見逃せないタイの役立つ情報

ノンBビザ タイで合法的に働くための重要なルート 外国人がタイで働くために知っておくべきこと!! 2025年アップデート

 Visa Non B  ความสำคัญต่อต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย  สำหรับ Visa Non B หรือ Non-Immigrant B คือ วีซ่าที่ออกให้แก่บุคคลที่ต้องการเดินทางเข้ามาพำนักในประเทศไทยเป็นเวลาชั่วคราว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำงาน ประชุม หรือการติดต่อธุรกิจโดยเฉพาะ เป็นวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ ที่จำเป็นสำหรับผู้ที่มีแผนที่จะทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือทำธุรกิจในฐานะผู้ลงทุน หรือผู้ประกอบการ ซึ่งวีซ่านี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “วีซ่าธุรกิจ” ที่เป็นหนึ่งในประเภทของวีซ่าคนอยู่ชั่วคราว หรือ Non-Immigrant Visa  ประเภทของวีซ่า Non-Immigrant ในประเทศไทย  โดยแบ่งแยกตามวัตถุประสงค์ของผู้ยื่นในการเข้ามาในประเทศไทยได้ ดังนี้  1.ประเภท B (Visa Non B) หรือ วีซ่าธุรกิจ : สำหรับผู้ต้องการทำงาน หรือ ติดต่อธุรกิจในไทย วัตถุประสงค์ Visa Non B : สำหรับการทำงานและประกอบธุรกิจ รายละเอียด: Non-B for Work : สำหรับผู้ที่มีนายจ้างในประเทศไทยและต้องการทำงาน Non-B for Business : สำหรับนักธุรกิจ ผู้ลงทุน หรือผู้ประกอบการที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย 2.ประเภท B-A (Visa Non B – A) : สำหรับผู้ต้องการลงทุนกับบริษัทในไทย รายละเอียด : เป็นประเภทของวีซ่าที่ออกให้สำหรับ ชาวต่างชาติที่มีแผนการมาทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ ผู้ที่ทำงานในบริษัทที่มีการร่วมทุนกับรัฐไทย หรือในองค์กรที่มีการจัดการภาครัฐ หรือ บุคคลที่ต้องทำงานเกี่ยวกับภาครัฐ วีซ่าประเภทนี้มีจุดประสงค์ในการอำนวยความสะดวกในการทำงานในองค์กรที่มีการสนับสนุนจากภาครัฐ และโดยทั่วไปจะออกให้แก่บุคคลที่ต้องการทำงานกับองค์กรในภาครัฐ เช่น การร่วมทุนหรือทำงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของรัฐบาล 3.ประเภท D : สำหรับผู้ทำงานในสถานทูตของประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของประเทศไทย รายละเอียด : เป็นวีซ่าที่ออกให้แก่ บุคคลที่ทำงานในสถานทูตหรือองค์กรระหว่างประเทศ ของประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่มีสถานทูตหรือคณะผู้แทนทางการทูตในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ทำงานในสถานทูตของประเทศต่าง ๆ ในประเทศไทย หรือผู้ที่ทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ หรือองค์กรอื่น ๆ ที่ดำเนินงานในประเทศไทย 4.ประเภท ED : สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในไทย […]

