำทัพที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน จัดงาน “การเตรียมความพร้อม SME ไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO)” ครั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช เข้าร่วมงานฟรี…พร้อมรับสิทธิพิเศษภายในงาน วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 – 15.00 น. ณ อาคารเรียนรวม 5 ชั้น 3 ห้อง 5301  อาคารไทยบุรี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช พบกับกิจกรรมสุด Exclusive สัมมนาเพื่อสร้างความตระหนักและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) ให้กับผู้ประกอบการ SME ให้คำปรึกษาเชิงลึกระยะสั้นกับผู้ประกอบการ SME ในการวิเคราะห์ความพร้อมขององค์กรในด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) บรรยายพิเศษ Carbon Net ZERO 2065 และผลกระทบที่ SME ต้องเตรียมรับมือคุณนันทพัชร ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กรและผู้ช่วยประธานบริหาร บริษัท FDI Accounting and Advisory ESG trend ความเสี่ยง หาก SME ไม่ปรับตัวคุณจริยวดี บุบผา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ ซิสเท็ม จำกัด Privilege and support from Governmentคุณอภิรักษ์ วิเศษศรีพงษ์ ผู้จัดการงาน อุตสาหกรรมวัสดุก้าวหน้า ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP) พิเศษสุด…..รับสิทธิ์การสนับสนุนที่ปรึกษาเชิงลึกระยะสั้น 50,000 บาท (จำนวนจำกัด) กลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารระดับสูง เจ้าของธุรกิจ SMEs บุคคลากรในภาคอุตสาหกรรมที่สนใจเกี่ยวกับความยั่งยืนและ Net Zero พลาดไม่ได้… ลงทะเบียนร่วมงานฟรี >> https://shorturl.asia/fEktU แผนที่เดินทาง >> […]

【セミナーレポート】タイ北部地域 中小企業対象
「中小企業の温室効果ガス排出実質ゼロ(NET ZERO)の為の準備」

อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (สวทช.) ร่วมกับ บริษัท เอฟ ดี ไอ แอคเค้าติ้งค์ แอนด์ แอดไวซเซอร์รี่ จำกัด และ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ จำกัด ประสบความสำเร็จในการจัดงานสัมมนา “การเตรียมความพร้อม SME ไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)” ณ อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา งานสัมมนาครั้งนี้ มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจ นำเสนอแนวทาง และโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ SME ในภาคเหนือ ในการปรับธุรกิจสู่เป้าหมาย Net Zero โดยได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามโดยภายในงานมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Carbon Net Zero 2065 และผลกระทบที่ SME ต้องเตรียมรับมือ” โดย คุณนันทพัชร ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กรและผู้ช่วยประธานบริหารกลุ่มบริษัท FDI เสวนาในหัวข้อ “ESG trend ความเสี่ยง หาก SME ไม่ปรับตัว” โดย คุณจริยวดี บุบผา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ จำกัด พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางธุรกิจจาก ITAP โดย คุณระสิตา ถาวรานุรักษ์ ผู้จัดการงาน อุตสาหกรรมวัสดุก้าวหน้า ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP) การให้คำปรึกษาเชิงลึกระยะสั้นกับผู้ประกอบการ SME ในการวิเคราะห์ความพร้อมขององค์กรในด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ผู้เข้าร่วมงานต่างให้ความพึงพอใจกับเนื้อหาสาระและกิจกรรมภายในงาน ตัวแทนจากธุรกิจ SME รายหนึ่งกล่าวว่า “งานสัมมนาครั้งนี้ให้ความรู้และแนวทางที่เป็นประโยชน์มาก ได้เข้าใจภาพรวมของ Net Zero มากขึ้น  และทราบแนวทางที่จะนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเอง” สามารถดาวน์โหลด ไฟล์ Carbon Net Zero 2065 และผลกระทบที่ SME ต้องเตรียมรับมือ โดย คุณนันทพัชร ณ สงขลา […]

【セミナー案内】タイ北部地域 中小企業対象
「中小企業の温室効果ガス排出実質ゼロ(NET ZERO)の為の準備」

ปลดล๊อคธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วย Net Zero ใครพร้อมได้ไปต่อ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. ร่วมกับ บริษัท เอฟ ดี ไอ แอคเค้าติ้งค์ แอนด์ แอดไวซเซอร์รี่ จำกัด และ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ จำกัด นำทัพที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน จัดงาน “การเตรียมความพร้อม SME ไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO)” เข้าร่วมงานฟรี….พร้อมรับสิทธิพิเศษภายในงาน วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00-15.00 น. ณ Rice Grain Auditorium อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ (จ.เชียงใหม่) พบกับกิจกรรมสุด Exclusive สัมมนาเพื่อสร้างความตระหนักและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) ให้กับผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME ให้คำปรึกษาเชิงลึกระยะสั้นกับผู้ประกอบการ SME ในการวิเคราะห์ความพร้อมขององค์กรในด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) บรรยายพิเศษ Carbon Net ZERO 2065 และผลกระทบที่ SME ต้องเตรียมรับมือ คุณนันทพัชร ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กรและผู้ช่วยประธานบริหารกลุ่มบริษัท FDI ESG trend ความเสี่ยง หาก SME ไม่ปรับตัว คุณจริยวดี บุบผา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนวา กรีน เพาเวอร์ จำกัด Privilege and support from Government คุณระสิตา ถาวรานุรักษ์ ผู้จัดการ งานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ ฝ่ายสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมภาคเอกชน (ITAP) พิเศษสุด…..รับสิทธิ์การสนับสนุนที่ปรึกษาเชิงลึกระยะสั้น 50,000 บาท (จำนวนจำกัด)  กลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารระดับสูง เจ้าของ ธุรกิจ SME บุคคลากรในภาคอุตสาหกรรมที่สนใจเกี่ยวกับความยั่งยืนและ Net Zero พลาดไม่ได้… ลงทะเบียนร่วมงานฟรี >> https://shorturl.asia/KN0WH แผนที่เดินทาง: https://maps.app.goo.gl/yu6WUzcEyTyvwoJa7 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ดร.ประภัสสร (หนิง) โทร. 081-854-1844 […]

