แนะนำ “องค์กรต้องประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์” Carbon Footprint คืออะไร ? โอกาสสำคัญของธุรกิจในปี 2025
ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ Carbon Footprint คืออะไร สำคัญจริงหรือ? มีผลต่อการระดมทุนและนักลงทุนยุคใหม่อย่างไรบ้าง ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจทางธุรกิจ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) หรือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม ที่ในทุกกิจกรรมล้วนแล้วแต่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งสิ้น เจาะลึกกับที่ปรึกษาการจัดการก๊าซเรือนกระจกอ่านต่อ.. ในบทความนี้เราจะจำกัดเนื้อหาเฉพาะของในแง่มุมองค์กรธุรกิจ ที่การดำเนินงานนั้นได้กลายเป็นตัวชี้วัด มีบทบาทที่สำคัญต่อการระดมทุนและการตัดสินใจของนักลงทุนยุคใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่สังคมมุ่งเน้นในเรื่องของความยั่งยืน ที่ไม่ใช่เพียงแต่ในมิติของสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงมิติด้านสังคม ธรรมาภิบาล และการคำนึงถึงผลกระทบในอนาคตที่ต้องการให้การดำเนินชีวิตของผู้คนยังคงเป็นไปได้ด้วยความยั่งยืนในทุกมิติไว้อย่างน่าสนใจ นักลงทุนยุคใหม่ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันและกองทุน ESG (Environmental, Social, and Governance) ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าองค์กรมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและเตรียมพร้อมต่อความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อย่างดี ESG Integration : การลงทุนตามหลักเกณฑ์ ESG ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยนักลงทุนใช้คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยงและโอกาสของธุรกิจในปัจจุบันและแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต Green Finance : ธุรกิจที่มีการจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว (Green Bond) หรือสินเชื่อที่มีเงื่อนไขสอดคล้องกับความยั่งยืนได้ง่ายมากขึ้น Carbon Footprint กับประเด็นด้านกฏหมายและข้อบังคับในหลายประเทศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนำไปสู่กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เช่น มาตราการ CBAM ในสหภาพยุโรป , ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และมาตรการอื่น ๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันและต้นทุนของธุรกิจ คู่ค้า พันธมิตร ผู้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจในภาพรวม การจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่มีประสิทธิภาพจึงช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ ซึ่งองค์กรต่างต้องปรับตัวในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจัดการลดความเสี่ยงในการปฏิบัติตามข้อกำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกฏหมาย หากองค์กรธุรกิจไม่ปฏิบัติตามในประเด็นทางด้านกฏหมายจะมีความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเสี่ยงด้านกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบมาตราการ : ธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมได้ทัน อาจเผชิญกับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นและค่าปรับต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุนโดยตรงและหากมีการส่งออก คู่ค้าทางธุรกิจ ที่ต้องการข้อมูลการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากองค์กรไม่มีการทำในส่วนนี้ก็จะเกิดผลกระทบต่อธุรกิจในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างแน่นอน ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ความเชื่อมั่นในการลงทุน และภาพลักษณ์ขององค์กรต่อภายนอก ผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือจากผู้มีส่วนได้เสียในธุรกิจ รวมถึงคู่ค้าที่ต้องการทราบถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความยั่งยืนในการดำเนินงาน และผู้บริโภคในยุคที่ค่อนข้างจะให้ความสำคัญในเรื่องของความยั่งยืนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากธุรกิจไม่มีการเคลื่อนไหวหรือแผนรับมือในการปรับเปลี่ยนสู่การมีส่วนร่วมลดโลกร้อน จะส่งกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและลดความน่าสนใจในสายตานักลงทุนได้ในทันที จัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับองค์กร (CFO) คลิก !! จัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับผลิตภัณฑ์ (CFP) คลิก !! โอกาสที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในการระดมทุนและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ การมีแผนการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ชัดเจนและโปร่งใสในองค์กร ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการระดมทุน โดยเฉพาะจากนักลงทุนที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีความยั่งยืน […]