気候技術のトレンドまとめ ネットゼロへ向けて産業を推進するイノベーション 温室効果ガス削減のための産業と農業の支援ツール

จับตา”เทรนด์ Climate Tech” ที่มีช่วยในการลดก๊าซเรือนกระจก ภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร อย่างที่เราทราบกันดีว่าในปัจจุบันภาวะโลกร้อนนั้น เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมทั่วโลก สาเหตุหลักมาจากการสะสมของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเพิ่มความร้อนในระบบโลกและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกต่างต้องร่วมมือกัน การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Tech มาใช้ในการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ นำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้ควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษ และมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามที่ประเทศไทยตั้งเป้าไว้  จากงานวิจัยที่น่าสนใจจาก McKinsey เกี่ยวกับในเรื่องของ “Climate Tech” ที่มีส่วนช่วยในการควบคุมภูมิอากาศด้วยเทคโนโลยี เป็นนวัตกรรมการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษและการลดก๊าซเรือนกระจก ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งคาดว่าหากได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ก็จะสามารถช่วยลดการปล่อยมลพิษได้ประมาณ 60% เพื่อรักษาเสถียรภาพของสภาพอากาศภายในปี ค.ศ. 2050 ด้วย 5 กลุ่ม Climate Tech ที่สามารถดึงดูดเงินลงทุนกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปี ค.ศ. 2025 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี ค.ศ. 2050 ได้แก่ พลังงานไฟฟ้า (Electrification) เกษตรกรรม (Agriculture) สร้างโครงข่ายไฟฟ้า (Power grid) การใช้ไฮโดรเจน (Hydrogen) การดักจับคาร์บอน (Carbon capture) ในเรื่องของ Climate Tech ที่ได้รับการพัฒนา ปรับเปลี่ยน นับว่าเป็นเรื่องที่น่าติดตามกันต่อ ในบทความนี้ FDI จะพามาดู 5 เทคโนโลยีที่น่าสนใจที่เป็นตัวช่วยในการลดก๊าซเรือนกระจก ภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงอุปสรรคที่เกิดขึ้นหากต้องการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในการขยายธุรกิจ แต่ละเทคโนโลยีจะมีความน่าสนใจอย่างไรนั้น ไปติดตามกันได้ในบทความนี้  รวม 5 เทรนด์ที่น่าสนใจในการลดภาวะโลกร้อนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  1.การเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานให้อยู่ในพลังงานไฟฟ้า (Electrification)  ถ้าหากจะเปลี่ยนพลังงานที่ใช้อยู่แล้วในปัจจุบันทั้งหมดให้เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยทันทีคงไม่สามารถทำได้ แต่ต้องเริ่มจากการอาศัยการเปลี่ยนพลังงานทั้งของตัวอาคาร เครื่องจักรอุตสาหกรรม รวมถึงยานยนต์เดิมที่ใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลในการขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนให้เป็นพลังงานไฟฟ้า หรือใช้พลังงานสะอาดเป็นทางเลือก เช่น รถยนต์ เปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่ EV  ระบบอาคารก่อสร้างให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ หรือระบบเตาเผาอุตสาหกรรมโดยเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก  การพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ดีกว่าเดิม หาแนวทางพัฒนาแบตเตอรี่ EV ให้ดีกว่าเดิม และลดต้นทุนแบตเตอรี่ให้ได้ครึ่งหนึ่งของยานยนต์ EV หรือจะต้องต่ำกว่าราคาแบตเตอรี่ในปัจจุบันที่อยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ โดยการปรับปรุงส่วนประกอบภายในเพื่อที่จะเพิ่มความหนาแน่นพลังงานและลดต้นทุนซึ่งเห็นได้จากบริษัทผู้ผลิตต่างเริ่มเปลี่ยนจากผลิตด้วยลิเธียมเป็นหลัก มาผลิตแอโนดที่มีซิลิกอนสูงขึ้น มีการเปลี่ยนสถานะการทำงานของแบตเตอรี่ลิเธียมจากของเหลวกลายเป็นของแข็ง […]

ASEANでの給与ランキングTOP5 タイはシンガポールに次いで2位 勤労者必読!各国のワークパーミット手続き

เปิดอันดับ 5 ประเทศที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนสูง ! ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ภูมิภาคที่ถูกจับตาจากนักลงทุนจากทั่วโลก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทั้งจากทรัพยากรทางธรรมชาติ ประชากร ศักยภาพในการเติบโตและพัฒนาได้  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่กำลังถูกบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก จับตาละหันมาลงทุนอย่างต่อเนื่อง           จากนโยบายความร่วมมือของภูมิภาคอาเซียนที่มีการลงนามร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้เป็นตลาดและฐานผลิตเดียวกัน เช่น การลงทุน สินค้าและบริการ ต่าง ๆ รวมทั้งแรงงานฝีมือ และมีการลงทุนอย่างเสรี ซึ่งทำให้การถ่ายเทแรงงานด้านฝีมือเพื่อให้สามารถทำงานในประเทศสมาชิกได้ง่ายขึ้นใน 8 สาขาอาชีพ คือ  วิศวกรรม การสำรวจ สถาปัตยกรรม แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล บัญชี การบริการ/การท่องเที่ยว         ในส่วนอาชีพอิสระที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรองสามารถเคลื่อนย้ายไป ทำงานในประเทศแถบอาเซียนได้ทันที โดยไม่มีการปิดกั้น อาชีพที่ได้ตกลงไว้คือ แพทย์ พยาบาล บัญชี สถาปนิก วิศวกร ซึ่งการไปทำงานในต่างประเทศหรือชาวต่างชาติมาทำงานในไทยก็จำเป็นที่จะต้องมี การขอต่อ Work Permit ซึ่งในอาเซียนจะแตกต่างกันไปตามกฎหมายแรงงานและข้อกำหนดของแต่ละประเทศ  ความสำคัญต่อ work permit ของการทำงานในต่างชาติ  ทำงานในต่างประเทศต้องรู้ work permit  คืออะไร  Work Permit หรือ ใบอนุญาตทำงาน คือ เอกสารทางกฎหมายที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐบาลให้กับบุคคลที่เป็นชาวต่างชาติ ที่ต้องการทำงานในประเทศนั้น ๆ โดยที่ไม่ใช่พลเมืองของประเทศนั้น ๆ ซึ่งในกรณีของประเทศไทย ใบอนุญาตทำงานนี้จะออกโดย กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถทำงานในประเทศไทยได้ตามกฎหมาย อ่านต่อ คลิก ! ทำไมต้องมี Work Permit ? ในหลาย ๆ ประเทศ เช่น ประเทศไทย การจ้างชาวต่างชาติทำงานโดยไม่มี Work Permit ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และอาจได้รับโทษทั้งนายจ้างและลูกจ้างได้ นอกจากนี้การมี Work Permit ยังช่วยให้การจ้างงานชาวต่างชาติเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบสิทธิ์ในการทำงานของบุคคลนั้นได้ อ่านต่อคลิก !  เปิดอันดับ 5 ประเทศรายได้สูงในอาเซียน ไทยติดอันดับ 2 รองสิงคโปร์  Time Doctor ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า เงินเดือนเฉลี่ยในเอเชียอยู่ที่ประมาณ […]