温室効果ガスの種類

ก๊าซเรือนกระจก หรือ green house gas (GHG) เปรียบเสมือนผ้าห่มบางๆ ที่โอบล้อมโลกของเราไว้ ทำหน้าที่กักเก็บความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ให้สะท้อนกลับออกสู่อวกาศ ช่วยให้โลกของเรามีอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต แต่ทว่าในปัจจุบัน กิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า ส่งผลให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทำความรู้จักกับ “ก๊าซเรือนกระจก” หรือ “green house gas” ว่ามีชนิดใดบ้าง มาจากไหน และส่งผลกระทบต่อโลกของเราอย่างไร ชนิดของก๊าซเรือนกระจก (green house gas) ก๊าซเรือนกระจก หรือ “green house gas” ที่สำคัญในชั้นบรรยากาศโลก ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) : เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพสูง กักเก็บความร้อนได้นาน ก๊าซมีเทน (CH4) : เกิดจากกิจกรรมการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ การย่อยสลายขยะอินทรีย์ในหลุมฝังกลบ ก๊าซมีเทนมีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่าในช่วง 100 ปีแรก ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) : เกิดจากกิจกรรมทางการเกษตร การใช้ปุ๋ยไนโตรเจน การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ก๊าซไนตรัสออกไซด์มีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 300 เท่าในช่วง 100 ปีแรก ก๊าซฟลูออโรคาร์บอน (PFCs) : เกิดจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม เช่น การผลิตอลูมิเนียม การผลิตสารทำความเย็น ก๊าซฟลูออโรคาร์บอนมีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนสูงมาก กลุ่มก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) : เป็นก๊าซเรือนกระจกสังเคราะห์ที่มนุษย์ผลิตขึ้น ใช้แทนสาร CFCs และ HCFCs ที่เป็นอันตรายต่อชั้นโอโซน ก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6) : เป็นก๊าซเรือนกระจกสังเคราะห์ที่มนุษย์ผลิตขึ้น ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า ก๊าซไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NF3) : เป็นก๊าซเรือนกระจกสังเคราะห์ที่มนุษย์ผลิตขึ้น ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โอกาสสำหรับธุรกิจสีเขียว แม้ว่าก๊าซเรือนกระจก หรือ “green house gas” จะสร้างความเสี่ยงต่อภาคธุรกิจ  แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสใหม่ ๆ  สำหรับธุรกิจที่มุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืน  หรือที่เรียกว่า “ธุรกิจสีเขียว” ตลาดสินค้าและบริการสีเขียว: ตลาดสินค้าและบริการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจที่พัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม […]

地球温暖化法
気候危機に対処するための新法

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง อุณหภูมิที่สูงขึ้น ภัยแล้ง น้ำท่วม และพายุรุนแรง ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ รัฐบาลไทยจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหานี้ และผลักดันให้มีการออก “พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ….” หรือ “พรบ โลกร้อน” พรบ โลกร้อน ร่าง “พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” หรือ “พรบ โลกร้อน” ฉบับแรกของประเทศไทยภายหลังการจัดตั้ง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “กรมโลกร้อน” ในช่วงที่ผ่านมามีการศึกษายกร่าง “พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เริ่มกระบวนการมาตั้งแต่ต้นปี 2566 และได้หรือกับภาครัฐ กฤษฎีกาก่อน เนื่องจากเป็น พ.ร.บ.ที่มีความเกี่ยวข้องด้านการเงิน ภาษี ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง การเปิดเผยข้อมูล มาตราต่างๆที่ปรากฎ มีเชิงบริหารไม่ว่าจะเป็นการให้อำนาจกับคณะกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีรายละเอียดที่ต้องทำยุทธศาสตร์แผนงาน การลดก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบทางการเงิน   “พ.ร.บ.นี้เป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศไทย ที่มีความกว้างขวางมากกว่า พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ฯ โดยเฉพาะในเรื่องของการเงิน โดยเฉพาะ Emission Screem ที่เกินมาจะต้องชดเชยเป็นเงิน และนำไปสนับสนุนรายเล็ก ในการปรับตัวรับมือ และเตรียมความพร้อมทำข้อมูลด้านคาร์บอน” นายปวิช รองอธิบดีกรมโลกร้อน กล่าว เนื้อหาสาระสำคัญ พรบ โลกร้อน มุ่งเน้นไปที่ 3 แกนหลัก ดังนี้ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) ผ่านกลไกต่างๆ เช่น การกำหนดมาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคต่างๆ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ส่งเสริมการใช้ประสิทธิภาพพลังงาน และพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม พายุรุนแรง ผ่านการจัดทำแผนงานและมาตรการรองรับ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน: ส่งเสริมให้ประชาชน ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความสำคัญของ พรบ โลกร้อน พรบ โลกร้อน ถือเป็นกฎหมายสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สร้างความมั่นคงทางพลังงาน: การลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น จะช่วยลดมลพิษทางอากาศและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ: การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน จะสร้างงานใหม่และกระตุ้นเศรษฐกิจ ปกป้องสิ่งแวดล้อม: การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดปัญหาโลกร้อน ปกป้องระบบนิเวศ และรักษาคุณภาพอากาศ ยกระดับคุณภาพชีวิต: การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะช่วยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน บทกำหนดโทษ (ตามร่าง […]

1 2 3 4 5