企業会計システムの構築 法人会計の開設に関して、起業家がしっかり理解すべきこと 新規事業を始めるためのポイント!

การดำเนินการวางแผนธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่คัญ ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนการเปิดบริษัทใหม่ ก็คือการเปิดบัญชีนิติบุคคล และการวางระบบบัญชีที่เหมาะสม โดยแยกบัญชีออกจากบัญชีส่วนตัว โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการวางแผนภาษี และการเงิน การทำบัญชี โดยในส่วนนี้ก็จะมีบทบาทที่สำคัญในการทำธุรกิจในแทบทุกมิติ คู่มือสำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ การวางระบบบัญชีบริษัท ก้าวแรกสู่การบริหารการเงินธุรกิจอย่างมืออาชีพ ทำไมต้องเปิดบัญชีบริษัท ? การวางแผนทางการเงินและการวางระบบบัญชีในการประกอบธุรกิจ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการทำธุรกิจสิ่งที่พ่วงตามมาด้วยคือการวางแผนภาษี มีการทำบัญชี ให้ทราบการเคลื่อนไหวทางการเงินบริษัท เมื่อทราบถึงการเงินก็จะสามารถวางแผนด้านอื่น ๆ ให้บรรลุเป้าหมายได้โดยง่าย ที่สำคัญการเปิดบัญชีบริษัทจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือมากกว่าบัญชีในนามบุคคล แต่ถึงจะใช้บัญชีนามบุคลก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือนั่นเอง เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ก็จะตอบโจทย์ในเรื่องของการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรอีกด้วย  โดยการเปิดบัญชีบริษัทก็สามารถเปิดได้ด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำของแต่ละประเภท สามารถสมัครบริการทางออนไลน์ในแต่ละธนาคารไว้เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมทางธุรกิจ ที่ครอบคลุมทั้งด้านการชำระเงิน การจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน หรือแม้แต่การกู้ยืมในรูปแบบสินเชื่อที่จะใช้พัฒนาธุรกิจในอนาคต เริ่มต้นธุรกิจด้วยความมั่นใจ การเปิดบัญชีนิติบุคคลคือก้าวแรกที่สำคัญ ทำไมการแยกบัญชีจึงสำคัญ? แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ การแยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจไม่เพียงช่วยในการจัดการการเงินที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย สร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ กิจการ  5 เหตุผลข้อดี ที่ทำไมผู้ประกอบการมือใหม่ ต้องเปิดบัญชีแยก !  1.ทำให้การจัดการการเงินมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้  ความชัดเจนในรายรับ-รายจ่าย : ช่วยให้ติดตามรายรับและรายจ่ายของธุรกิจได้ง่ายขึ้น โดยไม่มีการปะปนกับค่าใช้จ่ายส่วนตัว การตรวจสอบบัญชีง่าย : การวางระบบบัญชีที่ดีจะช่วยให้หากมีการตรวจสอบบัญชี (audit) หรือการจัดทำรายงานการเงิน จะไม่เกิดความสับสนระหว่างรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับธุรกิจ 2.ช่วยในการคำนวณภาษีที่ถูกต้อง ง่ายมากขึ้น การยื่นภาษีที่แม่นยำ: การแยกบัญชีช่วยให้การคำนวณรายได้สุทธิและค่าใช้จ่ายของธุรกิจชัดเจน และลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบภาษีจากกรมสรรพากร การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี: ค่าใช้จ่ายทางธุรกิจสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ แต่ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน 3.สร้างความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ ความเป็นมืออาชีพ: การใช้บัญชีธุรกิจแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีระบบและมืออาชีพ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและคู่ค้า: คู่ค้าหรือลูกค้ามักไว้วางใจธุรกิจที่แยกการเงินชัดเจน และสามารถออกใบแจ้งหนี้หรือรับเงินผ่านบัญชีธุรกิจโดยตรง 4. การป้องกันปัญหาทางกฎหมาย ลดความเสี่ยงความรับผิดส่วนตัว: การปะปนรายได้ส่วนตัวและธุรกิจอาจทำให้เกิดปัญหาด้านกฎหมาย เช่น หากธุรกิจมีหนี้สิน เจ้าหนี้อาจอ้างสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนตัวได้ ความชัดเจนด้านกฎหมาย : โดยเฉพาะสำหรับบริษัทจำกัดที่ต้องรักษาความแยกจากทรัพย์สินส่วนตัว 5. การจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ การวางแผนงบประมาณที่ดี: ช่วยให้สามารถวางแผนรายจ่ายและการลงทุนในธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขอสินเชื่อธุรกิจ: ธนาคารมักพิจารณาบัญชีธุรกิจเพื่อประเมินศักยภาพและความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ขั้นตอนการเปิดบัญชีบริษัท การเปิดบัญชีธนาคารสำหรับบริษัทในประเทศไทยต้องเตรียมเอกสารและดำเนินการตามขั้นตอนที่ธนาคารกำหนด ในแต่ละธนาคารจะมีข้อกำหนด เงื่อนไขต่างกันออกไปในบางกรณี โดยแนะนำให้อ่านละเอียดแต่ละธนาคารได้ที่เว็บไซต์ธนาคารที่สนใจ ซึ่งลำดับขั้นตอนการเปิดบัญชีบริษัท จะมีลำดับขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนการเปิดบัญชีบริษัทที่ธนาคารสำหรับบริษัทในประเทศไทย 1. การเตรียมเอกสารของบริษัทและเอกสารเจ้าของกิจการ กรรมการที่มีอำนาจให้พร้อม โดยตรวจสอบและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนก่อนติดต่อธนาคารเพื่อความเรียบร้อย รวดเร็ว  เอกสารที่ต้องเตรียม  หนังสือรับรองการจดทะเบียนธุรกิจ ที่นายทะเบียนรับรอง ไม่เกิน 6 เดือน รายงานการประชุม หรือหนังสือแจ้งความประสงค์ขอเปิดบัญชี หนังสือบริคณห์สนธิ เอกสาร […]

タイのカーボンクレジット市場 注目すべき! 世界市場と同様に増加傾向 新たな持続可能性の機会

ประเทศไทย มีการจัดทำโครงการการลดก๊าซเรือนกระจก ภาคสมัครใจ โดยใช้ชื่อว่า Thailand Voluntary Emission Reduction Program หรือ T-VER ซึ่งมีองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) โดยเป็นหน่วยงานที่ดูแลการขึ้นทะเบียน และ การรับรองคาร์บอนเครดิต โดยเป็นกลไกคาร์บอนเครดิตในรูปแบบ Governmental Crediting Mechanism คาร์บอนเครดิตคืออะไร ราคาคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย ความสำคัญที่เราต้องรู้ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงหรือกักเก็บได้จากการทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกเมื่อเทียบกับกรณีการดำเนินธุรกิจตามปกติ มีหน่วยเป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ซึ่งปริมาณที่จะลดลงหรือกักเก็บนั้นต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานต่าง ๆ และสามารถนำไปซื้อขายระหว่างผู้ต้องการชดเชยการปล่อยคาร์บอนและผู้ที่ลดการปล่อยคาร์บอนได้  คาร์บอนเครดิต มาจากโครงการหลักๆ ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) และสร้างคาร์บอนเครดิตที่สามารถนำไปซื้อขายได้ โดยทั่วไปแล้ว โครงการเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ  1. โครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Reduction Projects) การลดการปล่อยก๊าซในอุตสาหกรรมหรือกระบวนการผลิตมุ่งเน้นในการปรับปรุงกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้พลังงานสะอาด, การใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ , การกำจัดน้ำเสีย ของเสีย , หรือการปรับปรุงเครื่องจักรให้มีการปล่อยก๊าซต่าง ๆ น้อยลง การเปลี่ยนแปลงในภาคพลังงานโครงการที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทน เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (solar panels) หรือการใช้พลังงานลม (wind power) เป็นต้น  2. โครงการดูดซับคาร์บอน (Carbon Sequestration Projects) โครงการปลูกต้นไม้และการฟื้นฟูป่าเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการปลูกต้นไม้ มีวัตถุประสงค์เพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ เช่น โครงการการปลูกป่า, การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า, หรือการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำและการจัดการดินการปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำหรือการจัดการดินเพื่อให้สามารถดูดซับคาร์บอนได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอดีต หรือการปรับปรุงการใช้ที่ดินในเกษตรกรรมที่สามารถช่วยดูดซับคาร์บอนมากขึ้น ทั้งสองประเภทนี้มีบทบาทสำคัญในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและช่วยให้องค์กรต่าง ๆ นั้น บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อกำหนดของข้อตกลงระหว่างประเทศได้รวดเร็วหรือเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น  โดยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการดำเนินธุรกิจปกติ จะต้องได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนตามมาตรฐานต่างๆ เป็นคาร์บอนเครดิตก่อน ผู้ดำเนินโครงการลดคาร์บอน (Supply) จึงจะสามารถนำไปขายแก่ผู้ต้องการชดเชยการปล่อยคาร์บอน (Demand) ได้นั่นเอง  ราคาคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยราคาการซื้อขาย สามารถตรวจสอบและเช็คล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) คาร์บอนเครดิตเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการช่วยลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก  ทำไมคาร์บอนเครดิตถึงมีความสำคัญต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ? คาร์บอนเครดิตเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ใช้ในการกระตุ้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก […]

ต่างชาติสามารถถือหุ้น 100 % ได้หรือไม่ การขอรับในอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ข้อมูลที่ต้องรู้ ขั้นตอนการขอเอกสาร FBL และ FBC

การขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว FBL FBC คืออะไร  ความแตกต่าง ? FDI พาทำความรู้จัก ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว FBL , FBC ความหมายคืออะไร รวมถึงขั้นตอนการขอ และเอกสารที่ต้องรู้ การเข้ามาประกอบธุรกิจหรือทำงานในประเทศไทยนั้น สำหรับชาวต่างชาติหรือต่างด้าวจะมีข้อกำหนดทางด้านกฏหมาย รวมถึงขั้นตอนที่กหนดไว้โดยเฉพาะ สำหรับการขอใบอนุญาตหรือใบประกอบกิจการสำหรับธุรกิจที่มีผู้ถือหุ้นต่างชาติในประเทศไทยจะเกี่ยวข้องกับสองประเภทหลักๆ คือ Foreign Business Certificate (FBC) และ Foreign Business License (FBL) ซึ่งนี้มีความแตกต่างกันในแง่ของการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจและประเภทของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต  เจาะรายละเอียดข้อมูลของ FBL และ FBC  ใบอนุญาตที่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย หรือ  Foreign Business License (FBL)  คือใบอนุญาตที่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทยในลักษณะที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ซึ่งใบนี้เป็นการอนุมัติที่ออกให้แก่บริษัทต่างชาติที่มีการยื่นขออนุญาตและได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์ ขั้นตอนการขอ FBL   กระบวนการขอ FBL จะต้องมีการตรวจสอบตามเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด เช่น การมีหุ้นส่วนไทยที่มีสัดส่วนอย่างน้อย 51% หรือการมีธุรกิจในประเภทที่ได้รับอนุญาต ปรึกษาเรา ให้คำปรึกษาการยื่นขอด้วยผู้เชี่ยวชาญ ! ใบรับรองที่ออกให้กับบริษัทต่างชาติที่ต้องการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หรือ Foreign Business Certificate (FBC) เป็นใบรับรองที่ออกให้กับบริษัทต่างชาติที่ต้องการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งการขอใบอนุญาตนี้จะมีข้อจำกัดในเรื่องประเภทของธุรกิจที่สามารถทำได้ตามที่กำหนดใน พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 โดยเฉพาะตาม บัญชี 3 ซึ่งเป็นรายการธุรกิจที่คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้เอง หรือสามารถทำได้โดยต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาล ขั้นตอนการขอ FBC   บริษัทต้องสมัครเพื่อขอ FBC โดยมักจะต้องยื่นเอกสารและข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า บริษัทต่างชาติจะประกอบธุรกิจในไทยตามประเภทที่อนุญาต การขอ FBC มักเกี่ยวข้องกับการมีผู้ถือหุ้นไทยอย่างน้อย 51% ในกรณีที่กิจการนั้นอยู่ในหมวดหมู่ที่มีข้อจำกัดตามพระราชบัญญัติ ปรึกษาเรา ให้คำปรึกษาการยื่นขอ ! การขอ Foreign Business Certificate (FBC) และ Foreign Business License (FBL) เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งธุรกิจของต่างชาติในประเทศไทย โดย FBC เป็นใบรับรองที่อนุญาตให้เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจ ส่วน FBL เป็นใบอนุญาตที่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้จริงตามประเภทที่กฎหมายกำหนด ทั้งสองใบอนุญาตนี้มีความสำคัญและต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด  รูปแบบธุรกิจที่ต้องยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  บริษัทที่มีการจดจัดตั้งใหม่ โดยมีผู้ถือหุ้นข้างมากเป็นชาวต่างชาติ สาขาของบริษัทต่างชาติ (Branch […]

รายได้เท่าไหร่ถึงเสียภาษี ปรึกษาภาษี คนทำงานต้องรู้ ฉบับเข้าใจง่าย 2024

รวมข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับภาษี ภาษีเงินได้ ปรึกษาภาษีฟรี! รายละเอียดข้อมูลที่ FDI พาไปทำความเข้าใจในบทความนี้ เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะมีความน่าสนใจอย่างไรนั้นไปติตตามกันได้ในบทความนี้ ภาษีคืออะไร  ภาษีคือ การเก็บเงินจากประชาชนหรือองค์กรโดยภาครัฐเป็นผู้จัดเก็บ ซึ่งภาษีเป็นรายได้ที่สำคัญของภาครัฐแทบทุกประเทศ เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศและให้บริการสาธารณะ เช่น การศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในสังคมในประเทศไทย ซึ่งการจ่ายภาษีอากรเป็นหน้าที่ของบุคคลที่ต้องจ่ายหรือชำระให้แก่รัฐ เพื่อที่จะเป็นรายได้ให้รัฐได้นำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างสรรค์โอกาสให้แก่ผู้ด้อยโอกาสและบุคคลอื่นๆ ในสังคม การตั้งใจไม่ชำระภาษี หลบเลี่ยงการชำระ ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญมีโทษทั้งทางแพ่งและทางอาญา  ภาษีแบ่งเป็นกี่ประเภท  สำหรับการจัดเก็บภาษีนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม  ภาษีทางตรง (Direct Tax) คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากรายได้หรือทรัพย์สินของบุคคลหรือองค์กร โดยที่ผู้เสียภาษีจะต้องชำระภาษีตามจำนวนรายได้หรือมูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริง ภาษีทางตรงจะมีลักษณะการเก็บที่ชัดเจน มีความแน่นอน และสามารถคำนวณได้ง่ายจากข้อมูลทางการเงินที่มีอยู่  ตัวอย่างของภาษีทางตรง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: เก็บจากรายได้ของบุคคล เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าลิขสิทธิ์ และรายได้อื่น ๆ ภาษีเงินได้นิติบุคคล: เก็บจากรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน ภาษีมรดก: เรียกเก็บจากทรัพย์สินที่ตกทอดจากผู้เสียชีวิต ภาษีทรัพย์สิน: เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเรียกเก็บจากเจ้าของทรัพย์สิน ภาษีทางอ้อม (Indirect Tax) คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากการบริโภคสินค้าและบริการ โดยไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับรายได้ของผู้เสียภาษี ผู้บริโภคจะต้องชำระภาษีนี้ เมื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการ และผู้ประกอบการจะเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งภาษีไปยังรัฐบาล ซึ่งภาษีทางอ้อมนี้สามารถจัดเก็บได้ง่าย รวดเร็ว เนื่องจากอยู่ในกระบวนการซื้อขาย ถูกรวมไว้ในราคาสินค้าและบริการอยู่แล้ว  ตัวอย่างของภาษีทางอ้อม ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): เรียกเก็บจากการขายสินค้าและบริการ โดยทั่วไปอยู่ที่ 7% ภาษีสรรพสามิต: เก็บจากสินค้าบางประเภท เช่น เหล้า บุหรี่ น้ำมัน  ภาษีการค้า: เช่น ภาษีที่เรียกเก็บจากการนำเข้าสินค้าหรือการส่งออก เงินเดือนเท่าไหร่ ต้องจ่ายภาษีอย่างไรบ้าง ?   เงินเดือนเท่าไหร่ ต้องเสียภาษีอย่างไร? โดยกรมสรรพากรได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ตามระเบียบของสรรพากรได้ระบุว่า ผู้ที่มีรายได้ตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินปันผลจากการดำเนินกิจการ เงินค่าเช่าบ้าน รวมถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน […]

6 บริการยอดนิยมที่ใช้บริการจาก Business Consulting มากที่สุดในปี 2024 – FDI

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและตลาดโลกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การมีที่ปรึกษาธุรกิจ (Business Consulting) จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ หรือคนทั่วไปที่สนใจอยากจะทำธุรกิจ ทำงาน สามารถปรับตัวและพัฒนาเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้รวดเร็วมากขึ้น บทบาทของ FDI Business Consulting คือใคร ? รู้จักกับ “ FDI Accounting and Advisory บทบาทของที่ปรึกษา พันธมิตรเคียงข้างทุกธุรกิจ” ในทุกการทำธุรกิจ ไม่เพียงแต่ผลกำไรหรือการดำเนินงานที่ราบรื่นที่หลายองค์กรต้องการให้เกิด แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง นั่นคือความยั่งยืนในการทำธุรกิจที่เชื่อว่าหลายท่าน หรือทุกองค์กรธุรกิจต่างก็อยากให้เกิดภาพแห่งความหวังนี้ขึ้นมาเช่นกัน  FDI Accounting and Advisory คือ ผู้เชี่ยวชาญในด้านการให้คำปรึกษาและบริการ โดยให้คำปรึกษาตั้งแต่การจัดตั้งกิจการจนถึงปิดกิจการ บริการให้คำปรึกษาด้านการขอใบอนุญาตเพื่อดำเนินธุรกิจต่าง ๆ, บริการขอวีซ่าการทำงาน ใบอนุญาตการทำงานในประเทศไทยให้บริการวางระบบการบริหารงาน รวมไปถึงการบริการดูแลหลังเปิดกิจการ  ครอบคลุมทั้งบริการด้านบัญชี, จัดเตรียมเอกสารทางการเงิน, ภาษี, บริการจัดทำเงินเดือน, บริการให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล และความเชี่ยวชาญอย่างด้านบริการที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Sustainability Eco-Smart Business in Every Decision) รวมถึงการบริการประเมินอุตสาหกรรม  4.0 ซึ่งทางบริษัทได้ให้บริการอย่างครบวงจรด้วยความเชี่ยวชาญ อย่างครบครันครอบคลุมในทุกธุรกิจ รวมทุกบริการ อ่านต่อ คลิก ทำไมธุรกิจจึงต้องมีที่ปรึกษา ? Q : “คำถามทำไมธุรกิจจึงต้องมีที่ปรึกษา ในเมื่อองค์กรเองก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งถือเป็นคำถามที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะน่าจะเป็นคำถามที่หลายท่านก็คงเกิดคำถามนี้เช่นกัน “ A : ในมุมมองของ FDI มองว่าไม่ว่าจะระดับธุรกิจระดับไหน ขนาดใด จะขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ก็ควรจะมีที่ปรึกษา เพราะการทำธุรกิจก็คือการแข่งขัน ในตลาดแต่ละอุตสาหกรรม ไม่ได้มีเพียงบริษัทเราเพียงบริษัทเดียวแต่ยังมีคู่แข่งอีกมากมายที่พร้อมจะให้บริการลูกค้าที่เราคาดหวังในตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ เวลา โอกาส ความสามารถและความพร้อมในการแข่งขัน จะดีกว่าไหม? ถ้าหากมีคนให้คำปรึกษา มองหาโอกาสในการเติบโต ปิดรอยต่อ สร้างโอกาสใหม่ที่ดีและยั่งยืนในระยะยาว การมีที่ปรึกษาธุรกิจจึงเป็นประโยชน์ที่สำคัญในการช่วยธุรกิจไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการวางกลยุทธ์ การปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือการจัดการความเสี่ยง ที่ปรึกษาช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นภาพรวมและแนวทางในการพัฒนาองค์กรอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเสนอแนวทางที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนนั่นเอง  จัดอันดับ 6 บริการ FDI ยอดนิยม ที่ได้รับการปรึกษามากที่สุด FDI เป็นที่ไว้วางใจเพราะเรามอบคุณค่าที่ลูกค้าต้องการในทุกมิติ ทั้งการให้คำปรึกษา การบริการที่มีคุณภาพ จากความเชื่อมั่นและการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้บริการของ […]

Thailand ESG ลงทุนแบบใหม่ กองทุน ESG กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน พร้อมลดหย่อนภาษี !

ความสำคัญของการลงทุนในกองทุน ESG  การลงทุนในกองทุน ESG กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน การสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน: การลงทุนในกองทุน ESG ช่วยสนับสนุนธุรกิจที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีความรับผิดชอบ โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน: บริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG มักจะมีการบริหารจัดการที่ดีในระยะยาว ซึ่งสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน การตอบสนองต่อแนวโน้มโลก: แนวโน้มการลงทุนตามหลัก ESG กำลังเติบโตในระดับโลก เนื่องจากนักลงทุนและบริษัทต่างให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลงทุน กองทุน ESG ในประเทศไทยมีการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ลงทุนโดยพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างเข้มงวด การลงทุนในกองทุน Thailand ESG จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและในขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทหรือสินทรัพย์ที่มีการดำเนินการตามหลัก ESG คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social), และธรรมาภิบาล (Governance อันนำไปสู่ความยั่งยืนในหลากหลายมิติ ซึ่งมีข้อดีจากการดำเนินการดังกล่าวทั้งการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว รวมถึงความมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแต่ละด้านมุ่งเน้นให้ความสำคัญดังนี้ Environmental (สิ่งแวดล้อม): บริษัทที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานทดแทน หรือการรีไซเคิล Social (สังคม): บริษัทที่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของพนักงาน ชุมชน หรือสังคม เช่น การสนับสนุนสิทธิแรงงาน การสร้างความเท่าเทียม หรือการมีส่วนร่วมในโครงการสังคม Governance (ธรรมาภิบาล): บริษัทที่มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส มีการตรวจสอบการดำเนินงานที่ดี เช่น การคุ้มครองสิทธิผู้ถือหุ้น การจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจ และการมีการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นธรรม ความน่าสนใจของกองทุน  Thai ESG  สำหรับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน มีสิทธิพิเศษให้ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเหมือนกับการลงทุนใน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ขณะที่ ESG Bond มีรูปแบบคล้ายกับตราสารหนี้ปกติทั่วไป แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ของการระดมทุน ที่ต้องการนำเงินไปใช้เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยมุ่งเน้นในด้านของสิ่งแวดล้อม (Green Bond) ด้านสังคม (Social Bond) และด้านความยั่งยืน (Sustainability Bond) ความสำคัญของการลงทุนในกองทุน Thailand ESG: การสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน: การลงทุนในกองทุน ESG ช่วยสนับสนุนธุรกิจที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน: บริษัทที่มีการดำเนินงานด้าน ESG มักจะมีการบริหารจัดการที่ดีในระยะยาว ซึ่งสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน การตอบสนองต่อแนวโน้มเทรนด์โลก: แนวโน้มการลงทุนตามหลัก ESG […]

ESG ทำไมแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนถึงได้รับความนิยม บทบาทใหม่ขององค์กรสะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคม

ESG คืออะไร ค่านิยมใหม่ ! ทำไมแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนถึงได้รับความนิยม ความน่าสนใจในการลงทุน  ESG เป็นแนวคิดในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ย่อมาจาก Environmental, Social, and Governance เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการประเมินและพิจารณาผลกระทบขององค์กรในสามด้านหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social), และ การกำกับดูแล (Governance) ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในการตัดสินใจลงทุนและการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืนในระยะยาว โดยแต่ละด้านมีรายละเอียด ได้แก่  1. Environmental (สิ่งแวดล้อม) ในด้านสิ่งแวดล้อมจะเกี่ยวข้องกับวิธีที่องค์กรรับมือกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น  การจัดการพลังงาน : ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนนำมาใช้ให้มากขึ้น  การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : มีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานขององค์กรธุรกิจ  การจัดการของเสีย : การรีไซเคิล การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงลดขยะในกระบวนการผลิต  การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน : ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีความรับผิดชอบ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม องค์กรที่คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมจะมีการวางกลยุทธ์ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างความยั่งยืนทั้งในเชิงธุรกิจและในเชิงสิ่งแวดล้อมได้ 2. Social (สังคม) ในด้านสังคมมุ่งเน้นไปที่การปฏิสัมพันธ์และผลกระทบที่องค์กรมีต่อสังคม โดยเฉพาะกับ แรงงานและสิทธิของมนุษย์: เช่น การจ้างงานที่เป็นธรรม การเคารพสิทธิแรงงาน การปฏิบัติข้อระเบียบบังคับ รวมถึงการป้องกันการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ความหลากหลายและการรวมกลุ่ม: ส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและมีความเสมอภาคในการทำงาน การปฏิบัติต่อผู้บริโภค: การให้บริการที่มีคุณภาพ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และการส่งเสริมความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในทุกรูปแบบ  การมีส่วนร่วมในชุมชน: การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เช่น การบริจาค การทำโครงการพัฒนาชุมชน การสร้างโอกาสทางการศึกษา หรือการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคม การดำเนินงานในเชิงสังคมที่ดีจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า พนักงาน และชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากสาธารณชนได้ 3. Governance (การกำกับดูแล) ในด้านการกำกับดูแลมุ่งเน้นการจัดการและการกำกับดูแลภายในองค์กรอย่างมีธรรมาภิบาล เช่น  ความโปร่งใส : การเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและซื่อสัตย์ เช่น การรายงานผลการดำเนินงานด้าน ESG และการดำเนินการทางการเงิน การกำกับดูแลของคณะกรรมการ : คณะกรรมการที่มีคุณภาพและมีความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็นกลางและมีจริยธรรม การต่อต้านการทุจริต : มีนโยบายป้องกันและต่อต้านการทุจริต การคอร์รัปชัน และการกระทำผิดทางธุรกิจ การรับผิดชอบทางกฎหมาย : บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดูแลผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ การกำกับดูแลที่ดีจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใส ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารที่ผิดพลาดหรือการทุจริต ESG เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินว่าองค์กรหนึ่ง ๆ มีการดำเนินงานและรับผิดชอบต่อปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลในลักษณะใด […]

1 2 3 4 5 18